Bruce Willis กับ 5 เรื่องน่ารู้ และรวมผลงาน “คนอึดตายยาก” แห่งวงการฮอลลีวูด

17 ก.พ. 2566 | 12:34 น.

แม้ว่า Bruce Willis จะหยุดทำการแสดงเนื่องจากปัญหาสุขภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ผลงานและเรื่องราวในชีวิตของเขาจะเป็นแบบอย่างและเป็นตำนานที่น่าจดจำของผู้คนทั่วโลกต่อไปอีกนานแสนนาน

บรูซ วิลลิส (Bruce Willis) ยืนยันอำลาวงการ หลังตรวจพบเป็นโรค Aphasia
บรูซ วิลลิส ป่วยโรคสมองส่วนหน้าเสื่อม ภรรยาเผยอาการแย่ลง

หลังจากที่ประสบปัญหาด้านการสื่อสารจนต้องหยุดทำงานแสดงที่รัก จนสุดท้ายทางครอบครัวแจ้งให้แฟนๆ ทราบอย่างเป็นทางการว่า Bruce Willis ในวัย 67 ปี กำลังป่วยเป็นโรคสมองส่วนหน้าเสื่อม (เอฟทีดี) แต่ชีวิตในวงการฮอลลีวูดของเขายังคงเป็นที่จดจำและจะเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตของแฟนๆ คอหนังทั่วโลกกันต่อไป

Bruce Willis “คนอึดตายยาก” แห่งวงการฮอลลีวูด

เด็กชาย Walter Willis ที่มาพร้อมอาการพูดติดอ่าง

Bruce Willis ไม่ใช่ชื่อจริงของเขา เขามีชื่อจริงว่า Walter Bruce Willis เกิดที่เยอรมนีตะวันตก คุณพ่อเป็นทหารอเมริกัน คุณแม่เป็นสาวเยอรมัน เป็นพี่คนโตของพี่น้องทั้งหมด 4 คน (น้องสาว 1 คน และน้องชายอีก 2 คน) หลังจากที่คุณพ่อปลดประจำการที่เยอรมนี จึงอพยพครอบครัวกลับมาใช้ชีวิตที่นิวเจอร์ซีย์ อเมริกา

Bruce Willis ในวัยเด็กมีอาการพูดติดอ่าง แต่เขาค้นพบหลังเข้าชมรมการแสดงว่าการแสดงทำให้อาการติดอ่างของเขาดีขึ้น เขาจึงสนใจการแสดงบนเวที และสุดท้ายความมุ่งมั่นและความสามารถอันโดดเด่นของเขาก็ทำให้เขาได้รับเลือกให้เป็นประธานนักเรียน

ยาม นับสืบเอกชน บาร์เทนเดอร์ สารพัดอาชีพก่อนเป็นนักแสดง

ก่อนที่ Bruce Willis จะเริ่มต้นเส้นทางสายนักแสดง หลังจบโรงเรียนมัธยมปลาย เขาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์มาก่อน ก่อนที่จะทำงานเป็นนักสืบเอกชน (ที่ต่อมาเขาได้แสดงในบทนี้ในซีรีส์ Moonlighting และหนังเรื่อง The Last Boy Scout) และสุดท้ายเขาก็เริ่มต้นเข้าสู่วงการแสดงอย่างเต็มตัวด้วยการเรียนต่อด้านการแสดงอย่างจริงจังที่มหาวิทยาลัย Montclair State ก่อนจะหยุดเรียนแล้วย้ายไปตามความฝันในวงการแสดงที่นิวยอร์ก ที่ที่เขาทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ที่บาร์ในแมนฮัตตันเพื่อเลี้ยงชีพตัวเอง

จุดเริ่มต้นของ “คนอึดตายยาก”

ช่วงปี 1980s Bruce Willis ได้รับบทในซีรีส์ Moonlighting (1985–1989) โดยเอาชนะผู้ที่เข้ามาแคสต์บทในซีรีส์เรื่องนี้กว่า 3,000 คน เขาสั่งสมชั่วโมงการแสดงในบทตลกผ่านซีรีส์เรื่องดังกว่า 5 ซีซั่น และเขาได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมทั้งจาก Emmy Awards และ Golden Globe Awards

Bruce Willis เริ่มก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์ด้วยการรับบทนำในหนังโรแมนติกคอเมดี้ Blind Date (1987) และหนังคาวบอย Sunset (1988) ก่อนที่จะเริ่มต้นคาแร็กเตอร์สุดสตรองในหนังแอคชั่นที่เป็นผลงานมาสเตอร์พีซของเขาอย่าง Die Hard (1988) เขากลายเป็นนักแสดงที่มีอิมเมจในการเป็นฮีโร่บู้ล้างผลาญ และเป็นที่กล่าวถึงในแง่ของการแสดงบทแอคชั่นที่โดดเด่นอย่างมากจากการแสดงฉากแอคชั่นส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง ภาพยนตร์เรื่อง Die Hard กวาดรายได้ทั่วโลกไปมากกว่า 138 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ เกือบ 4,800 ล้านบาท

Bruce Willis สานต่อความสำเร็จของ Die Hard ด้วยการนำแสดงในภาคต่อ Die Hard 2 (1990) และ Die Hard with a Vengeance (1995) กวาดรายได้ทั่วโลกกว่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมากกว่า 24,000 ล้านบาท ส่งผลให้ชื่อของ Bruce Willis กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ประจำวงการฮอลลีวูดอย่างไม่ต้องสงสัย

เข้าสู่วงการเพลงในฐานะศิลปินเดี่ยว

บางคนอาจจะไม่รู้ว่า Bruce Willis ไม่ได้เป็นแค่นักแสดง แต่ยังเป็นนักร้องอีกด้วย เขาปล่อยอัลบั้มเดี่ยว The Return of Bruno (1987) และอีก 2 อัลบั้ม If It Don't Kill You, It Just Makes You Stronger (1989) และ Classic Bruce Willis: The Universal Masters Collection (2001) นอกจากนี้เขายังร้องเพลงประกอบภาพยนตร์และซีรีส์มากมาย รวมถึงร่วมแสดงละครบรอดเวย์เรื่อง Misery (2015) อีกด้วย

ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในหลากหลายบทบาท

ถึงแม้ว่า Bruce Willis จะโด่งดังเป็นพลุแตกจนขึ้นแท่นเป็นซูเปอร์สตาร์และรายได้มหาศาลจากภาพยนตร์แนวแอคชั่นฮีโร่ แต่เขาไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีแต่ผลงาน one hit wonder ดังเรื่องเดียวแล้วจบแต่อย่างใด เขายังคงมีงานแสดงหลากหลายแนวในหลายๆ บทบาท ทั้งผลงานสุดคลาสสิก Pulp Fiction (1994), The Fifth Element (1997), Armageddon (1998), The Sixth Sense (1999) รวมถึงการกลับมาสู่วงการซีรีส์แนวคอเมดี้อย่าง Friends (2000) และภาพยนตร์คอเมดี้ The Whole Nine Yards (2000) และยังประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องกับภาพยนตร์แนวระทึกขวัญอย่าง Unbreakable (2000), Perfect Stranger (2007), Glass (2019) แนวแอคชั่นวิทยาศาสตร์อย่าง Surrogates (2009), Looper (2012) และสานต่อความสำเร็จของ Die Hard อีกครั้งกับภาพยนตร์ภาคต่อ Live Free or Die Hard (2007) และ A Good Day to Die Hard (2013)

ตลอดระยะเวลาในการทำงานในวงการฮอลลีวูดของ Bruce Willis กว่า 4 ทศวรรษ แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีแนวไหน บทบาทไหนที่เขายังไม่เคยได้ลองแสดง แถมยังประสบความสำเร็จแทบจะแนวด้วยซ้ำ

หลังจากที่เขาเริ่มแสดงอาการผิดปกติ มีปัญหาทางด้านการสื่อสาร จำบทไม่ได้ ระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Out of Death (2021) และเขาเริ่มเข้ารับการรักษาอย่างจริงจังโดยหยุดงานแสดงทั้งหมด เขายังคงทำงานที่ค้างไว้ทั้งหมดจนจบโดยถ่ายทำผลงานต่างๆ มากถึง 11 เรื่อง ก่อนที่ในวันที่ 16 ก.พ. 2023 ครอบครัวของเขาแจ้งข่าวร้ายแก่แฟนๆ ว่าเขาเป็นโรคสมองส่วนหน้าเสื่อม (เอฟทีดี)

Sanook หวังว่า Bruce Willis จะได้รับการรักษาจนอาการหายดีขึ้นในเร็ววัน และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่านักแสดงเจ้าบทบาทระดับตำนานคนนี้ จะต้องเป็น “คนอึดตายยาก” สมชื่อแน่นอน