เบญจเพสของ "เฌอปราง" ร่างพัง สุขภาพจิตเสีย แต่รักตัวเองมากขึ้น

Sanook ครบรอบ 25 ปี จึงชวน "เฌอปราง อารีย์กุล" มาคุยถึงช่วงวัย 25 ปีของเธอที่ปัญหา “ร่างกาย” และปัญหา “จิตใจ” ต่างเข้ามารุมเร้า ทว่า ในห้วงเวลาที่อ่อนแอทั้งกายและใจ เธอกลับมี “เวลา” ได้เรียนรู้ คิดทบทวน และวางแผนอนาคตของตัวเอง

เบญจเพสของ "เฌอปราง" ร่างพัง สุขภาพจิตเสีย แต่รักตัวเองมากขึ้น

Highlight

  • Sanook ครบรอบ 25 ปี จึงชวน "เฌอปราง อารีย์กุล" มาคุยถึงช่วงวัย 25 ปีของเธอที่ปัญหา “ร่างกาย” และปัญหา “จิตใจ” ต่างเข้ามารุมเร้า ทว่า ในห้วงเวลาที่อ่อนแอทั้งกายและใจ เธอกลับมี “เวลา” ได้เรียนรู้ คิดทบทวน และวางแผนอนาคตของตัวเอง
  • แม้จะไม่เชื่อเรื่องเบญจเพส แต่ชีวิตก็พบเจอกับ "ความโชคร้าย" หลายอย่างในช่วงอายุ 25 ปี ทั้งเข้าโรงพยาบาล และสุขภาพจิตเสีย
  • แต่ท่ามกลางความเลวร้าย เฌอปรางก็ได้ช่วงเวลา "พักผ่อน" กลับมาให้กับตัวเอง โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เธอได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และได้กลับไป “เล่นเกม” ที่ตัวเองชื่นชอบอีกครั้ง
  • เพราะเป็น “เนิร์ด” ก็เลยทำให้เฌอปรางคาดหวังว่าโลกในอีก 25 ปีต่อจากนี้ จะมีนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้น โดยเฉพาะ NerveGear (เนิร์ฟเกียร์) อุปกรณ์ในฝันของเกมเมอร์ ที่เธออยากให้เกิดขึ้นจริง

จากเด็กสาววัย 20 ปี ผู้ก้าวเข้ามาสวมบทบาท “กัปตัน” ของ BNK48 วงไอดอลสุดฮอตแห่งยุค มาวันนี้ “เฌอปราง อารีย์กุล” กำลังจะผันตัวเองจากคนเบื้องหน้าไปสู่บทบาท “ชิไฮนิน” หรือผู้จัดการของ BNK48 แล้ว ตลอดการเดินทางบนเส้นทางสายไอดอลไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในช่วงวัย 25 ปีของเธอที่ปัญหา “ร่างกาย” และปัญหา “จิตใจ” ต่างเข้ามารุมเร้า ทว่า ในห้วงเวลาที่อ่อนแอทั้งกายและใจ เฌอปรางกลับมี “เวลา” ได้เรียนรู้ คิดทบทวน และวางแผนอนาคตของตัวเอง 

และนี่คือสิ่งที่เฌอปรางตกผลึกในช่วงชีวิตวัย 25 ปี ที่เธอขอเรียกว่าเป็นช่วงเบญจเพสที่ “ร๊ายร้าย” ของตัวเอง

วัย 25 คือเบญจเพสของเฌอปราง

“ถ้าถามว่าก่อนอายุ 25 นั้น เรามีความกังวลอะไรไหม และเราเห็นภาพตัวเองอย่างไร บอกเลยว่าไม่ได้คิดค่ะ แล้วก็คิดว่ามันคงไม่จริงหรอกมั้ง 25 เบญจเพส แล้วใครจะไปโชคร้ายหรือเกิดเรื่อง มีเรื่องดี๊ดีหรือร๊ายร้าย แต่บอกเลยว่าของหนู ไปแนวร๊ายร้ายค่ะ” เฌอปรางเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงสดใส

เธอเล่าย้อนกลับไปช่วงอายุ 24 ปลาย ๆ กำลังย่าง 25 ปีของชีวิต ที่ต้องพาตัวเองแอดมิดเข้าโรงพยาบาลในระหว่างกำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องหนึ่งอยู่ เนื่องจากโรคไข้เลือดออก ที่ทำเอาเจ้าตัวต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานกว่า 1 สัปดาห์ 

“วันนั้นต้องถ่ายซีนที่สนามกีฬา จำได้ว่าตื่นมาตอนตี 4 รู้สึกตัวหนักมาก ลุกไม่ขึ้น รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วมาก แต่เราต้องออกกองวันนี้ เพราะทุกคนเขาเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่เราก็ไปกองถ่ายด้วยสภาพนั้น คือรู้สึกว่าป่วยแน่ ๆ ก็เลยต้องทำอะไรก็ตามให้รีบหายป่วยให้เร็วที่สุด กินยา อัดทุกอย่างเลย แต่ไข้ก็ยังสูงปรี๊ด แล้วจุดแดง ๆ ก็เริ่มขึ้นที่ตัว แแล้วพอถ่ายเสร็จปุ๊บ เราก็รีบไปโรงพยาบาล” 

“แล้วช่วงก่อนออกเบญจเพส ช่วงปลาย 25 ย่าง 26 ปี ก็เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ จำไม่ได้ว่ารอบที่ 2 นี้เข้าโรงพยาบาลเพราะอะไร แต่หนูมักจะเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ไม่ก็ลำไส้อักเสบ คืออยู่ ๆ ก็ป่วย เพราะเราทำงานหนักมาก ๆ ร่างกายก็จะอ่อนแอ แล้วหนูจะเป็นโรคร่างกายรู้ว่าวันไหนใกล้วันหยุด มันจะหนูไปเข้าโรงพยาบาล ไม่ว่าจะอยู่ ๆ ไข้ขึ้น ท้องเสีย เป็นโรคกระเพาะ ซึ่งอันนั้นก็เป็นเหตุการณ์สุดท้ายก่อนจะออกเบญจเพส” เฌอปรางเล่า 

สุขภาพจิตพังเพราะโควิด-19

เพราะช่วงอายุ 25 ปี ตรงกับช่วงการระบาดของโควิด-19 ก็ทำให้ตารางงานของเฌอปรางถูกยกเลิก พร้อมกับมาตรการล็อกดาวน์ อยู่บ้านหยุดเชื้อของภาคส่วนต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งตอนนี้เองที่ทำให้เฌอปรางได้เผชิญหน้ากับ “ปัญหาสุขภาพจิตใจ” ที่เธอบอกว่าต้องใช้เวลาและการเข้าใจตัวเองมากพอควร 

“เรามีอาการวิตกกังวลกับตัวเองค่อนข้างเยอะ ซึ่งทำให้ตัวเองได้เผชิญกับเรื่องสุขภาพจิตในระดับหนึ่ง แล้วก็ทำให้เราได้รู้ว่า อ๋อ มันเป็นความรู้สึกแบบนี้นี่เอง” เฌอบอก

 

“อยู่ ๆ เราก็คิดมาก คิดไปหมดเลย กินข้าวก็ร้องไห้ กินข้าวไข่เจียวแล้วก็นั่งน้ำตาไหลแหมะ ๆ ก็คิดว่าเราเป็นอะไรเนี่ย เลยพยายามดูแลรักษาตัวเอง กลับไปเจอครอบครัว เอาตัวเองไปอยู่กับธรรมชาติ นอนพักเยอะ ๆ ซึ่งมันเป็นช่วงโควิด-19 พอดี เราเลยได้พักจากการทำงานค่อนข้างเยอะ ซึ่งก็กลายเป็นว่าเราได้พักยาง ๆ ไปช่วงหนึ่ง แล้วก็ได้ปรึกษาคุณหมอ ทำนู่นทำนี่เพื่อดูแลตัวเอง และทำให้เราได้เรียนรู้ว่าเวลาเกิดภาวะอารมณ์ประมาณนี้ เราต้องดูแลตัวเองยังไง ซึ่งมันทำให้เราสามารถรับมือกับสภาพอารมณ์ของตัวเองได้ดีขึ้น ก็ถือเป็นการเรียนรู้กันไป” 

