อุจจาระเป็นเลือด เสี่ยง 6 โรคร้ายสุดอันตราย

อุจจาระเป็นเลือด ไม่ได้เป็นแค่ ริดสีดวงทวาร

อุจจาระเป็นเลือด เสี่ยง 6 โรคร้ายสุดอันตราย

ก่อนหันไปกดชักโครก คุณควรหันไปสังเกตลักษณะของอุจจาระของคุณบ้าง เพราะสุขภาพของเราสามารถตรวจได้ง่ายๆ จากอุจจาระนี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นขนาด สี กลิ่น หรือลักษณะที่เห็นได้จากภายนอก

  • 9 ลักษณะอุจจาระ... บอกโรค
  • เช็คสุขภาพ “อุจจาระ” แบบไหนดีเลิศ-ควรปรับปรุง

ความปกติที่ชัดเจน และหลายคนอาจตกใจเมื่อได้เห็น คือ อุจจาระเป็นเลือด หรืออุจจาระที่มีเลือดสดๆ ปนออกมาด้วย และที่เราทราบกันมาคือ มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นโรคริดสีดวงทวาร แต่อันที่จริงแล้ว ยังมีอีกหลายโรคที่อาจแสดงอาการเริ่มต้นจากอุจจาระเป็นเลือด แถมยังอันตรายกว่าโรคริดสีดวงทวารอีกด้วย

6 โรคอันตราย ที่เริ่มต้นจากอาการ “อุจจาระเป็นเลือด”

  1. โรคริดสีดวงทวาร

คนที่ท้องผูกบ่อยๆ จะมีความเสี่ยงเป็นโรคนี้ได้มากกว่าคนที่ถ่ายได้ตามปกติ หากมีอุจจาระเป็นก้อนแข็งบ่อยๆ จนอุจจาระไปครูดกับผิว หรือเยื่อเมือกของทวารหนักจนเกิดเป็นแผล มีเลือดสดไหลออกมาเป็นหยดๆ หรือเป็นเส้นๆ พร้อมอุจจาระอยู่บ่อยๆ นอกจากจะมีอาการปวดแสบบริเวณรูทวารหนักแล้ว ยังอาจมีก้อนริดสีดวงปลิ้นออกมา จนมีอาการอักเสบ ปวดแสบหนักมากขึ้น หากอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อการรักษาอย่างถูกวิธี 

  1. เลือดออกในลำไส้ใหญ่

หากมีเลือดสดๆ หรือลิ่มเลือดไหลออกมาพร้อมกับอุจจาระด้วย แต่ไม่ได้มีอาการปวดแสบที่ทวารหนัก เพราะไม่ได้มีอาการท้องผูก อาจเป็นเพราะมีเลือกออกในลำไส้ใหญ่ หากมีอาการเล็กๆ น้อยๆ เลือดไหลออกมาน้อย และเลือดหยุดไหลได้เอง สามารถรอดูอาการที่บ้านได้ แต่หากมีเลือดไหลออกมาก ควรนอนพัก งดน้ำงดอาหาร และพบแพทย์ที่โรงพยาบาลดีที่สุด 

  1. เลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็ก

อาการอาจเริ่มจากอาเจียนออกมาเป็นเลือดก่อน (หรือไม่มีอาการอาเจียนก็ได้) จากนั้นอาจตามด้วยการอุจจาระเป็นเลือด โดยเลือดจะเป็นสีเข้มจนเกือบดำ หากถ่ายเป็นเลือดจำนวนมาก ควรงดน้ำ งดอาหาร แล้วรีบพบแพทย์โดยด่วน 

  1. โรคบิด

หากมีอาการท้องเสียท้องร่วง แล้วอุจจาระมีมูกเลือดปน กลิ่นเหม็นรุนแรง อาจเสี่ยงเป็นโรคบิดที่เกิดจากการติดเชื้อในลำไส้ใหญ่ จนทำให้ลำไส้ใหญ่อักเสบ เป็นแผล ควรให้แพทย์ตรวจอุจจาระเพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจนที่โรงพยาบาล 

  1. โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

มะเร็งจะทำให้เกิดแผล โดยเฉพาะบริเวณใกล้ทวารหนัก จึงทำให้มีความเสี่ยงที่จะถ่ายแล้วมีเลือดปน โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มักเกิดขึ้นกับผู้ใหญ่อายุมากกว่า 40-50 ปี แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับคนวัยรุ่น วัยทำงานได้เช่นกัน ยิ่งครอบครัวของใครมีประวัติเป็นโรคนี้มาก่อน ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น ทางที่ดีคือ ลดการทานเนื้อแดง อาหารปิ้งย่างไหม้เกรียม หยุดสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และออกกำลังกายเป็นประจำ

  • 6 พฤติกรรมเสี่ยง “มะเร็งลำไส้ใหญ่” ที่คุณอาจไม่รู้ตัว 
  1. โรคลำไส้ขาดเลือด

โรคลำไส้ขาดเลือด มาจากหลายสาเหตุ แต่อาการคือเลือดไม่สามารถเข้าไปไหลเวียนในลำไส้ได้ ทำให้เซลล์ลำไส้เริ่มไม่ทำงาน จนกระทั่งเซลล์ตาย และเริ่มเน่าจนมีแบคทีเรีย อาการที่พบคือปวดท้องเกร็ง อาจปวดมากจนหมดสติ และอาจมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดจนเสียชีวิตได้ หากระหว่างปวดท้องมีอาการถ่ายเป็นเลือดด้วย แสดงว่าอาการเริ่มจะหนัก ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเช็คให้แน่ใจ เพราะหากบางส่วนของลำไส้เริ่มเน่า จะต้องผ่าตัดเพื่อนำลำไส้ส่วนที่เสียแล้วออกไป แล้วต่อลำไส้ที่ยังทำงานได้ตามปกติเข้าด้วยกัน 

นอกจากอุจจาระเป็นเลือดจะเป็นสัญญาณอันตรายถึงโรคต่างๆ ได้แล้ว การที่สีของอุจจาระมีสีแดงเข้มหรือเกือบดำ อาจมาจากสาเหตุอื่นๆ เช่น การทานอาหารที่มีเลือดสัตว์เป็นส่วนประกอบ หรือกำลังทานยาบำรุงเลือดอยู่ก็เป็นได้ ดังนั้นหากมีอาการถ่ายเป็นเลือด หรือสีคล้ายเลือดเล็กๆ น้อยๆ และไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ อาจลองทานผักผลไม้ให้มากขึ้น ดื่มน้ำให้มากขึ้น และออกกำลังกายสม่ำเสมอ อาจช่วยให้อาการดังกล่าวดีขึ้น แต่หากไม่แน่ใจ พบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายก็จะดีที่สุดค่ะ

คุณกำลังดู: อุจจาระเป็นเลือด เสี่ยง 6 โรคร้ายสุดอันตราย

หมวดหมู่: รู้ทันโรค

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด