6 เทคนิคผ่าน ตม. เกาหลี 2022 เตรียมพร้อมก็ผ่านชิลๆ
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะเดินทางไปเที่ยวเกาหลีใต้ กับ 6 เทคนิคผ่าน ตม.เกาหลี 2022 แบบชิลๆ
หลายคนอยากจะไป ทัวร์เกาหลี แต่ก็มีความกังวลว่าจะผ่านตม.มั้ย? เพราะเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับตม.เกาหลีที่แสนจะเข้มงวด จนหลายคนไม่กล้าไปเที่ยวเพราะกลัวเข้าประเทศไม่ได้ ก็เป็นอันพับโครงการไปซะอย่างนั้น พี่เห็ดบอกเลยค่ะว่า ตม.เกาหลีไม่ได้ผ่านยากอย่างที่คิด เพราะใครที่ตั้งใจจะไปเที่ยวจริงๆ และมีการเตรียมตัวเตรียมเอกสารมาให้พร้อม ก็ไม่ต้องกังวลไปก่อน วันนี้ พี่เห็ด มัชรูมทราเวล มี 6 เทคนิคเตรียมความพร้อม รับมือกับ ตม.เกาหลี มาแนะนำสายเที่ยวทุกคน ตั้งแต่ที่เกาหลีเปิดประเทศในปี 2022 มานี้ ก็มีการเพิ่มเอกสารและขั้นตอนบางอย่างขึ้นมา เรามาดูไปพร้อมๆ กันค่ะ
จากข่าวเกี่ยวกับตม.เกาหลีที่พูดกันอย่างหนาหูมากๆ ว่าโหดบ้าง ผ่านยากบ้าง ร้ายที่สุดก็คือโดนกักตัว สอบสวนละเอียดยิบ บางคนก็ถูกส่งกลับประเทศทันที อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำผิดอะไร ทำให้หลายคนกล้าๆ กลัวๆ ที่จะไป ทัวร์เกาหลี ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่า ทำไมตม.เกาหลีต้องโหดขนาดนี้…? สาเหตุนั่นก็เพราะการที่มีคนลักลอบเข้าประเทศแบบผิดกฎหมายกันเยอะ จึงทำให้คนที่ตั้งใจไปเที่ยวจริงๆ อย่างพวกเราๆ โดนสงสัยและถูกเข้มงวดกันมากขึ้น ส่วนเรื่องของระบบระเบียบการสอบสวนหรือเกณฑ์ในการคัดเลือกว่าใครที่จะผ่าน ตม เกาหลี หรือไม่ ก็เป็นการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ตม.เกาหลี เอาเป็นเรามาเตรียมตัวให้พร้อม ด้วยคำแนะนำต่างๆ เหล่านี้กันค่ะ
1. ก่อนเดินทาง ลงทะเบียน K-ETA ให้ผ่าน
หลังจาก เกาหลีเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวในปี 2022 ทางเกาหลีใต้ก็ได้เพิ่มขั้นตอนการเข้าประเทศขึ้นมา นั่นก็คือ การลงทะเบียน K-ETA ซึ่งนักท่องเที่ยวจากประเทศที่ได้รับฟรีวีซ่าทุกคนจะต้องลงทะเบียน K-ETA ก่อนบิน อย่างน้อย 72 ชม. ซึ่ง K-ETA หรือ Korea Electronic Travel Authorization เป็นระบบที่คล้ายกับการกรอกใบตม.ออนไลน์ เพื่อคัดกรองนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศก่อนที่จะเข้าเกาหลีใต้ ข้อมูลที่ใช้กรอก อย่างเช่น ชื่อ-นามสกุล รูปถ่าย หน้าพาสปอร์ต ข้อมูลที่พักที่เกาหลี ฯลฯ โดยจะแจ้งผลการลงทะเบียนว่าผ่านหรือไม่ มาทาง E-Mail ที่เรากรอกไว้ สามารถลงทะเบียนได้ที่ https://www.k-eta.go.kr/ หรือ แอปพลิเคชั่น K-ETA มีค่าธรรมเนียม 10,000 วอน (ประมาณ 300 บาท)
