5 มือถือตกรุ่น ลดราคาหนักๆ สุดปัง ในเดือนกันยายน 2023

03 ก.ย. 2566 | 20:08 น.

เรามาส่องมือถือรุ่นเด่นที่สเปกน่าสนใจแต่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นรุ่นใหม่แกะกล่อง

5 มือถือตกรุ่น ลดราคาหนักๆ สุดปัง ในเดือนกันยายน 2023

และแล้วก็มาถึงช่วงปลายเดือนสิงหาคม และกำลังเข้าถึงเดือนกันยายนแล้วอย่างเป็นทางการใครที่มองหามือถือรุ่นใหม่แต่งบไม่มีที่จะซื้อโมเดลใหม่ล่าสุด วันนี้ ทีม Sanook Hitech จะพาส่องมือถือรุ่นที่เคยทำตลาดและราคาดีงามน่าครอบครองจะมีตัวไหนบ้าง มาดูกันเลย

Samsung Galaxy S21 FE

เริ่มต้นกับมือถือระดับ Lite Flagship เน้นสเปกใกล้เรือธงและการออกแบบที่ใกล้แม้ว่าจะมีรุ่นจะไม่มีรุ่นต่อยอดที่โดดเด่นอย่าง Samsung Galaxy S21 FE แม้จะออกมา 2 ปีแล้วก็ตาม แต่ความน่าเลือกหามาใช้ยังคงดีเพราะคุณได้กล้องครบ ขุมพลังระดับเรือธง และยังอัปเดตไปต่อได้อีกอย่างน้อย 2 ปี ถ้าใครมองเห็นมือถือที่งบไม่เกิน 15,000 บาน รุ่นนี้เลือกได้แบบไม่ต้องคิดมาก

รายละเอียดสเปกของ Samsung Galaxy S21 FE

หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X พิกเซล ขนาด 6.4 นิ้วความละเอียดระดับ FHD+ (2400x1080 พิกเซล) พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz
ขนาดตัวเครื่อง 155.7x74.5x7.9 มม.
น้ำหนัก 177 กรัม
ชิปเซ็ตประมวลผล Exynos 2100
กราฟิก : Mali G78 MP14
หน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB
หน่วยความจำภายในความจุ 128/256GB
การเชื่อมต่อ WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX หรือ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.1, 5G / 4G
ลำโพง Stereo ทั้งบนและล่างปรับจูนโดย AKG รองรับระบบ Dolby ATMOS
กล้องหน้า 1 ตัวความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
กล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวประกอบด้วย

ตัวหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล Dual Pixel ขนาดเซนเซอร์ 1/1.76", 1.8µm, PDAF + OIS ค่ารูรับแสง F /1.8
กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล Ultra Wide ให้มุมมอง 123 องศา ค่ารูรับแสง F /2.2
กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล Telephoto + AF, OIS ซูมแบบ Optical 3 เท่า และ Digital Zoom 30X ค่ารูรับแสง F /2.4
LED Flash
รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 30/60 FPS, FHD 30/60 FPS, HD, Super Slowmotion (เฉพาะกล้องหลัง), Hyperlapse, Dual Recording

ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68
ระบบปลดล็อค Face Recognition + Optical Finger Print
แบตเตอรี่ความจุ 4500mAh
รองรับ Fast Charge 25W (แบบสาย), รองรับชาร์จไร้สาย Qi กำลัง 15W และ Wireless Power Share 2.0
ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย One UI 4.0
สี ขาว (White), ดำ (Graphite), เขียว (Olive), ม่วง (Lavender)

realme GT 2 Pro

ถึงแม้ว่า realme GT 2 Pro จะเป็นมือถือรุ่นใหม่ที่โดดเด่นในเรื่องงานออกแบบที่ใช้การทำด้านหลังแบบกระดาษและมีการออกแบบจากนักออกแบบดัง และขุมพลังแรงระดับ Snapdragon 8 Gen 1 พร้อมกับความจำ RAM 12GB / 256GB ได้เช่นเดียวกัน และยังได้กล้องแบบ Microscope เข้าใกล้สุดๆ ตอนนี้ราคาเห็นว่า จาก 2 หมื่นกลาง เหลือ หมื่นกลางเท่านั้น

รายละเอียดสเปกของ realme GT 2 Pro

ขนาดตัวเครื่อง 163.2 x 74.7 x 8.2 มม.

น้ำหนัก 189 กรัม

หน้าจอ LTPO 2.0 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้วความละเอียดระดับ QHD+ (1440 x 3216 พิกเซล) พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz แบบ Adaptive ตั้งแต่ 1 – 120Hz

ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 Octa Core (1x3.00 GHz Cortex-X2 & 3x2.50 GHz Cortex-A710 & 4x1.80 GHz Cortex-A510)
กราฟิก : Adreno 730
หน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB (เพิ่มในรูปแบบการแปลงความจำได้ 7GB) 
หน่วยความจำภายในความจุ 256GB

หน่วยความจำภายนอก ไม่รองรับ
การเชื่อมต่อ WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX (Wi-Fi 6), Bluetooth 5.2, 4G /5G
ลำโพง Stereo ทั้งบนและล่าง 
กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอ Full HD
กล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวประกอบด้วย

ตัวหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล multi-directional PDAF, รูรับแสง F/1.8 + OIS (Sony IMX766)
กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล Ultrawide ให้มุมมองกว้าง 150 องศา
กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด 3 ล้านพิกเซล Macroscope
LED Flash 2 ดวง
รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K / 4K 30 FPS, FHD 30/60 FPS, HD, Slowmotion, Timelapse,

ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ ไม่ได้ระบุ
ระบบปลดล็อค : สแกนใบหน้า Face Recognition + สแกนนิ้วมือในหน้าจอ
แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh 
รองรับ เทคโนโลยี Super Dart Charge 50W (แบบสาย)
ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 + realme UI 3.0 อัปเกรดได้นาน 3 ปี
สี : Paper White

Vivo X80 5G

อีกมือถือที่ปรับลดราคามาแล้วหลังจากให้รุ่นใหม่ขายแล้วก็ยังคงราคาเดิมมานาน โดย vivo X80 5G ถือว่าได้สิ่งต่างๆ ที่ใหม่ตั้งแต่ขุมพลัง กล้องและการออกแบบเครื่องแถมรอบนี้สีสันถือว่าจัดจ้านที่สุด แม้ว่าราคาตอนนี้จะลดลงมาจากเกือบ 3 หมื่น ตอนนี้เหลือเพียง 2 หมื่นต้นทำให้น่าคบมากขึ้นกว่าเดิม

รายละเอียดสเปกของ vivo X80

สัดส่วน(ยาว x กว้าง x หนา) : 164.95 x23 x 8.3 มม.
น้ำหนัก:206 กรัม
หน้าจอ:AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว
ความละเอียดหน้าจอ1080x2400 พิกเซล Refresh Rate 120Hz
ชิปเซ็ตMediaTek Dimensity 9000 + Mail G710
การเชื่อมต่อ: 5G / 4G LTE (Nano SIM 2 Slot) WiFi 802.11 B/G/N/AC/6 Dual Band, Bluetooth 5.2, GPS, A-GPS
ความจำภายใน: 256GB
แรม(RAM) : 12 GB
ความจำภายนอก: ไม่รองรับ
ระบบปฏิบัติการ: Android 12 + FunTouch OS 12
ระบบความปลอดภัย

ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนใบหน้าแบบ 2 มิติ
ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนนิ้วในหน้าจอ

กล้องหลัง 3 ตัว

กล้องหลักความละเอียด50 ล้านพิกเซล F/1.75 + OIS เซนเซอร์ IMX866
กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด12 ล้านพิกเซล (Ultra Wide)
กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด12 ล้านพิกเซล Protrait (telephoto) 50 mm.
LED Flash
เคลือบด้วย ZEISS T*

กล้องหน้า:32 ล้านพิกเซล (f2.45)
แบตเตอรี: 4,500 mAh + Fast Charge 80W
ลำโพงเฉพาะด้านล่าง
ช่องเสียบ: USB-C
การป้องกันน้ำและฝุ่น: ไม่ระบุ
สี:ดำ Cosmic Black, ฟ้า Urban Blue

iPhone 13

พูดถึง iPhone กันบ้าง ใครที่รอ iPhone 15 แต่รู้สึกว่าปีนี้ราคาขึ้นโหด จะซื้อ iPhone 14 ก็รู้สึกยังไงอยู่ในรอบนี้ทีม Sanook Hitech แนะนำให้ลองมอง iPhone 13 รุ่นนี้ก็มาพร้อมกับสเปกที่เรียกว่าเพียงพอต่อการใช้งาน และยังถือว่าบางเรื่อง

