การทำงานยุคปี 2023 การเปลี่ยนแปลงที่คนทำงานต้องปรับตัว
ปี 2022 นี้ เหลือเวลาทำงานกันอีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น สำหรับคนทำงานประจำ ก็จะได้พบกับวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่นอกเหนือจากการหยุดพักผ่อนร่างกาย จิตใจ และสมอง หลังจากที่โหมงานหนักกันมาเป็นเวลา 1 ปีเต็มแล้ว สิ่งหนึ่งที่คนทำงานประจำต้องตระหนักก็คือ ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในสายงานของตนเอง เพราะทั้งผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ตลอดระยะเวลา 3 ปี ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่นิ่ง อีกทั้งยังมีปัจจัยภายนอกอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอีก ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็เห็นจะเป็นเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เข้ามาแทนที่แรงงานคนได้เกือบจะสมบูรณ์ในหลาย ๆ สายงาน มันจึงเป็นความท้าทายของคนทำงานที่ไม่สามารถหยุดนิ่งได้ คุณต้องปรับตัวและพัฒนาตนเองตลอดเวลา
การทำงานที่ต้องยืดหยุ่น
เนื่องจากภาพของการทำงานแบบเดิมดังเช่นก่อนที่จะเกิดโควิด-19
คงไม่หวนกลับมาอีกแล้ว
คนทำงานออฟฟิศมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป
ส่วนหนึ่งมาจากการที่คุ้นเคยกับการทำงานแบบ Work from Home
รวมถึงไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับการประชุมหรืออบรมทางออนไลน์อีกต่อไปแล้ว
แต่หลังจากที่โควิด-19 ลดความรุนแรงจนองค์กรต่าง ๆ
เรียกพนักงานกลับเข้าทำงานในออฟฟิศเหมือนเดิม
นั่นทำให้คนทำงานบางส่วนรู้สึกว่าการกลับเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศมันไม่ตอบโจทย์ชีวิตอีกต่อไป
ในเมื่อพวกเขาสามารถทำงานจากที่บ้านได้ แม้กระทั่งทำงานจากที่ไหนก็ได้
หากองค์กรไม่ปรับโครงสร้างการทำงานให้ยืดหยุ่นขึ้น
คนทำงานบางส่วนก็จะเริ่มมองหางานใหม่ที่ตอบโจทย์กว่า
การ Reskill และ Upskill ในยุคการแข่งขันสูง
ในยุคที่เทคโนโลยีครองโลก คนทำงานหลายสายงานอยู่ยากขึ้น
เพราะการแข่งขันไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่มนุษย์ด้วยกัน
ที่เคยแย่งชิงตำแหน่งงานเดียวกันแบบเมื่อสมัยก่อน
หากแต่มนุษย์ยังต้องแข่งกับเทคโนโลยีด้วย
ทุกวันนี้หลายตำแหน่งงงานไม่จำเป็นต้องมีคนมานั่งทำงานด้วยซ้ำ
แถมเทคโนโลยีตัวเดียวอาจทำหน้าที่แทนแรงงานคนได้หลายคนรวมถึงประหยัดเวลาในการทำงานลงด้วย
ช่วงเวลาที่พนักงานต้องพักกลางวัน ลุกไปเข้าห้องน้ำ
หรือหัวไม่แล่นคิดงานไม่ออก
เทคโนโลยีสามารถทำงานได้ต่อเนื่องโดยไม่หยุด
คนทำงานที่จะอยู่รอดจึงต้องพิสูจน์ตนเองว่าเทคโนโลยีทำงานในหน้าที่ของตนเองไม่ได้เพื่อไม่ให้ถูกลดความสำคัญลง
จึงต้องมีการ Reskill และ Upskill ของตนเอง
เด็กเจนใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงาน
หลาย ๆ องค์กรจำต้องปรับตัวเพื่อรองรับกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ที่มากขึ้น
ซึ่งก็คือกลุ่มเจเนอเรชัน Z
ที่ถึงวัยเรียนจบและก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากคนกลุ่มเจเนอเรชัน Z
จะมีลักษณะมีมุมมองที่เฉพาะตัวและค่อนข้างแตกต่างออกไปจากเจเนอเรชันมิลเลนเนียลมากทั้งที่อายุต่างกันไม่เยอะ
ชอบความสะดวกสบาย ไม่ชอบพิธีการ สามารถทำอะไรหลาย ๆ
อย่างได้ในคราวเดียวกัน ต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ดูล้าสมัย
รวมถึงเปลี่ยนงานบ่อย เพราะจะไม่ทนถ้าไม่รู้ว่าจะทนไปเพื่ออะไร
ดังนั้น เพื่อนร่วมงานที่อยู่ต่างช่วงวัยมาก ๆ
อายุห่างเยอะก็จะไม่เข้าใจธรรมชาติของเด็กรุ่นใหม่
รู้สึกว่าเด็กรุ่นใหม่ทำตัวเยอะ น่ารำคาญ ไม่อดทน
จนอาจเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนด้วยกันได้
ต้องเตรียมพร้อมสำหรับ Hybrid Working
การทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Working)
คือเทรนด์ใหม่ที่น่าจับตามองว่าแต่ละองค์กรจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของพนักงานตนเองไปเป็นแบบไฮบริดมากน้อยแค่ไหนในอนาคต
อันที่จริง ในปัจจุบันก็มีองค์กรจำนวนไม่น้อยที่มีการทำงานแบบ Hybrid
Working หรือการทำงานที่ให้พนักงานทำงาน Work at Office สลับกับ Work
from Home รวมถึงเปิดโอกาสให้พนักงานทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Remote
Working) ด้วย แทนที่การทำงานในออฟฟิศทุกวัน
นั่นหมายความว่าองค์กรก็จะต้องหาวิธีในการควบคุ
มการทำงานแบบผสมผสนานเพื่อให้ เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนที่ทำงานด้วยกันที่จะลดลงอย่างแน่นอน
คุณกำลังดู: การทำงานยุคปี 2023 การเปลี่ยนแปลงที่คนทำงานต้องปรับตัว
หมวดหมู่: ผู้ชาย