จริงหรือไม่? ทานพาราเซตามอลแก้เมาค้าง อาจถึงตายได้
บ้างก็ว่าการทานพาราเซตามอลแก้เมาค้าง จะทำให้ตับพัง เป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิต จริงๆ แล้วข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร มาหาคำตอบกัน
ใครหลายๆ คนที่กำลังอ่านอยู่อาจจะเคยเกิดอาการแฮงค์ หรือเมาค้างจากการดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักหน่วงมาเมื่อคืน ตื่นเช้าเกิดอาการปวดหัวจนต้องพึ่งยาพาราเซตามอลกันมาบ้างแล้วนะคะ แต่เมื่อมีข่าวในโลกออนไลน์ออกมาบอกว่า “การทานยาพาราเซตามอล แก้เมาค้าง อาจทำให้เป็นพิษต่อตับ จนอาจเสียชีวิตได้” Sanook! Health จึงหาคำตอบมาให้ว่า เป็นความจริงหรือไม่ค่ะ
ยาพาราเซตามอล ทำให้ตับพังได้จริงหรือ?
หากรับประทานยาพาราเซตามอลในปริมาณที่มากเกินไป
ก็อาจทำให้ตับเป็นพิษได้เหมือนกัน
ดังจะเห็นว่าที่ข้างขวดของยาพาราเซตามอล หรือที่ฉลากยาจะเขียนว่า
ควรทานครั้งละ 1-2 เม็ด ทุกๆ 4-6 ชั่วโมง หรือเฉพาะเวลาที่มีไข้
ปวดศีรษะ และห้ามทานติดต่อกันเกิน 5 วัน ดังนั้นทางที่ดี
หากทานพาราเซตามอลสัก 1-2 วันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น
ควรพบแพทย์จะดีที่สุดค่ะ
แล้วทานพาราเซตามอล หลังดื่มแอลกอฮอล์
ทำให้ตับเป็นพิษจนเสียชีวิตได้หรือไม่?
ในกรณีของการใช้ยาพาราเซตามอล หลังการดื่มแอลกอฮอล์
พบว่าไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้น กล่าวคือ การทานยาพาราเซตามอล
เพื่อแก้อาการปวดศีรษะหลังอาการเมาค้าง ไม่ได้ทำให้ตับเป็นพิษ
หรือเกิดอาการผิดปกติอื่นๆ จนทำให้เสียชีวิตอย่างที่บางส่วนเข้าใจกัน
เพราะไม่ได้ทานยาพาราเซตามอลนานๆ หรือในจำนวนเม็ดที่มากกว่า 2
เม็ดขึ้นไป ก็ไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด
วิธีทานยาพาราเซตามองให้ถูกวิธี
ทานครั้งละ 1 เม็ดก็อาจจะเพียงพอ ไม่มีความจำเป็นต้องทาน 2 เม็ดในทุกๆ
ครั้งที่ทาน (เว้นแต่หากปวดหัวไมเกรน อาจจะต้องเปลี่ยนตัวยาแทน)
นอกจากนี้ดื่มน้ำตามเยอะๆ ห้ามทานยากับเครื่องดื่มอื่นๆ
ที่ไม่ใช่น้ำเปล่า พักผ่อนให้เพียงพอ หากไม่มีอาการปวดหัว
หรือเริ่มมีไข้ชึ้นสูงอีกครั้ง
ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทานยาพาราเซตามอลต่อจนหมดก็ได้
แต่หากทานยาแล้วอาการดีขึ้นหลังทานยา
พอยาหมดฤทธิ์อาการก็กลับมาอีกเป็นเวลาหลายวัน
ควรหยุดทานยาแล้วรีบพบแพทย์ดีกว่าค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊คเพจ Drama-Addict,
pharmacy.mahidol.ac.th
ภาพประกอบ istockphoto
คุณกำลังดู: จริงหรือไม่? ทานพาราเซตามอลแก้เมาค้าง อาจถึงตายได้
หมวดหมู่: สุขภาพ