รายละเอียดสเปกของ iPhone 13

ขนาดตัวเครื่อง 146.7 x 71.5 x 7.65 มิลลิเมตร
น้ำหนัก 135 กรัม
หน้าจอขนาด 5.4 นิ้ว ใช้หน้าจอ Super Retina XDR (OLED)
ความละเอียดหน้าจอ : 1080 x 2340 อัตราส่วน 19.5:9 รองรับการแสดงผล HDR10+ Dolby Vision True-Tone และ Wide Color Gamut
กระจกหน้าจอ : Ceramic Shield
มาตรฐานการกันน้ำ IP68 กันน้ำได้ลึกสุด 6 เมตร
ชิปเซ็ต : Apple A15 Bionic | GPU : เป็นของ Apple เองเป็นแบบ 4 Core
RAM: ไม่ได้ระบุ
ความจำในตัว 128 / 256 / 512GB
เพิ่มความจำผ่าน iCloud Storage
ระบบปฏิบัติการ : iOS 14 (และยังไปต่อได้)
การเชื่อมต่อ WiFi 6 (AX), GPS, 5G, Bluetooth 5.0 NFC และรองรับ Lightning Port
รองรับ eSIM และ Nano SIM
ระบบเสียง : ลำโพง Stereo ทั้งด้านบนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS
กล้องมีหลังประกอบด้วย 2 ตัวด้วยกันประกอบด้วย

กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง F1.6 มาพร้อมกับ LED Flash รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 24/30/60 FPS, Full HD 30/60/120/240, Timelaspe ทั้งกลางวันและกลางคืน รองรับ Sensor Shift
กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง F2.4 มุมมอง120 องศา
กล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล

แบตเตอรี่ ไม่ได้ระบุความจุ แต่รองรับกำลังชาร์จไฟ (18W) รองรับทั้ง ชาร์จไร้สาย (15W)
ระบบความปลอดภัย สแกนหน้าแบบ Face ID
สี : ชมพู, น้ำเงิน, ดำ, ทอง และ แดง Product Red

OPPO Reno8 T 5G

ตัวตึงมือถืองบไม่แรงในงบหมื่นต้นๆ ที่ใช้คำว่าไม่ต้องจ่ายหนักก็ได้อะไรที่ครบ แม้ว่าตอนนี้รุ่นของตระกูลนี้จะไปที่ Reno 10 แล้วแต่สเปกภาพรวมก็ยังคงโดดเด่นอยู่ไม่น้อย ดังนั้นถ้ามองหามือถือรุ่นนี้ก็สามารถเลือกซื้อได้แบบไม่คิดมาก

รายละเอียด OPPO Reno 8T 5G

ขนาดตัวเครื่อง 162.9 x 76 x 7.9 มิลลิเมตร
น้ำหนัก 181 กรัม
หน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว แบบ AMOLED
ความละเอียดหน้าจอ : 2412x1080 นิ้ว อัตราส่วน 20:9 รองรับการแสดงผล DCI-P3 wide color gamut, 500 – 900 nits, 10 bit color depth, Refresh Rate 120Hz, Touch Sampling Rate 240Hz
กระจกหน้าจอ : Asahi Glass AGC DT-Star2
มาตรฐานการกันน้ำ : -
ชิปเซ็ต : Qualcomm Snapdragon 695 5G | GPU : Adreno 619
RAM: 8GB
ความจำในตัว : 128 / 256GB
เพิ่มความจำ : MicroSD
ระบบปฏิบัติการ : Android 13, ColorOS 13
การเชื่อมต่อ WiFi 5 (AC), GPS, 5G, Bluetooth 5.1 NFC
ช่องเสียบ : USB-C, ช่องเสียบ 3.5 มิลลิเมตร
รองรับ Nano SIM, Micro SD
ระบบเสียง : เฉพาะด้านล่างเท่านั้น

กล้องมีหลังประกอบด้วย 3 ตัวด้วยกันประกอบด้วย

กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง F1.7 PDAF
กล้อง Microscope ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมกับ Dual LED
วิดีโอ 1080p 30 FPS

กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอ 1080p
แบตเตอรี่ 4800 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 67W (SuperVOOC)
ระบบความปลอดภัย สแกนนิ้วในหน้าจอ / ระบบสแกนใบหน้าใช้กล้องหน้า
สี : ดำ Midnighblack, Sunrise Gold

Nokia C10

สำหรับรอบนี้ปิดท้ายกับ Nokia C10 สมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่ตอนนี้เริ่มลดลงห่างกันถึงจาก 2 พันกว่าบาท เหลือ 1 พันบาทเท่านั้น จึงเรียกได้ว่าเป็นมือถือที่เน้นความคุ้มค่าเป็นหลักมากกว่า เรียกว่าถ้าใครอยากได้คุ้มจริงๆ รุ่นนี้ก็ยังคงจัดไป

รายละเอียดสเปกของ Nokia C10 (ROM 32GB)