แสงสว่างท่ามกลางมืดหมอกของวัย 25 

แม้จะต้องเผชิญกับคลื่นพายุเบญจเพสที่โหมกระหน่ำ เล่นงานทั้งสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจ แต่เฌอปรางก็ยังมองเห็นแสงสว่างและความสดใสของช่วงวัย 25 ปีได้เช่นกัน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เธอได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และได้กลับไป “เล่นเกม” ที่ตัวเองชื่นชอบอีกครั้ง 

“ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ได้กลับไปเล่นเกมค่อนข้างเยอะ แล้วก็ได้กลับไปอ่านการ์ตูน รวมถึงทำกิจกรรมออนไลน์มีตติ้งกับแฟน ๆ ที่เป็นประสบการณ์ใหม่ และสนุกกว่าที่คิด” 

แล้วเฌอปรางในวัย 27 ปีแตกต่างจากเฌอปรางวัย 25 ปีอย่างไร เธอนิ่งคิดไปชั่วขณะ ก่อนจะยิ้มกว้างและบอกว่า “สดใสมากขึ้น” 

“เราคิดมากน้อยลง วางหลาย ๆ เรื่องได้ง่ายขึ้น แล้วก็เอนจอยกับชีวิตได้ง่ายขึ้น ซึ่งเรารู้สึกแบบนั้นจริง ๆ นะ ทุกคนอาจจะเห็นเราในมุมที่บ้าบอคอแตกมากขึ้น ตลกมากขึ้น แล้วเราก็เริ่มคิดว่ามันไม่เป็นไรนี่นา บวกกับเราโตขึ้นด้วย ก็เลยรู้สึกว่าแบบนี้แหละ กำลังดีเลย คือทุกคนจะไม่ค่อยเห็นมู้ดตลก ๆ ของเราไง จริง ๆ ก็ไม่ใช่คนตลกโดยธรรมชาติหรอกนะ แต่เราสนุกกับการอยู่กับคนอื่น แล้วก็ได้ซึมซับความตลกของน้อง ๆ มาเยอะ ก็ทำให้เราเริ่มเข้าใจมุกมากขึ้น แล้วก็ต่อมุกเป็น” เฌอปรางบอก 

เมื่อถามว่าอยากบอกอะไรตัวเองในวัย 25 ปีบ้างไหม เฌอปรางก็บอกเพียงว่า “เก่งมาก! ใจเย็น ๆ ให้เวลาช่วยเยียวยาไป” พร้อมยกนิ้วโป้งให้ตัวเองหนึ่งครั้ง

โลกอนาคตที่เฌอปรางอยากเห็น

เพราะเป็น “เนิร์ด” ก็เลยทำให้เฌอปรางคาดหวังว่าโลกในอีก 25 ปีต่อจากนี้ จะมีนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้น โดยเฉพาะ NerveGear (เนิร์ฟเกียร์) อุปกรณ์ในฝันของเกมเมอร์ ที่ใคร ๆ ก็อยากให้เกิดขึ้นจริง

“ส่วนตัวเป็นคนบ้าอ่านนิยายและการ์ตูน ก็อยากได้ NerveGear อยากได้เกมที่สามารถนอนหลับ แล้วเราเข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งได้ ถ้าเป็นไปได้ในอีก 25 ปีข้างหน้า ก็หวังว่ามันจะมี” 

“นอกจากนั้นก็คงเติบโตขึ้น ตอนนั้นเราก็อายุ 50 กว่าแล้ว หวังว่าจะยังหน้าเด็กแบบนี้ ซึ่งก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี เพราะคาดหวังแล้ว เราก็ต้องด้วย ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็คิดว่าโลกจะน่าอยู่ขึ้น เรามีความหวังว่าโลกจะน่าอยู่ขึ้น” เฌอปรางกล่าวปิดท้าย

คุณกำลังดู: เบญจเพสของ "เฌอปราง" ร่างพัง สุขภาพจิตเสีย แต่รักตัวเองมากขึ้น

หมวดหมู่: เพลง

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด