จิ้ม ชวนชื่น เงียบหายไป "เห็นแก่งานมากกว่าเห็นแก่ตัว"
จิ้ม ชวนชื่น ไม่เถียง ช่วงหลังเงียบหายไป เพราะค่อนข้างเลือกรับงาน ไม่หลับหูหลับตาทำเพียงเพราะต้องการเงินค่าจ้าง
นพดล ทรงแสง หรือ จิ้ม ชวนชื่น นักแสดงตลก สานต่อคณะชวนชื่นจาก คุณพ่ออุดม อยู่ในแวดวงสร้างเสียงหัวเราะ มาตั้งแต่อายุ 18 ปี มีผลงานแสดงภาพยนตร์หลายเรื่อง อาทิ บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม แสบสนิทศิษย์ส่ายหน้า หอแต๋วแตก จั๊กกะแหลน เป็นต้น เปิดใจกับทีมข่าว Sanook.com ไม่ปฏิเสธระยะหลังมานี้ ผลงานแสดงตลก และภาพยนตร์ลดลง ทำให้เห็นเขาในจอ และออนไลน์ น้อยกว่าในอดีตหลายเท่าตัว
จิ้ม บอกต่อว่า สาเหตุสำคัญมาจากการที่เขาเลือกงานมากขึ้น "เห็นแก่งานมากกว่าเห็นแก่ตัว" หมายถึง เลือกงานที่มั่นใจว่าตนเองจะสามารถทำออกมาได้ดี มากกว่าเห็นแก่จำนวนเงินค่าจ้างที่ตนเองจะได้รับ
"ตอนที่ทำงานเยอะๆ ในหนึ่งอาทิตย์มี 11 รายการ ในชีวิตช่วงหนึ่งเราทำงานเยอะมาก ไม่ได้หลับไม่ได้นอนช่วงที่มันพีคๆ มากๆ เป็นพิธีกร ผู้ช่วยพิธีกร เล่นหนัง มันเยอะมากนะ วันนี้ไม่ได้ทำงานก็ถือว่าได้พัก แต่ถ้ามีงานก็พร้อมทำอยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราทำได้ดีหรือเปล่าด้วย ค่อนข้างที่จะเลือกงานที่เราทำให้เขาได้เต็มที่ ถ้าเราทำได้ดี เราจะทำทุกงาน ถ้าเราได้เงินแล้วแต่ว่างานออกไปเหมือนกับเราทำเอาเงิน อันนี้ก็ไม่รับ "
"ถ้าเกิดบทเขาออกมาดี แล้วพลังเราไม่ถึงเล่นไม่ถึง หรือเราไม่ถนัดเนี่ย ผมว่าไม่เสี่ยงที่จะไปทำงานโดยไม่คำนึงถึง เฮ้ยเราจะทำมันออกมาได้ดีหรือเปล่า ที่ดูว่าเงียบหายไป ก็เพราะว่าผมทำงานน้อย ตอบไม่ตอแหลก็คือผมก็เลือกบท แต่เลือกบทที่ผมมั่นใจว่า เมื่อเขาจ้างเราแล้ว เราจะทำมันออกมาได้ดี ให้คนจ้างเขารู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่จ้างเรา เหมือนเขาเอาบทมาให้ แล้วเราเล่นไม่ได้ เล่นไม่ถึง ก็จะปฏิเสธ ถ้าเราทำดีไม่ได้เราไม่เอา เราไม่ได้เดือดร้อน"
"นี่คือผม ผมมาเล่นตลกเพราะพ่อบอกให้มาเล่น จริงๆ ผมอยากเล่นดนตรี อยากตีกลอง มันเลยกลายเป็นว่าเราต้องพัฒนา เราค่อนข้างให้ความสำคัญกับงานที่ดีว่ามันเป็นอย่างไร ถามว่าในตอนนั้นเสียใจไหม ที่ไม่ได้เล่นดนตรี เสียใจ แต่ว่าเรามาแล้ว ไม่ว่าเราจะจับงานอะไรก็แล้วแต่ เราต้องทำให้สุดความสามารถ อย่าไปทำแบบห่วยๆ ให้คนเขาดูแล้วแบบอืม"
พี่ชายของนักแสดงตลดชื่อดังอย่าง หลุยส์ ชวนชื่น และ แจ๊ส ชวนชื่น บอกด้วยว่า ส่วนงานที่ตกปากรับคำทันที โดยไม่คิดมาก หรือ มีข้อแม้เกิดขึ้นในใจ เมื่อได้รับการติดต่อมา คือ "งานของเพื่อน"
"งานพรรคพวกเป็นงานที่ไม่ต้องถามว่า จะเป็นงานแบบไหน ถ้าพวกติดต่อมาเล่นหมด ทำให้หมด ล่าสุดตอนนี้ก็เป็นภาพยนตร์เรื่อง ไชน่าทาวน์ ชะชะช่า จตุรงค์ มกจ๊ก กลับมากำกับหนังในรอบ 10 กว่าปี พวกกันเราไม่เคยถามให้ทำอะไร อย่างจตุรงค์จู่ๆ มาบอกให้เล่นให้โกนหัวนะ ไม่ต้องคิดเลยกูก็โกนให้"
"ปัจจุบันนี้ ในแต่ละวัน มีงานสังคม มีงานพรรคพวก คือ มันต้องมีโทรศัพท์โทรมาแล้วถามว่าว่างหรือเปล่า และเราเป็นอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ก็ออกไปทำงานสันทนาการในชุมชนเรื่อยๆ อยู่แล้ว เมื่อเพื่อนติดต่อมา เราไม่ปฏิเสธแน่นอน"
จิ้ม บอกด้วยว่า นิสัยส่วนตัวของเขา เป็นคนเห็นความสำคัญของคำว่า "มิตรภาพ" ทุกครั้งในการตัดสินใจทำอะไรให้เพื้่อน ไม่เคยคิดว่าจะได้อะไรตอบแทนกลับมาหรือไม่
"กับพี่กับน้อง น้องจะไม่เคารพพี่ อันนั้นมันคือหน้าที่ของเขา เราเป็นพี่ เราก็ต้องทำหน้าที่ของพี่ เพื่อนที่ดีจะต้องยังไงเราก็ทำไป ส่วนเขาจะไม่ทำกลับมา มันก็เป็นเรื่องของเขา ผมเกินร้อยอยู่แล้วกับพรรคพวกเพื่อนฝูง พี่น้อง เรารักษาคำว่ามิตรภาพที่ดีของเราให้ได้เสียก่อน ยังไม่ต้องไปนั่งดูว่า ใครจะตอบแทนมา หรือว่ากูควรจะทำดีหรือเปล่า มันจะไม่มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น"
อย่างไรก็ดี การที่คนเราสามารถดำเนินชีวิตตามใจปราถนาได้ โดยไม่ต้องหลับหูหลับตาทำงาน ในช่วงที่กำลังวังชาลดน้อยถอยลง สวนทางกับอายุที่มากขึ้น ความมั่นคงทางการเงินนับว่า เป็นสิ่งสำคัญ จิ้ม บอกว่า เขาขอยกความดีความชอบให้กับภรรยา ที่วางแผนการดำเนินชีวิตให้เป็นไปอย่างมีระบบ
"ผมมีครอบครัวเร็ว อายุ 21 ปี ผมแต่งงานแล้ว โชคดีได้แม่บ้านที่เขาบริหารจัดการครอบครัวเราได้ดี ตอนผมทำงานเยอะๆ ผมก็ทำงานจะไม่ค่อยมองเห็นว่าจะเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ถึงขนาดสร้างเนื้อสร้างตัวได้ แต่พอมาถึงจุดๆ หนึ่ง ผมได้เห็นทรัพย์สินที่เป็นชิ้นเป็นอันจากการบริหารจัดการของภรรยา"
ในการให้เปิดใจครั้งนี้ จิ้ม แสดงความคิดเห็นด้วย ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้รูปแบบการแสดงตลกในปัจจุบันมีความแตกต่างจากอดีตตามไปด้วย
"โลกมันเปลี่ยนไปแล้วด้วย ผมว่าคนเราจะตลกอีกแบบหนึ่งแล้วด้วยซ้ำ ด้วยคำพูดไม่กี่คำ เมื่อก่อนมันต้องมีโครงสร้างของการปูมุกแล้วตบ เดี๋ยวนี้ ตบ ตบ ตบ ไปเลย ไม่ต้องมานั่งปู ความคิดเห็นส่วนตัวนะ"
คุณกำลังดู: จิ้ม ชวนชื่น เงียบหายไป "เห็นแก่งานมากกว่าเห็นแก่ตัว"
หมวดหมู่: หนัง-ละคร