หลังจากลงทะเบียนผ่านแล้วจะได้รับ ใบอนุญาตการเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีอายุ 2 ปี หรือตามอายุพาสปอร์ตที่เหลือของเรา สามารถเข้าเกาหลีได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และสามารถเข้าไปแก้ไขข้อมูลที่พักได้ แต่หากลงทะเบียน K-ETA ไม่ผ่าน 3 ครั้ง ต้องรอลงใหม่อีก 6 เดือน ซึ่งหากต้องการจะเดินทางเข้าเกาหลีในระหว่างนี้ ก็จะต้องยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวที่สถานทูตเกาหลีประจำประเทศไทย
แต่ถึงแม้ว่าผลการลงทะเบียน K-ETA ของเราจะผ่านแล้ว ก็ยังไม่ใช่ตัวการันตีว่าเราจะเข้าเกาหลีได้แน่นอน จะต้องผ่านการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ตม.ที่เกาหลีอีกครั้ง เราจึงต้องเตรียมตัวในส่วนอื่นๆ ให้พร้อมเสมอ
2. เตรียมเอกสารการเดินทางให้ครบ
การเตรียมเอกสารการเดินทางแต่ละทริป นับเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเดินทางไปประเทศไหนก็ตาม ยิ่งเป็นการผ่านด่าน ตม เกาหลี ด้วยแล้วล่ะก็…ยิ่งต้องเตรียมให้พร้อม สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนออกเดินทางแต่ละทริปนั้น ก็คือ เช็คพาสปอร์ตว่าใกล้หมดอายุหรือยัง? จะเข้าประเทศนี้ต้องใช้อะไรบ้าง? ส่วนคนที่ไปเที่ยวกับบริษัททัวร์ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ และช่วยดำเนินการด้านเอกสารให้ค่ะ
เอกสารที่ต้องเตรียมเข้าเกาหลี มีดังนี้
-
พาสปอร์ต : เปรียบเสมือนบัตรประชาชนระหว่างที่เราอยู่ต่างประเทศ และต้องมีอายุพาสปอร์ตเหลือมากกว่า 6 เดือน ถึงจะเดินทางได้ ส่วนใครที่มีพาสปอร์ตเล่มเก่าที่เคยใช้เข้าเกาหลีมาก่อนก็พกไปด้วยนะคะ จะได้โชว์เจ้าหน้าที่ได้ ว่าฉันเคยมาเที่ยวแล้วนะ
-
ใบลงทะเบียน K-ETA : เมื่อผลการลงทะเบียนผ่านแล้วเราจะได้รับใบอนุญาตเดินทาง ส่งมาที่ E-mail หรือเข้าไปเช็คผลการสมัครได้ที่เว็บไซต์ และปริ้นท์ใบอนุญาตออกมาได้เลย
-
ใบตม. หรือ Arrival Card : ถึงจะลงทะเบียน K-ETA มาแล้วก็ยังต้องกรอกใบตม.นะคะ เป็นใบสำคัญที่ระบุข้อมูลของเรา เช่น ชื่อ-นามสกุล ไฟล์ทบิน ข้อมูลที่พักในทริปนี้ จำนวนวันที่มา อาชีพ รวมถึงจุดประสงค์ในการเข้าเกาหลี ซึ่งเราจะต้องกรอกให้เรียบร้อย และกรอกให้ตรงกับข้อมูลตอนลงทะเบียน K-ETA สามารถรับใบตม.ได้จากแอร์โฮสเตสตอนอยู่บนเครื่องบิน หรือรับที่สนามบินปลายทางเมื่อเดินทางถึง แต่ถ้าใครเดินทางกับทัวร์ก็จะมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทจัดการกรอกให้เรียบร้อยเลยค่ะ เราแค่เซ็นชื่อให้เหมือนในพาสปอร์ตเท่านั้นเอง
-
ใบลงทะเบียน Q-CODE : คือการลงทะเบียนเพื่อขอยกเว้นการกักตัวเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ที่เกาหลี ลงทะเบียนได้ที่ >> คลิก เมื่อลงเสร็จแล้วจะได้หน้าที่เป็น QR-Code จะปริ้นท์ออกมา หรือแคปหน้าจอจากมือถือไว้ก็ได้ ใช้แสดงที่ด่านตรวจโรคก่อนที่จะเข้าตม.
-
ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ : สิ่งนี้จะช่วยการันตีได้ว่าเรามาท่องเที่ยว เพราะในใบจองตั๋วเครื่องบินจะระบุข้อมูลวันเดินทางไป-กลับอย่างชัดเจน เป็นการบอกว่าฉันมาเที่ยวแป๊บเดียว เดี๋ยวกลับบ้านแน่นอนจ้า
-
หลักฐานการจองโรงแรม : เพื่อการันตีว่าเราพักอยู่ที่นี่
-
หลักฐานการทำงาน (ควรเป็นภาษาอังกฤษ) : กรณีเป็นข้าราชการ หรือ พนักงานเอกชน สามารถแสดงบัตรประจำตัวพนักงานได้
-
สำเนาบัญชีออมทรัพย์ : พร้อมโชว์ยอดเงินคงเหลือ
-
เอกสารประจำตัว : บัตรประจำตัวประชาชน, ใบขับขี่รถยนต์, สำเนาทะเบียนสมรส
-
เอกสารเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล (ถ้ามี)
-
เงินวอน : แนะนำว่าควรแลกเงินวอนพกติดตัวไว้ประมาณ 300,000-700,000 วอน (ประมาณ 10,000-20,000 บาท)
นอกนั้นก็อาจจะเตรียมเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวกับทริปของเรา อย่างเช่น แผนการท่องเที่ยว ตั๋วเข้าชมสถานที่หากซื้อไว้ล่วงหน้า หนังสือข้อมูลท่องเที่ยว โบรชัวร์ต่างๆ ซึ่งเอกสารมากมายที่เราเตรียมไว้นี้ ทางเจ้าหน้าที่อาจจะขอดูหรือไม่ก็ได้ แต่พี่เห็ดแนะนำว่าเตรียมไว้ก่อนเพื่อความสบายใจ ถ้าขอดูก็โชว์ได้ทันที
3. แต่งตัวดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
แว๊บแรกที่เจ้าหน้าที่จะมองเห็นและสังเกตได้ก็คือ การแต่งตัวของเรานั่นเอง ถือเป็นการตัดสินขั้นแรกแบบง่ายๆ เลยว่าเราจะผ่านหรือไม่ สำหรับการแต่งตัวขอให้ยึดความสุภาพ เรียบง่าย และแต่งตัวเตรียมพร้อมแบบนักท่องเที่ยวจริงๆ ผู้หญิงควรใส่ชุดที่ดูเรียบร้อย ทะมัดทะแมง ไม่โชว์เนื้อโชว์หนังและไม่แต่งหน้าจัดเกินไป ส่วนคุณผู้ชายก็แต่งตัวตามปกติ เสื้อยืด กางเกงขายาว อาจมีเสื้อคลุมสักตัว และสวมรองเท้าผ้าใบ เพื่อการเดินเที่ยวที่สะดวกและคล่องตัว
4. นิ่งสงบ สยบความตื่นเต้น
ดั่งสุภาษิตที่ว่า จะทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง จะผ่านตม.เกาหลีก็ยิ่งต้องนิ่งค่ะ นิ่งในที่นี้คือการทำตัวสุขุม ไม่ลนลาน ไม่แสดงความกังวลใดๆ สบตากับเจ้าหน้าที่เวลาพูดคุยหรือตอบคำถาม ยิ้มแย้มแจ่มใส และอาจกล่าวคำทักทายสั้นๆ อย่างเช่น Good Morning ซึ่งจะทำให้คุณดูมีความน่าเชื่อถือ น่าไว้วางใจ และมีบุคลิกที่ดี
5. เตรียมพร้อมตอบคำถาม
สำหรับการเตรียมตัวผ่านด่าน ตม. นั้น เจ้าหน้าที่ก็อาจจะมีการถามคำถามเราบ้าง เพื่อความมั่นใจว่าเรามาเที่ยวจริงๆ ใครอยากผ่าน ตม เกาหลี ไปได้ง่ายๆ ก็ต้องเตรียมตัวกันไว้ก่อน และตอบคำถามด้วยความมั่นใจ ไม่ลังเล โดยคำถามที่เจ้าหน้าที่จะถามก็เป็นคำถามทั่วไปเกี่ยวกับทริปการเดินทางของเรานี่แหละค่ะ อย่างเช่น
- มากับใคร?
- มาอยู่กี่วัน?
- ไปเที่ยวที่ไหนบ้าง?
- ทำงานอะไร?
- แลกเงินมาเท่าไหร่?
สิ่งสำคัญอยู่ที่การตอบคำถามกับเจ้าหน้าที่นี่แหละค่ะ พี่เห็ดแนะนำว่า ไม่ว่าจะเดินทางไปเที่ยวประเทศไหนก็ตาม ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเกาหลีเท่านั้น ทั้งไปเที่ยวด้วยตัวเอง และ ไปเที่ยวกับบริษัททัวร์ ก็ต้องเตรียมตัวเรื่องการตอบคำถามให้ดี อย่างเช่น
1. ต้องรู้ว่าทริปนี้เราจะเดินทางไปเที่ยวที่ไหนบ้าง อาจจะไม่ต้องละเอียดมาก แต่อย่างน้อยต้องตอบได้ว่า วันแรกจะไปเที่ยวที่ไหน พักโรงแรมอะไร ถ้าตอบไม่ได้แล้วมองหาหัวหน้าทัวร์เพื่อให้มาตอบคำถามแทน อาจทำให้ดูมีพิรุธได้
2. ต้องไม่หงุดหงิด หากเจ้าหน้าที่เริ่มถามเยอะ ซึ่งบางครั้งเราอาจจะเจอเจ้าหน้าที่ ตม. ที่พูดจาไม่ค่อยดีหรือเสียงดังบ้าง นั่นอาจจะเป็นการทำงานของเขา ต้องอย่าหงุดหงิดตาม พยายามยิ้มแย้มไว้ ตอบคำถามและโชว์เอกสารต่างๆ แบบภาษาอังกฤษ ให้เจ้าหน้าที่ดู เช่น โปรแกรมทัวร์ รายการของฝาก บัตรเครดิต และเงินวอนพกติดตัว
ความจริงการผ่าน ตม. ในทุกประเทศก็ไม่ได้ยากอะไร คนเตรียมตัวไปเที่ยวจริงๆ ต้องตอบคำถามได้อยู่แล้วค่ะ และที่สำคัญ อย่าพยายามพูดภาษาเกาหลีกับเจ้าหน้าที่ ถ้าคุณไม่สามารถพูดได้จริงๆ
6. ฝึกภาษาอังกฤษสักนิด
ภาษาอังกฤษ คือ ภาษาสากลที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันทั่วโลก และแน่นอนว่าเมื่อคุณจะไป ทัวร์เกาหลี หรือเที่ยวต่างประเทศที่ไหนก็ตาม คุณจำเป็นต้องงัดสกิลภาษาอังกฤษที่สั่งสมไว้ออกมาใช้ เพื่อฟังและตอบคำถามเจ้าหน้าที่ตม. เป็นแค่พื้นฐานภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ ถ้าถูกถามเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงเกาหลีที่อาจจะฟังแล้วไม่เข้าใจก็ขอ Again please แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคำถามพื้นๆ อย่างที่ได้เกริ่นไปข้างต้น และประโยคที่ไม่ควรตอบที่สุดเลยก็คือ I don’t know หากฟังไม่ออกจริงๆ ก็ให้พูดไปว่า Sightseeing หรือ Tourist ไปเลยค่ะ
ขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง ตม.เกาหลี 2022
หลังจากเตรียมตัวก่อนออกเดินทางมาแล้วว่าจะรับมือกับตม.เกาหลีอย่างไรบ้าง เรามาดูขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเมื่อถึงเกาหลีกันค่ะ สำหรับมือใหม่หัดเที่ยวจะได้เรียนรู้ไว้ก่อน จะได้ไม่ตื่นเต้น เพิ่มความมั่นใจให้เต็มร้อย ช่วยคลายกังวลเรื่องตม.เกาหลีกันค่ะ
เมื่อลงจากเครื่องแล้ว ก็เดินตามป้าย Arrivals ไปเรื่อยๆ บางสายการบินอาจจะไปลงอาคารที่ต้องนั่งรถไฟไปยังอาคารหลักเพื่อเข้าด่านตม.อีกที ใครมือใหม่ก็เดินตามๆ คนอื่นไปก็ได้ค่ะ และก่อนจะถึงด่านตม. จะเจอกับ ด่านตรวจโรค ตรงนี้เราก็แค่โชว์ QR-Code ที่ได้จากการลงทะเบียน Q-CODE เพื่อยกเว้นการกักตัว
เดินต่อไปเรื่อยๆ ก็จะถึง ตม. หรือ ด่านตรวจคนเข้าเมือง ให้เดินไปต่อแถวที่ช่อง Foreign Passenger เมื่อถึงคิวของเราก็ปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้
-
ยื่นใบตม. หรือ Arrival Card ที่กรอกข้อมูลแล้วเรียบร้อย และพาสปอร์ต ให้กับเจ้าหน้าที่ ควรยิ้มและสบตา อย่าหลบสายตา และนิ่งเข้าไว้
-
เมื่อเจ้าหน้าที่เช็คพาสปอร์ตและเอกสารเรียบร้อยแล้ว อาจจะมีคำถามเล็กๆ น้อยๆ หรือบางคนก็อาจจะไม่โดนถามอะไรเลย เป็นคำถามทั่วๆ ไปอย่างที่เราได้ยกตัวอย่างไป เราก็ตอบด้วยความมั่นใจได้เลยค่ะ
-
จากนั้นเจ้าหน้าที่จะบอกให้เราวางนิ้วมือลงบนเครื่องเพื่อสแกนลายนิ้วมือ สำหรับเครื่องนี้บนหน้าจอจะมีภาษาไทยอยู่ด้วย ไม่ต้องห่วงว่าจะทำไม่ถูก จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้เรามองกล้องเพื่อทำการถ่ายภาพใบหน้า โดยจะต้องไม่สวมแว่น ไม่สวมหมวก ยิ้มมุมปากได้นิดหน่อย ห้ามเห็นฟัน และไม่ใช้โทรศัพท์มือถือในระหว่างการตรวจนะคะ
-
เมื่อเรียบร้อยแล้วเจ้าหน้าที่ก็ติดสติ๊กเกอร์การเข้าประเทศในพาสปอร์ตของเรา ซึ่งจะบอกรายละเอียดต่างๆ รวมถึงวันที่อนุญาตให้เราอยู่เกาหลีได้ถึงวันที่เท่าไหร่ แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จพิธีด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วค่ะ
และนี่ก็เป็นคำแนะนำในการเตรียมตัวก่อนเผชิญหน้ากับ ตม เกาหลี และขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง ที่พี่เห็ดนำมาเล่าสู่กันฟัง หวังว่าจะช่วยให้คุณ ผ่าน ตม.เกาหลี ได้ง่ายขึ้นนะคะ บอกเลยว่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด แล้วไปสนุกกับการ ทัวร์เกาหลี ด้วยกันนะคะ
คุณกำลังดู: 6 เทคนิคผ่าน ตม. เกาหลี 2022 เตรียมพร้อมก็ผ่านชิลๆ
หมวดหมู่: เที่ยวต่างประเทศ