หญิงลี เคยเครียดจนสุขภาพพัง “คาเฟอีน” เพลงที่แต่งเอง ลบคำดูถูกฟลุกดัง

หญิงลี ศรีจุมพล ย้อนวันวานกว่าจะเป็นศิลปิน ร้องเพลงตามงานวัด มีคนดู 5-10 คนก็ต้องเล่น ก่อนจะเป็นศิลปินที่มีทั้งช่วงสูงสุดและต่ำสุดของชีวิต และประสบความสำเร็จอีกครั้งกับผลงานเพลงที่แต่งเอง

หญิงลี เคยเครียดจนสุขภาพพัง “คาเฟอีน” เพลงที่แต่งเอง ลบคำดูถูกฟลุกดัง
  • ชีวิตก่อนเป็นศิลปินแกรมมี่ เคยร้องเพลงตามงานวัด มีคนดู 5-10 คนก็ต้องเล่น
  • วันที่โด่งดังสุดขีด มีงานจ้างวันละหลายงาน ก่อนเจอจุดต่ำสุดของชีวิต เครียดจนสุขภาพพัง
  • โด่งดังอีกครั้งกับ “คาเฟอีน” ผลงานเพลงล่าสุดที่แต่งเนื้อร้องเอง ลบคำดูถูกว่าฟลุกดัง

ผ่านร้อนหนาวในวงการบันเทิงมานานกว่า 10 ปีแล้ว สำหรับลูกทุ่งสาวสตรอง หญิงลี ศรีจุมพลที่ในวันแรกโด่งดังเป็นพลุแตกจากอัลบั้มแรก “ขาขาวสาวลำซิ่ง” ที่มีเพลงฮิต “ขอใจเธอแลกเบอร์โทร” และ “หญิงลั้ลลา” จนมีงานต่างๆ เข้ามามากมาย แต่แล้วหลังจากนั้นอัลบั้มต่อมากลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าอัลบั้มแรก ท่ามกลางกระแสบูลลี่ที่โหมกระหน่ำ ทำให้เครียดหนักจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

แต่ชีวิตฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ เพราะเพลงล่าสุด “คาเฟอีน” ซึ่งเป็นผลงานเพลงที่เจ้าตัวแต่งขึ้น กลายเป็นเพลงฮิตในโลกโซเชียลอีกครั้ง บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ชวนหญิงลีย้อนวันวานกว่าจะมาเป็นศิลปิน เคยร้องเพลงตามงานวัด มีคนดู 5-10 คนก็ต้องเล่น ตลอดจนพูดถึงช่วงสูงสุดและต่ำสุดของชีวิต ก่อนจะประสบความสำเร็จอีกครั้งด้วยผลงานที่สร้างสรรค์ด้วยตัวเอง

เส้นทางศิลปิน

เราถามถึงช่วงก่อนที่จะกลายเป็นศิลปินชื่อดังในทุกวันนี้ว่าทำอะไรมาบ้าง นักร้องสาวเผยชีวิตในช่วงนั้นให้ฟังว่า “เส้นทางศิลปินของหญิงลีเหมือนนักกีฬาที่เขาได้แชมป์โลก ก่อนที่เขาจะได้แชมป์โลก เขาซ้อมมาตั้งแต่เด็ก หญิงลีก็ร้องเพลงตั้งแต่อายุ 14 ร้องเพลงทั่วไปตามโรงเรียน งานบุญ งานวัด งานจ้างทั่วไป ค่าตัว 300 500 1,000 จนมาทำหมอลำซิ่งก็ได้หมื่นกว่า ก็มีงานบ้าง ไม่มีบ้าง พออายุ 29 ถึงได้เซ็นสัญญากับแกรมมี่ และโด่งดังตอนอายุ 30 ปี ตอนนี้หญิงลีอายุ 39 ก็ 10 ปีพอดี”

ถามว่าเคยผ่านอะไรมาบ้างที่มองย้อนกลับไปแล้วคิดว่าตัวเองผ่านมาได้อย่างไร เจ้าตัวตอบทันที “มีเยอะแยะเลยค่ะ แม้แต่การเก็บตัว การเทสต์ ทดสอบกับครูเพลงก็หนัก แม้แต่การที่เราไม่ใช่มืออาชีพ อยู่ในห้องอัดเขาก็ให้เราร้องใหม่ เอาให้ได้สิ ร้องแบบนี้ๆ แล้วเราทำไม่ได้ เราก็ต้องมาร้องไห้นอกห้องอัด แล้วเราก็ต้องเข้าไปตั้งหลักร้องใหม่ ก็คืออัลบั้มที่มีเพลง “ขอใจเธอแลกเบอร์โทร” นี่แหละ อยู่ในช่วงอัด 1 อาทิตย์ 10 เพลง แต่ด้วยความที่เราไม่ใช่มืออาชีพ แต่เราพยายามบอกตัวเองว่าเราต้องทำได้นะ

ก่อนหน้านั้นก็ 4-5 ปีก่อนครูจะเอาเข้าค่าย ครูก็ต้องดูว่าเราเกเรมั้ย จะมีแฟนมีลูกมีผัวมั้ย ครูจะเสียหน้ามั้ยถ้าเอาเข้าค่าย มันเยอะเรื่องไปหมด ช่วง 4-5 ปีก่อนเข้าค่าย หญิงลีก็รับจ้างทั่วไป เป็นนักร้องตามงานวัด สมมติคนดังขึ้นเวที เราขึ้นเวทีทีหลังคนก็กลับหมดแล้ว มีคนดู 10 คนก็ต้องเต้น

ความลำบากตอนไม่ดังกับตอนดังมันต่างกัน ตอนไม่ดังมีคนดู 5-10 คนก็ต้องเล่น ได้เท่าไรก็เอา เพราะเราฝันอยากจะดัง วันหนึ่งที่เราดังแล้วเราห้ามเหนื่อย ห้ามบอกว่าเบื่อ ห้ามบอกว่าท้อ เพราะว่าเราอาสาที่จะมาอยู่ตรงนี้แล้ว แค่ดูแลตัวเองให้พักผ่อนได้ ค่อยๆ เคลียร์กับคน ให้เขาจัดการบริหารให้หน่อยเรื่องงาน เวลา ความลงตัว

ก่อนจะเข้าค่ายช่วงนั้นท้อตลอดค่ะ แต่ยังไงก็ต้องสมัครงานตรงนี้ให้ได้ก่อน ถ้าเขาจะไม่เอาก็อีกเรื่องนึง แต่ก่อนที่เราจะไปสมัครงานก็ฝึกฝนตัวเองก่อน คือหลายค่ายเพลงในประเทศไทย เราจะมีเป้าหมายไปค่ายไหน เราต้องสมัครทุกค่าย เพื่อที่ค่ายใดค่ายหนึ่งจะต้องเอาเรา แต่ด้วยความโชคดีที่ได้มาค่ายนึงทีเดียวเลยคือแกรมมี่ ครูสวัสดิ์พามาเลย ครูการันตีกับผู้บริหารคือคุณกริช ทอมมัส ว่าผมไม่ให้พี่ขาดทุน ซึ่งคุณกริชโอเค เชื่อใจอาจารย์สวัสดิ์”

ดังพลุแตก

เมื่อกลายเป็นศิลปินออกอัลบั้มชุดแรก “ขาขาวสาวลำซิ่ง” หญิงลีก็เล่าถึงสิ่งที่ไม่คาดคิด คือเพลงสุดท้ายกลายเป็นเพลงโปรโมตแทนเพลงที่ 2 “ตอนนั้นก็ทำเพลงโปรโมตคือเพลง “ขาขาวสาวลำซิ่ง” ตอนนั้นตลาดหมอลำซิ่งกำลังเฟื่องฟู หลายสังกัด หลายศิลปิน

ทีนี้เพลง “ขอใจเธอแลกเบอร์โทร” มันเหนือความคาดหมาย มันคือเพลงที่ 10 ไม่ได้เป็นเพลงโปรโมตตั้งแต่แรก เป็นเพลงประกอบอัลบั้ม แต่เนื่องจากฟีดแบ็กมาจากดีเจทั่วประเทศว่าเพลงนี้ดีนะ สนุกจังเลย ทำให้ผู้บริหารตัดสินใจโปรโมตเพลงที่ 10 ไม่ได้โปรโมตเพลงที่ 2 เพราะเพลงที่ 9-10 มา ซึ่งเพลงที่ 9 คือเพลง “หญิงลั้ลลา” เจ้านายเลยโปรโมตเพลง “ขอใจเธอแลกเบอร์โทร” โด่งดังภายใน 3 เดือน”

ถามว่าช่วงนั้นตั้งรับความดังของตัวเองยังไงบ้าง เพราะทุกอย่างมาอย่างรวดเร็ว ลูกทุ่งสาวบอกว่า “ตอนนั้นตั้งตัวแค่ว่าจะพูดยังไงให้รู้เรื่อง (หัวเราะ) จะตอบคำถามยังไงกับรายการนี้ พิธีกรคนนั้นดังจังเลย เราจะตอบคำถามเขายังไง คือเป็นความตกใจดัง เขาว่าเราดังเหรอ เราต้องวางตัวยังไง จะต้องพูดคำอะไร เราต้องไม่ตื่นตระหนก จะต้องจัดการบริหารตัวเองยังไงให้สมกับที่เขาบอกว่าเราดังก็ฮึบตัวเองขึ้นมา สู้นะๆ หญิงลี

แต่หญิงลีดีใจนะ เวลาเราเจอดาราเราก็ตื่นเต้น แล้วสุดท้ายเขาบอกว่าเราดังนี่หว่า แล้วเราต้องทำยังไง คนบอกว่าเราดังเท่าเขา มันเลยทำให้หญิงลีต้องวางตัว ไม่ใช่กะโหลกกะลาเด๋อด๋าไปก็ไม่ไหว หรือจะทำตัวเว่อร์มากไปก็ไม่ดีนะ เพราะเราก็เป็นนักร้องลูกทุ่งค่ะ”

ช่วงนั้นหญิงลีเผยว่ามีงานเข้ามาเยอะมากจนแทบไม่ได้พักเลยทีเดียว “ช่วงนั้นรับงานเยอะค่ะ วันละหลายงาน มีบางวันที่ทางผู้จัดเขาดูแลเรา เขาเหมาตั้งแต่หัวค่ำจนถึง 4-6 งาน มีวันแรงงานวันนึงที่รับ 6 งาน คือตั้งแต่ 10 โมง บ่าย 2 แล้วก็ 6 โมง 2 ทุ่ม 4 ทุ่ม เที่ยงคืน จนงานสุดท้ายเราไปไม่ได้ เวทีแทบถล่ม เขาจะพังเวที ซึ่งเป็นผู้จัดท่านเดียวกัน เขาอาสาว่าจะพาวิ่งให้ได้ แต่ด้วยความที่รถมันติดเลยไปไม่ทันค่ะ”

เครียดจนสุขภาพพัง

แต่หลังจากที่หญิงลีออกอัลบั้มชุดต่อมาและกลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าอัลบั้มแรก หญิงลียอมรับว่าเครียด “ก็นอยด์ว่าจะหมดไฟแล้วเหรอ คนไม่เอาเราแล้วเหรอ เราเป็นภาระให้ค่ายจังเลย แต่ค่ายก็ยังผลิตให้เราเรื่อยๆ เราก็เกรงใจ เวลาทำ 1 ซิงเกิลก็ไปหลายรายการ ต้องไปสนุกทุกรายการ แต่ละรายการก็โปรโมตเพลงใหม่ของเรา แล้วต้องไป 6 รายการเป็นอย่างน้อยในแต่ละซิงเกิล

ทีนี้มันเฟล ยอดวิวไม่ขึ้น กระแสตอบรับไม่มา แล้วเพลงต่อไปยังมีแพลนต้องทำอีก หญิงต้องไปออกรายการอีก ต้องสนุกอีก ทั้งที่เพลงที่แล้วมันไม่ดัง แต่หญิงก็ต้องไปสนุกอีก เผื่อเพลงใหม่จะดัง ทำมาปีละหลายซิงเกิลจนหญิงท้อ ก็บอกว่าฉันหมดไฟแล้วแหละ ฉันขุนไม่ขึ้นแล้ว ทำไปเท่าไหร่ก็เปลืองเงินค่าย แล้วมันเหนื่อยที่ต้องมาสนุกทุกรายการ ทั้งที่เพลงไม่ดังค่ะ

มันมีคำบูลลี่ต่างๆ เยอะแยะไปหมด ช่วงนั้นก็เลยดาวน์ แล้วหญิงเลยไปตั้งหลักทำรีสอร์ตเพราะถึงคนจะด่าจะว่า แต่เราก็ยังมีรีสอร์ตอยู่ มีบุญเก่าไว้กินอยู่เรื่อยๆ มีงานจ้างให้ไปบ้างก็ไป ช่วงที่ป่วยมากๆ ก็ใช้ธรรมชาติบำบัด กินอาหารดี รักษาตัวเองหลายสิ่งอย่าง เข้าไปอ่านข้อความคนที่ให้กำลังใจ

ช่วงที่เราป่วยก็ไม่มีใครมาโจมตีเราค่ะ คงไม่มีใครใจร้ายขนาดนั้น แต่ว่าในเพลงก็ยังมีคนมาด่าอยู่ ทุกวันนี้ก็ยังมี เราก็ตอบโต้ไปบ้าง ก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้ก็ปล่อยผ่าน ใครจะด่าเราก็ช่างมันเพราะพูดไปแล้ว บางทีเราลงคลิปทำบุญก็มีคนด่าหน้าสดไม่สวยเลย ก็คิดว่าเขาเป็นพวกก่อกวนนี่แหละ ไม่มีตัวตน”

หญิงลีเผยว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้อาการป่วยดีขึ้น ส่วนหนึ่งคือกำลังใจจากคนรอบข้าง “อย่างผู้บริหารทุกคนก็บอกเป็นกำลังใจให้ตอนเจ็บป่วย พอเพลงมาก็ดีใจด้วย ผู้ใหญ่ทุกคนจะพูด แม้แต่พี่ๆ สื่อมวลชน รายการต่างๆ พี่ๆ พิธีกรก็จะพูดคำนี้ ที่ผ่านมาทุกคนไม่ได้ทอดทิ้งเรา เพียงแต่ไม่กล้ามาพูดตอกย้ำให้เรานอยด์ ทำให้เรารู้สึกว่าการที่เราดูแลตัวเอง คนอื่นก็ไม่ทิ้งเราด้วย เราก็ไม่ทิ้งตัวเองด้วยค่ะ”

คาเฟอีน

หญิงลีเล่าถึงการทำเพลงใหม่สุดฮิต “คาเฟอีน” ให้ฟังว่า “เพลงนี้หญิงลีแต่งเอง ส่วนดนตรีหญิงให้ครูทำดนตรีแนวเพลงยุค 90 ส่งเพลง No Coke เป็น Reference เลยว่าเอาจังหวะประมาณนี้ แล้วที่แต่งเพลงนี้คือชอบกินกาแฟค่ะ เป็นคนชอบแต่งเพลง พอชื่อของกาแฟหลากหลายรสชาติมาสัมผัสกัน เราก็เฮ้ย ลองเอามาแต่งเพลงดีกว่า แต่การแต่งเพลงต้องมีห้องดนตรี 8 ห้อง ถ้าเกิน 8 ห้องมันก็ล้น ถ้าล้นแล้วมันต้องถูกตัดออก อย่างอเมริกาโนมันก็ไม่ได้ ก็ใช้คำอื่น คำว่าอะไรดีนะก็เป็นการถามตัวเอง และก็ใช้คำที่มันใกล้ตัวประชาชนที่สุด”

ส่วนกระแสตอบรับที่ดีขนาดนี้ ทำให้เจ้าตัวบอกว่ารู้สึกใจฟู เนื่องจากเป็นเพลงที่แต่งเองด้วย “ตอนนี้เพลงคาเฟอีนทำให้หญิงลีใจฟูนะคะ เพราะว่าเนื่องจากทุกคนอาจอยู่ในภาวะกักตัวมาหลายปี พอมีเพลงสนุกแบบนี้ มันอาจจะไม่ได้จังหวะเร็วมาก แต่เป็นจังหวะที่โยกได้ คนก็เลยยอมรับและเอาไปเล่นไปร้องเต้นกันเยอะแยะเลย ทำให้เพลงนี้มีกระแสโด่งดังอย่างรวดเร็วภายใน 1 เดือน เป็นอะไรที่ชื่นใจมากนะ คนรู้จักเร็ว งานจ้างเข้ามาค่อนข้างเร็ว พี่ๆ สื่อก็ให้การต้อนรับหญิงลีกลับมา”

เพลงนี้หญิงลีชื่นใจเพราะเป็นเพลงที่แต่งเอง พอเพลงมีกระแสมาก็น้ำตาไหล ขึ้นชาร์ตอันดับ 1 คลื่นลูกทุ่ง ขึ้น Intensive Watch ด้วย มันภูมิใจค่ะ เราล้มลุกคลุกคลานมาเยอะ พอวันนึงเรามาถึงเส้นชัย มันก็เลยบรรยายได้เป็นหมื่นๆ คำ ในวันที่เราพยายามทำเพลงมาเยอะแต่ไม่มีการตอบรับแบบนี้ เพราะพอเพลง “ขอใจเธอแลกเบอร์โทร” กับ “หญิงลั้ลลา” เฟดลงมา ก็เป็น 10 ปีเลยนะคะ”

ถามว่าตอนแรกคิดว่ากระแสจะมาขนาดนี้ไหม หญิงลีบอกว่า “ในใจแอบคิดลึกๆ ว่าตามร้านกาแฟต่างๆ จะเปิด น่าจะเป็นน้ำซึมบ่อทราย อาจจะไม่ได้โด่งดังมาก แอบหวังลึกๆ ว่าต่างประเทศจะเอาบ้าง เพราะมันเป็นคำภาษาอังกฤษซึ่งมันอยู่ทั่วโลก หญิงแอบคิดลึกๆ ว่ามันอาจจะมีกระแสบ้าง แต่มันเหนือความคาดหวัง เหมือนปาฏิหาริย์ คนเอาไปเล่นใน TikTok เยอะ จนทำให้เป็นไวรัล ทำให้หญิงลีชื่นใจมาก ดีใจเหลือเกินค่ะ”

จากกระแสในอดีตที่โดนดูถูกว่าฟลุกดัง ในวันนี้เพลงที่หญิงลีแต่งเป็นบทพิสูจน์ฝีมือของเธอในการทำเพลง “เพลงที่หญิงลีแต่ง หญิงลีเคยถูกว่าหญิงฟลุกที่ดัง พอเพลงคาเฟอีนดังอีกครั้งนึงโดยงานเขียนจากหญิงลีเอง หญิงลีก็เลยมีความภูมิใจมากว่าฉันไม่ได้ฟลุกนะ ฉันสู้ ฉันทำ ฉันขยัน มีความสามารถ ความใส่ใจ ตอนแรกหญิงก็คิดว่าหญิงฟลุกเหมือนกัน แต่ก็กินบุญเก่านั่นแหละ แต่พอเพลงคาเฟอีนดัง แล้วหญิงลีแต่งด้วย ทำให้รู้สึกว่าเฮ้ย แล้วคนที่ว่าเราฟลุกอ่ะ เขาจะรู้มั้ยว่าเราดังอีกรอบนึง เขาจะคิดใหม่มั้ย”

ทำเท่าที่จำเป็น

หญิงลีบอกว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมา รู้สึกมาไกลมาก และมีของขวัญชิ้นใหญ่อย่างรีสอร์ตที่ จ.บุรีรัมย์ ที่ถือเป็นน้ำพักน้ำแรงและสร้างรายได้ให้อีกทาง “ชีวิตมาไกลมากเลยค่ะ แล้วของขวัญชิ้นใหญ่ของหญิงลีก็คือสวนน้ำที่รีสอร์ต มีต้นซากุระสีชมพู มีน้ำสีฟ้า มีต้นไม้สีเขียว มีห้องพัก คือชีวิตของเรามั่นคง มีรายได้แล้วจากบ้านหลังนึงที่เราสร้าง สมมติดาราสร้างบ้าน 30 ล้าน หญิงลีก็สร้าง 30 ล้าน แต่ไปสร้างรีสอร์ต 30 ห้อง ตอนแก่ก็จะมีรายได้ แต่ถ้าหญิงลีมีบ้านหลังเดียว 30 ล้านในกรุงเทพฯ หญิงจะไม่มีใครไปพักที่บ้านหญิงลี ไม่มีรายได้จากบ้าน หญิงต้องนั่งขายของ ไปร้องเพลง ซึ่งวันนั้นอาจจะแก่ ป่วย

แต่ตอนนี้สามารถให้พนักงานขายห้องได้ กิจการก็ทะลุหลักล้านอยู่หลายเดือน แต่บางเดือนก็ไม่ถึงล้าน ก็จะเป็นแลนด์มาร์กใหม่ เพราะว่าจะเป็นที่ทัศนศึกษาของนักเรียนด้วย มีปีนเขา ลงน้ำ มีห้องพักล้อมรอบสวนน้ำ ก็จะทำให้ถึง 50 ห้องค่ะ เพราะมันไม่พอนอน วันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือเทศกาลเต็มค่ะ แล้ววันเสาร์-อาทิตย์มีวงดนตรีด้วยค่ะ มีอาหาร เครื่องดื่ม คนนอกมาเล่นน้ำก็ได้ ก็ทำให้มีรายได้เข้ามา และทำให้เราได้สร้างสีสันให้สังคมจริงๆ”

หญิงลีบอกว่าเป็นธุรกิจที่ทำให้เธอมีความสุขมาก และหากเพลงตัวเองหมดกระแส อีกปี 2 ปีเพลงใหม่ไม่มาก็จะกลับไปขายห้องพักเหมือนเดิม คนก็กลับมาหาเยอะเหมือนเดิม เพราะคนอยากไปเป็นกำลังใจ อยากไปเที่ยว อีกอย่างราคาไม่ได้แพงจนเกินไป มีความปลอดภัย มีลูกค้าเต็มไปหมด และก็ตั้งใจจะเก็บเงินไว้ใช้

“คนเรามีวันรับและวันจ่าย เหมือนน้ำในโอ่งที่ต้องเติมให้พอดี เติมอย่างเดียวไม่ใช้มันก็ล้นโอ่งทิ้งอย่างเดียว ไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าเราหาบ้างใช้บ้างเก็บบ้างเหมือนน้ำเติมโอ่ง หมดก็เติมพอดีๆ ไม่ใช่มัวแต่เก็บ เอาไปก็ไม่ได้ ทำงานหนักจนไม่ไหว แต่ถ้าใช้อย่างเดียวก็หมด มันก็ไม่ได้ มันต้องเติม ต้องบาลานซ์กัน”

ถามว่าจะทำอะไรเพิ่มอีกหรือไม่ หญิงลีบอกว่า “ไม่มีค่ะ มีแค่นี้ค่ะเพราะหญิงเหนื่อย ใช้สมองเยอะไป สักวันหนึ่งหญิงอาจจะอยากห่มขาวบวชสัก 3 วัน อยู่นิ่งๆ แต่ทุกวันนี้ก็ฟังธรรมะเยอะนะเพราะหญิงเครียด หญิงรู้สึกว่าชีวิตอย่าทำอะไรเยอะแยะมากมายจนเหนื่อยตอนที่มีชีวิตอยู่ คนเราสักวันก็ต้องตายไป เอาเท่าที่เราจำเป็น ทำในสิ่งที่เป็นหน้าที่ของเรา

เรื่องบวชหญิงเคยคิดไว้ตลอด แต่ด้วยความที่เราจะไปบวชที่ไหนก็ยังไม่รู้ จุดที่จะสงบจริงๆ คืออะไร แต่ถ้าอยากจิตใจสงบจริงๆ ก็จะฟังธรรมะที่เป็นบทสวด ซึ่งเป็นอะไรที่ทำให้เราปลงได้เยอะ หรืออย่างบางทีไปงานศพ เขาเปิดหน้าโลงศพให้ดู ไว้อาลัย วางดอกไม้จันทน์ เราไม่กลัวผี แต่เรารู้ว่าถ้าเรานอนอยู่ในนั้นจะเป็นอย่างไร หญิงไปงานศพทุกคนที่หญิงรู้จัก เพราะหญิงรู้สึกว่าฌาปนกิจวันเดียว เราควรไปส่งเพราะเราว่าง หญิงจะพยายามไปส่งเขา ให้เขารู้ว่าหญิงมาส่งแล้วนะ หญิงรักคุณนะ แต่วันเกิดไปปีไหนก็ได้”

10 ปีที่สู้มา

หญิงลีเล่าถึงชีวิตตลอด 10 ปีที่ผ่านมาว่าต้องล้มลุกคลุกคลานมาเยอะ มีทั้งจุดสูงสุดและต่ำสุด ก่อนจะกลับมาได้อีกครั้ง “จำได้ว่าปี 55 เริ่มสตาร์ต ออกยูทูบปี 56 โด่งดังปี 57 ก็ทำงาน 3 ปีแบบคิวคอนเสิร์ตแน่นๆ แล้วก็มาป่วยปี 59 เจ็บป่วย 2-3 ปี หลังจากนั้นชีวิตเริ่มดีขึ้น เริ่มรู้ตัวเอง รักษาตัวเอง จากติดลบก็กลายเป็นบวกทั้งใจทั้งกายแข็งแรงทุกอย่าง และทำรีสอร์ตที่บ้านเกิดก็ประสบความสำเร็จ ซึ่งในจุดที่ลำบากมากก็คือ ไอเดียต่างๆ ที่เราเอาไปให้ พ่อแม่ คนที่ต่างจังหวัดไม่เข้าใจ ทุกคนก็บอกว่าอย่าทำ เราก็ต้องไฟต์ติ้ง พอมาถึงวันที่เพลงสำเร็จก็ใจฟูค่ะ”

เมื่อให้รีวิวชีวิต 10 ปีที่ผ่านมาเป็นยังไง นักร้องสาวบอกว่า “ถ้ารีวิวชีวิตหญิงลี ฉันคือทองแท้ (ยิ้ม) ไฟไหม้บ้านมันก็ถูกเผาไหม้ แต่ทองเอามาหลอมใหม่ได้คือทองแท้ เปรียบเสมือนว่ามันเจออุปสรรค หรือถ้าเป็นสัตว์ก็จะเป็นมังกรนอนถ้ำ แล้วออกมาพ่นไฟได้ในวันที่สมควรแก่เวลา”

ถามว่าได้พักบ้างไหมช่วงนี้ เจ้าตัวบอกว่าได้พัก แต่ที่เหนื่อยเป็นเพราะนอนไม่หลับมากกว่า “ได้พักค่ะ เพราะหญิงลีไม่ได้เหน็ดเหนื่อยจากการเล่นคอนเสิร์ต แต่หญิงลีเหน็ดเหนื่อยจากการไม่ได้หลับได้นอน หญิงไม่ได้นอนแล้วร่างกายจะรวนและจะเอ๋อๆ แต่จะพยายามปรับตัว ต้องหลับให้ได้ อย่างตอนนี้ก็รับวันละงาน 2 งานไม่กล้าเพราะกลัวอันตราย กลัวเล่นงานได้ไม่สมบูรณ์ กลัวไม่ได้ถ่ายรูปกับแฟนๆ

คือบางทีเราอย่าดิ้นรนหาเงินจนไม่ไหว ตอนนี้ต้องให้ตัวเองมีจุดที่สมบูรณ์ ให้ความพอดี ถ้ามันโอเวอร์มากก็จะป่วยอีก เราเคยผ่านตรงนั้นมา หญิงก็เลยกลัว คือกลัวเวลาไปต่างจังหวัดแล้วไม่ได้นอนจะประสาทหลอนขึ้นมา มีความวิตกจริตขึ้นมาอีก เคยเจอแบบเรารับงานแล้ว ขึ้นป้ายแล้ว ป่วยก็ต้องถอดสายน้ำเกลือไป ตอนนี้เลยรับงานเท่าที่ไหว วันไหนที่งานชนกันก็ไม่ใช่เงินเรา ถ้ารับเยอะมากกว่านั้นหญิงจะรู้สึกกลัว”

ปิดท้าย หญิงลีขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามผลงานว่า “ขอบคุณแฟนคลับที่เป็นกำลังใจตลอดมา เวลาเจ็บป่วยก็ให้กำลังใจ เวลาเพลงดังก็ดีใจกับเรา เวลาไม่ดังเขาก็มาฟัง มาให้กำลังใจ ทำให้เรายังเหลือคนที่รักเราอยู่ ทำให้หญิงรู้สึกว่าต้องดูแลตัวเอง ทำเพลงต่อไปเรื่อยๆ เพราะยังมีแฟนเพลงติดตาม ยังมีคนรักเราอยู่ ทำในสิ่งที่เราทำได้

วันหนึ่งเราแก่เฒ่าไป เราอาจจะไม่ได้ทำ ซึ่งสิ่งที่ถนัดคือเพลง แต่สิ่งที่ไม่ถนัดอาจเป็นเรื่องงานแสดง เราเคยเต็มที่กับละครเรื่องนึงไปแล้ว แค่นั้นก็ภูมิใจแล้วว่าเราทำได้ แต่มันไม่ใช่ทางเรา แต่เพลงหญิงสามารถทำเพลงให้โด่งดังได้ด้วยตัวเราเอง มันคือที่สุดของชีวิตแล้ว ยืนยันยังไม่ทิ้งวงการเพลงค่ะ”.

ผู้เขียน : Penguin บินได้
ภาพ : ชุติมน เมืองสุวรรณ
กราฟิก :Jutaphun Sooksamphun

คุณกำลังดู: หญิงลี เคยเครียดจนสุขภาพพัง “คาเฟอีน” เพลงที่แต่งเอง ลบคำดูถูกฟลุกดัง

หมวดหมู่: ความบันเทิง

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด