"บิ๊ก ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์" ชัดเจน! เปิดใจดราม่าพักงาน "คอปเตอร์" ทำเพราะมีเหตุผล
"บิ๊ก ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์" แซ่บ! ให้สังคมตัดสิน ถูกอดีตภรรยากีดกันไม่ให้พบลูกหรือไม่ เปิดใจดราม่าพักงาน "คอปเตอร์" ทำเพราะมีเหตุผล
หลังจากหมอลำคนดัง บิ๊ก ธิติวุฒิ หรือ บิ๊ก ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์ ประกาศเลิกรากับอดีตภรรยาก็มีเรื่องราวดราม่าตามมาอีกมากมาย รวมถึงเรื่องที่เจ้าตัวเข้าไปปรึกษาทนาย เกี่ยวกับการเรียกร้องให้จดเอกสารรับรองบุตร, เรื่องการแบ่งทรัพย์สิน รวมไปถึงห้ามบุคคลอื่นนำเด็กไปสร้างคอนเทนต์ที่ไม่เหมาะสม
ล่าสุด บิ๊ก ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์ ได้ไปร่วมงานเปิดตัวครีมกันแดด SEWA ULTRA HYBRID SUNSCREEN ก็ได้อัพเดทเรื่องคดีกับอดีตภรรยา รวมถึงแจงดราม่าเรื่องสั่งพักงาน คอปเตอร์ ศิลปินในสังกัดด้วย
ถามถึงดราม่า ที่พักงาน
น้องคอปเตอร์ ?
คือน้องคอปเตอร์
เขาก็เป็นศิลปินเด็กคนหนึ่งที่ อยู่ในค่ายโตเกียวมิวสิก
ศิลปินหนึ่งคนอายุ 10 กว่าปี
ซึ่งที่เราพักงานเขาเนื่องด้วยความไม่พร้อม
แล้วคือน้องเขาก็ไม่สบายด้วย เขามีอาการสมาธิสั้น
แล้วก็ไม่มีใครดูแลน้องได้ในการเดินทาง เพราะมันล้นบริษัท
เราก็ประชุมกันว่าควรที่จะพักไปโรงเรียนนะ
เราควรจะหาทางออกให้เราดีกว่า ไม่งั้นเราก็จะโดนดราม่าตลอด
เพราะว่ามันจะมีคนถ่ายคลิปตลอดเวลาที่น้องแสดงกิริยาไม่โอเค
ภาพมันออกไป เราเป็นห่วงน้อง เราก็ให้น้องพักก่อน
ตอนนี้คือน้องเขาอยู่กับคุณพ่อของน้องแล้วแต่ว่าก็มีห้องน้องเหมือนเดิมนะ เพราะว่าบางทีเราไปที่ทำงานทำเพลง อัดเอ็มวีก็ยังไปมาอยู่ คือเขาไม่ได้เป็นคนอื่น เขาเป็นศิลปินของเราอยู่เพียงแค่แบ่งเวลาการทำงานมากขึ้น ซึ่งเขาต้องพักไว้เรื่อยๆจนกว่าจะพร้อม จนกว่าจะสามรถใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น คำว่าเด็กมันไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน บางคนก็ไม่ได้ชอบเด็ก เพื่อนร่วมงานบางที เขาทำงาน เขาไม่ได้มาดูแลเด็ก เราก็เข้าใจคนอื่นว่าถ้าเขาไปซุกซนแผนกอื่นก็กลัวเขารำคาญ ก็เลยเอ๊ะ แบ่งแยกชัดเจนเรื่องเวลา
พักงานยาวเลยไหม ?
น้องจะมาเฉพาะคอนเสิร์ตออนไลน์ที่อยู่ในสตูดิโอเท่านั้น
ถ้าเดินสายออกต่างจังหวัดก็คือไม่ได้ให้น้องว่าไป
สำหรับประโยคที่เราต่อว่าแฟนคลับให้ห่วงตัวเองก่อน
คนมองว่าเราแรงไปหรือเปล่า ?
คือพูดจริงครับ
บางทีผมพูดจริงแล้ว ว่าลูกคุณอยู่ที่บ้านกินข้าวกับอะไร
คือวันนี้คุณมาเป็นห่วงศิลปิน ศิลปินน่ะผมดูแลให้อยู่แล้ว
เพราะว่าเด็กอายุต่ำกว่า 18 ผมดูแล กินข้าวหรือยังอาบน้ำผมดูแล
แต่บางทีเอฟซีก็มาก้าวก่ายจนเกินของคำว่าเป็นเอฟซี ก็เลยตอบไปว่า
ถามตัวเองก่อนว่ากินข้าวกับอะไร ลูกกินข้าวหรือยัง
อย่ามาเกินขอบเขตจนทำให้ศิลปินเสียคน ผมก็คือต่อว่าไปแบบนั้น
ผมว่าไม่แรงนะมันเป็นความจริง
แสดงว่าอะไรที่มันเกินขอบเขตเราก็ต้องจัดการ ?
ใช่ถ้าเราอวยจนเกินไปศิลปินก็จะเสียคน เอฟซีก็จะเอาแต่ใจ
อยากให้คนนี้เป็นคนนั้นเป็นอย่างนั้น เพราะว่ามันก็เกินไป
แล้วกับคำว่าช่างแม่งที่เราโพสต์ ?
คำว่าช่างแม่ง
คือถ้าใครดู TikTok ผม ผมเคยไปอัดรายการจากพี่เป็กกี้ว่า
แนะนำผมหน่อยในการใช้ชีวิตให้มีความสุข เขาบอกว่าใช้แบบ ช.ช้าง
ช่างแม่ง ก็เลยเอาของแกมาใช้ในชีวิตเรา บางอย่างเราก็ชั่งมันเถอะ
อาจจะเจอเรื่องไม่พอใจเรื่องไม่ดีก็ปล่อยผ่านบ้าง ก็เลยพูดไปอย่างนั้น
(ใช้กับใคร?) กับคนที่ทำให้เราปวดหัว (เราก็มีอารมณ์?) มันก็มีอยู่
(ไม่ได้โยงถึงใคร?) ใครจะรับก็รับ เราอยากระบายบ้าง
เพราะว่ามันเราอ่ะเอาแต่ปัญหาเข้ามาหาเรา
คดีต่างๆ เป็นยังไงบ้าง
?
ตอนนี้อยู่ขั้นตอนการรอคิวขึ้นอยู่ครับ
ศาลนัดแล้วแต่รอวัน น่าจะเป็นเดือนกรกฎาคม
ก่อนหน้านี้เขามีการโทรมาไกล่เกลี่ยไหม
?
เหมือนโทรมาแค่แจ้งว่าได้รับหมายศาลแล้ว
แต่ก็ไม่ได้เคลียร์อะไร ก็ค่อยไปเคลียร์กันที่ศาลเลย
แต่เขาก็ถามว่าต้องการอะไรหรอ เราก็บอกตามที่เราลิสต์ไปเลย
เขาก็เลยบอกว่างั้นก็ไปคุยกันในศาล
เขาก็ไม่ได้มีท่าทีเหมือนยอมเรา
?
เหมือนไม่มีอะไรที่เราได้ฟังเลย
คือเขาปัดเข้าศาลหมดเลยครับ
ทุกวันนี้ได้เจอลูกปกติไหม
?
ไปล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน
ไปถึงแล้วลูกก็ไม่อยู่บ้าน ตอนนั้นเหมือนเรารู้ว่าลูกจะกลับวันนี้
เราก็เลยวางแผนจะไปหาลูก เป็นวันที่ 1 ไม่ก็ 2 นี่แหละ
เรารู้ว่าลูกจะกลับวันนี้ก็เลยตั้งใจไปหา
พอไปถึงเขาก็บอกว่าไม่ได้กลับแล้วนะ
วันถัดไปเขาถึงจะกลับเราก็เลยไม่ได้เจอลูก
ก่อนไปมีการโทรนัดไหม
?
แจ้งครับ
ก็คือผมมีคิวงานแสดงอยู่ที่ยโสธรอยู่แล้ววันนั้น
ผมก็แจ้งว่าจะไปหาลูกนะ จะกลับมาถึงกี่โมงเขาบอกว่ามาถึงตอนเย็น
อันนี้คุยกันก่อนเดินทางหนึ่งวัน พอไปถึงปุ๊บ
ตอนเช้าเขาก็ส่งข้อความมาว่า ไม่ได้กลับแล้วเดี๋ยวกลับพรุ่งนี้แล้วกัน
เราก็ตกใจ แต่ก็โอเค เดี๋ยวว่างมาใหม่ก็ได้
ตอนนี้ลูกอยู่กับใครเป็นหลัก
?
อยู่กับป้าซึ่งเป็นพี่สาวของอดีตภรรยา
เรารู้สึกว่าเป็นการกีดกันไหม
?
รู้สึกค่อนข้าง…ทำใจเผื่อไว้อยู่แล้ว
บางทีเขาอาจมีธุระด่วนหรือเปล่า แต่ความตั้งใจของเราคือ
เรามีข้อความในการคุยกันว่าลูกจะกลับเวลานี้นะ วันนี้
แต่พอถึงเวลาก็ไม่เห็นมา แต่ผมก็ไม่รู้ว่ากีดกันหรือเปล่า
แล้วแต่คุณจะพิจารณาเอาเอง ผมก็ไม่กล้าพูดเต็มปาก
แต่จริงๆแล้วผมก็ตกใจอยู่ แต่โอเคก็ไม่เป็นไร วันเกิดผม 12 มิถุนายน
ผมจะมารับลูกอยู่แล้ว
ปกติเจอลูกบ่อยขนาดไหน
?
คือบางคนอาจจะบอกว่าทำไมวันที่ลูกอยู่ถึงไม่มา
ทำไมวันที่ลูกไม่อยู่ถึงต้องดิ้นรนมา ให้มันเป็นเรื่องเป็นราว
คือวันที่ลูกอยู่ผมก็ไม่ว่าง แต่วันที่ผมจะไปก็คือนัดกันแล้ว
นานๆ ทีจะได้เจอลูกครั้งนึง
?
ใช่ ก็แอบมีความหวังว่าจะได้เจอลูกอยู่
(ได้เจอกันที่อยู่ด้วยกันนานไหม?) กลางวันทั้งวันเลยครับถ้าไปครั้งนึง
แต่รอบนี้วันที่ 11 มิถุนายน ก็แจ้งแล้วว่าจะไปรับลูกอีกครั้ง
หวังว่าจะไม่มีธุระด่วนอีก
ก็เผื่อใจอยู่แต่เราก็แจ้งออกสื่อขนาดนี้แล้ว แต่แจ้งเขาแล้วนะ
เขารับทราบแล้ว
ได้เจอลูกน้อยมากๆ กลัวเรื่องความผูกพัน
ความใกล้ชิดไหม ?
ก็กลัวอยู่ครับ
คิดอยู่ว่าลูกจะไม่สนิทกับเราเหมือนเดิมแบบไม่คุ้นเคย
ลูกชายคนเล็กก็เพิ่งหนึ่งปี
ผมคิดว่าลูกชายคนเล็กต้องใช้เวลาในการเข้าหาเขานิดนึง
เพราะเราห่างจากลูกมาเดือนสองเดือนแล้ว
ซึ่งเป็นช่วงที่เขากำลังจดจำพอดี แต่ยังไงคำว่าพอลูกมันก็เป็นสายเลือด
ยังไงมันก็จูนกันง่ายอยู่ครับ
นอกจากการเจอหน้ากันแล้วคุยกันทางโทรศัพท์บ่อยขนาดไหน ?
ก็ยังโชคดีอยู่ที่นาริตะอายุ 4 ขวบแล้ว
เขามีการโทรวิดีโอคอลเป็น มีการถ่ายรูปเป็น บางครั้งก็กดโทรมาหาเรา
แต่ช่วงหลังหลังไม่เห็นได้โทรมาแล้ว แต่ช่วงเดือนก่อนโทรตลอดเลยนะ
แล้วครูที่โรงเรียนก็ส่งข้อความมาหาว่าลูกพูดถึงพ่อตลอดเลย
ตอนเราโทรไปหาเขา
เขารับทุกครั้งไหม ?
บางทีก็ไม่รับ
บางทีเขาอาจจะไม่ว่างหรืออะไร ก็มีเยอะอยู่ รับก็มี
คิดว่าที่เขาไม่รับเป็นเพราะอะไร ?
อาจจะยุ่งอยู่
หรืออาจจะไม่สะดวก หรืออาจจะมีเหตุจำเป็น
เวลาน้องโทรมาพูดอะไรกับเราบ้าง ?
พ่อมารับหนูหน่อย
เมื่อไหร่จะมารับหนู มารับหนูเลยนะ
แต่เราก็จะอธิบายบอกเขาว่าเราทำงานอยู่
เราให้เหตุผลเขาว่าอะไร
เขาจะเข้าใจผิดไหมว่าเราอาจจะเทเขา
?
ใช่ เขาจะมีอยู่ว่าทำไมพ่อไม่มารับหนูเลย
แต่เราคิดว่าเรามีเหตุผลที่จะบอกเขาได้อยู่แล้ว
ก็อาจจะบอกเขาอีกทีนึงตอนเราเจอกันว่าที่พ่อไม่ได้มาเป็นเพราะอะไรนะ
เพราะว่าเขาสี่ขวบมีความทรงจำแล้ว
ถามถึงเรื่องของอดีตภรรยา ที่มีกระแสมากมายโจมตี
เราได้เห็นข่าวบ้างไหม
?
ส่วนมากอ่ะไม่ค่อยได้อ่านมีแต่คนมาเล่าให้ฟังอย่างนั้นอย่างนี้
คือผมอ่ะไม่ได้กดติดตาม ผมเป็นเพื่อนในเฟสกันอยู่
ก็คือกดอันฟอลโล่ไม่ได้ดูการเคลื่อนไหว
คือรับฟังอยู่ว่าเขาเจอปัญหาอะไรต่างๆ
เราก็เพียงแค่ส่งกำลังใจให้เขาสู้สู้( ส่งยังไง?) ส่งผ่านจิตกระแส
จะให้เราส่งข้อความไปมันก็คงไม่ใช่ ส่งกระแสจิต แบบเชื่อมจิต
แล้วส่วนตัวเรารู้สึกกับกระแสที่เขาโดนโจมตี
?
ทุกสิ่งทุกอย่างอะไรก็ช่างมันอยู่ในตัวเรา
คือถ้าเราแสดงอะไรให้มันดีมันก็ดี
คือเราแสดงออกยังไงมันสะท้อนกลับมาหาตัวเราเองหมดเลยนะ
อย่างเช่นวันนี้ที่ผมสัมภาษณ์
ผมสัมภาษณ์ดีมันก็ออกไปดีกลับมาหาเราดีเลย
คือถ้าเราทำออกไปไม่ดีมันก็กลับมาหาเราไม่ดี เพราะฉะนั้นผมมองแล้ว
มันเป็นเรื่องใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ก็ส่งกำลังใจให้
ทุกๆคนมันมีสิทธิ์พลาดพลั้งกันได้ แต่ก็อย่าพลาดบ่อย
ให้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังผิดพลาดอยู่ คือสังคมไทยอ่ะเขาเป็นคนใจดี
แต่สังคมไทยให้อภัยกับคนที่สำนึกผิด
เรื่องที่ลูกถามเราว่าทำไมพ่อไม่นอนกับแม่เลย
?
คือวันนั้นผมไลฟ์สดอยู่
แล้วผมคิดว่าเนี่ยกำลังเช่าบ้านกำลังหาบ้านอยู่
แล้วลูกอ่ะนั่งอยู่ข้างๆ แต่ผมลืมคิดไป ลูกก็เลยบอก
เอ้าไปหาบ้านทำไมในเมื่อพ่อก็มีบ้านอยู่ แม่ก็มีบ้านอยู่
กลับไปนอนที่บ้านเราสิ ลูกก็เลยถามแบบนั้น เพราะเขาได้ยิน
ถึงร้องไห้เลย เพราะทำไมลูกถามยังงั้น
เราก็ลืมตัวว่าเราพูดให้ลูกได้ยิน
ที่ร้องก็คือรู้สึกจุกว่าบ้านเราก็มีอยู่แต่ทำไมต้องไปอยู่ที่อื่น
เราก็รู้สึกว่าลูกถามแบบนี้เราสะเทือนใจ
เพราะว่าบ้านน่ะสร้างเสร็จก่อนเดือนกรกฎาคม
แล้วคือบ้านหลังนี้เราสร้างยังไม่ถึงปีเลย
บ้านที่เราตั้งใจสร้างให้ครอบครัว มีสระว่ายน้ำ มีสวนมีอะไร
มันเป็นบ้านของครอบครัวจริงๆบ้านหลังนี้
แล้วการจะขึ้นศาลครั้งนี้เป็นการเจอกันหลังจากแยกทางกันใช่ไหม
?
ใช่ครับ
เตรียมคำพูดยังไงบ้าง
?
คือผมไม่ได้เตรียมอะไรมากเลย
ผมเป็นธรรมชาติหมดเลย ไม่มีสคริปต์
เวลาจะเจอเขาก็คือพูด่ความจริงหมดเลย แต่มันไม่มีโอกาสได้ต่อรองกัน
อาจจะไม่ลงตัวเราก็ต้องคุยกันข้างใน ในเรื่องของกฎหมาย
แล้วในวันเกิดของเราได้ปชวนเข้ามาร่วมแฮปปี้เบิร์ธเดย์ไหม
?
ไม่ชวนครับ
คุณกำลังดู: "บิ๊ก ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์" ชัดเจน! เปิดใจดราม่าพักงาน "คอปเตอร์" ทำเพราะมีเหตุผล
หมวดหมู่: ความบันเทิง