เช็กอาการ “โรคพยาธิในช่องคลอด” แบบไหนที่ใช่ สาเหตุคืออะไร รักษาได้หรือไม่

เช็กอาการ “โรคพยาธิในช่องคลอด” แบบไหนที่ใช่ สาเหตุคืออะไร รักษาได้หรือไม่

โรคพยาธิในช่องคลอด เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัวชนิดหนึ่ง พบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย และไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

โรคพยาธิในช่องคลอด คืออะไร

เรามักได้ยินชื่อโรคพยาธิที่อยู่ตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เช่น ลำไส้ ปอด สมอง เส้นเลือด แต่ในอวัยวะสืบพันธุ์อย่างช่องคลอดเองก็มีพยาธิเช่นกัน โรคพยาธิในช่องคลอด เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งเกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัวที่มีชื่อว่า Trichomonas vaginalis ซึ่งพบโรคนี้ได้ทั้งในเพศหญิงและเพศชายแต่ส่วนมากพบได้ในเพศหญิง นอกจากนี้ตัวพยาธิยังมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ต้องดูผ่านกล้องจุลทรรศน์เท่านั้น ความน่ากลัวของโรคนี้คือหากเป็นแล้วจะพบผู้ป่วยที่แสดงอาการเพียง 20-30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทำให้หลายคนไม่รู้ตัว และแพร่กระจายเชื้อไปสู่คู่นอนได้

อาการของโรคพยาธิในช่องคลอด

ในช่วงแรกของการติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด ผู้ป่วยมักไม่มีอาการผิดปกติใดๆ แต่หลังจากติดเชื้อตั้งแต่ 5-28 วันขึ้นไป ผู้ป่วยอาจมีอาการ ดังนี้

  • มีตกขาวมากผิดปกติ ตกขาวเป็นฟอง และอาจส่งกลิ่นเหม็นคาวปลา
  • มีเลือดไหลออกจากช่องคลอด
  • บวม แดง คัน หรือรู้สึกแสบบริเวณอวัยวะเพศ
  • ปวดปัสสาวะบ่อย
  • เจ็บปวดขณะปัสสาวะ หรือมีเพศสัมพันธ์

หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบทำการรักษาทันที หากปล่อยทิ้งไว้จะส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

โรคพยาธิในช่องคลอด รักษาได้ไหม

โรคพยาธิในช่องคลอดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการรับประทานยาตามแพทย์สั่งต่อเนื่องเป็นเวลา 7-10 วัน แต่ถึงแม้จะรักษาจนหายขาดแล้วก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ หากกลับไปมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนเดิมที่ติดเชื้อ ดังนั้นในทางการแพทย์จะแนะนำให้ผู้ที่สงสัยว่าจะเป็นโรคพยาธิในช่องคลอดและคู่นอน มารับการตรวจและรักษาไปพร้อมๆ กัน เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำใหม่นั่นเอง

เนื่องจากโรคพยาธิในช่องคลอดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จึงควรพาคนรักหรือคู่นอนมาทำการรักษาพร้อมกันเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
เนื่องจากโรคพยาธิในช่องคลอดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จึงควรพาคนรักหรือคู่นอนมาทำการรักษาพร้อมกันเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

วิธีป้องกันโรคพยาธิในช่องคลอด

  • สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  • ไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ
  • หากพบว่ามีอาการตกขาวผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ทันที

โรคพยาธิในช่องคลอดต่างจากเชื้อราในช่องคลอดอย่างไร

โรคพยาธิในช่องคลอดกับเชื้อราในช่องคลอดมีอาการค่อนข้างคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างดังนี้

  • เชื้อราในช่องคลอดมักจะก่อให้เกิดอาการคันมากกว่า
  • เชื้อราในช่องคลอดมีลักษณะของตกขาวคล้ายกับแป้งเปียก
  • โรคพยาธิในช่องคลอดจะก่อให้เกิดการระคายเคืองและมีอาการแสบบริเวณอวัยวะเพศเมื่อปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์

ดังนั้น หากพบว่าตนเองมีอาการต่างๆ ที่อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคพยาธิในช่องคลอด ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยเร็วที่สุด เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้จะลุกลามไปถึงท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ ทำให้อักเสบได้ เนื่องจากท่อปัสสาวะและช่องคลอดอยู่ใกล้กัน จึงสามารถติดเชื้อได้ง่าย ในระยะยาวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงโรคมะเร็งปากมดลูก และส่งผลให้มีบุตรยากในอนาคต

อ้างอิงข้อมูล: คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

คุณกำลังดู: เช็กอาการ “โรคพยาธิในช่องคลอด” แบบไหนที่ใช่ สาเหตุคืออะไร รักษาได้หรือไม่

หมวดหมู่: สุขภาพ

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด