EU จะเริ่มแล้ว ขึ้นเครื่องแฮปปี้ ไม่ต้องปิดเครื่อง-เปิดโหมดเครื่องบิน

EU จะเริ่มแล้ว ขึ้นเครื่องแฮปปี้ ไม่ต้องปิดเครื่อง-เปิดโหมดเครื่องบิน

หนึ่งในกฎเหล็กที่ผู้โดยสารที่เดินทางโดยอากาศยานน่าจะคุ้นเคยกันดีก็คือ “การห้ามใช้โทรศัพท์มือถือบนเครื่องบิน” จากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน การใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างเที่ยวบินเป็นเรื่องที่ถูกห้าม (แต่มีผู้ลักลอบใช้) โดยผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่บนเครื่องบินจำเป็นต้องเปิด “โหมดเครื่องบิน” แต่ส่วนใหญ่ถูกขอให้ “ปิด” อุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด เป็นที่มาของเสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่สายการบิน ที่แจ้งให้ผู้โดยสารปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดดังก้องอยู่ในหู รวมถึงการที่มีโหมดเครื่องบิน (Flight Mode/Airplane Mode) ติดตั้งมาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือเสมอนั่นเอง

หลายคนคงทราบดีอยู่แล้วว่ากฎดังกล่าวมีที่มาจากประเด็น “ความปลอดภัยของผู้โดยสาร” เป็นหลัก เพราะกว่าที่เจ้าหน้าที่สายการบินทุกคนจะพานกเหล็กยักษ์ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าที่อยู่เหนือพื้นดินกว่า 30,000 ฟุตได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นงานที่ท้าทายที่มากกว่าแค่รับ-ส่งเครื่องบิน และท้ายที่สุดแล้ว ชีวิตทุกชีวิตที่อยู่บนนกเหล็กยักษ์จะต้องปลอดภัยตั้งแต่นกเชิดหัวขึ้นจนกระทั่งล้อของนกกลับมาสัมผัสกับพื้นพสุธาอีกครั้ง มิเช่นนั้นมันจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่อย่างแน่นอน ถ้าไม่มีมาตรการป้องกัน

istock-643619896

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าปัจจุบันกฎข้อนี้จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย ด้วยเทคโนโลยีการใช้โทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ ในการเดินทางโดยเครื่องบินกำลังจะเข้าสู่ยุคใหม่ สิ่งหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ก็คือ ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2023 เป็นต้นไป ผู้โดยสารของสายการบินในสหภาพยุโรป (EU) จะสามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือของตนระหว่างที่บินอยู่บนท้องฟ้าได้อย่างเต็มฟังก์ชัน ไม่ต้อง “เปิดโหมดเครื่องบิน” หรือ “ปิดเครื่อง” อีกต่อไปแล้ว

การใช้โทรศัพท์บนเครื่องบิน “เคย” ไม่ปลอดภัย

การร้องขอให้ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดระหว่างเที่ยวบิน เคยเป็นหนึ่งในมาตรการด้านความปลอดภัยระหว่างทำการบิน ซึ่งเหตุผลที่สายการบินมักจะแจ้งเกี่ยวกับกฎการปิดโทรศัพท์มือถือ ก็คือเครื่องมือสื่อสารและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ได้ถูกปิดใช้งาน จะมีสัญญาณที่รบกวนการทำงานของอุปกรณ์ในห้องนักบิน หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ สัญญาณจะตีกันยุ่ง ระหว่างที่เครื่องบินกำลังจะขึ้นและกำลังจะลง หากมีสัญญาณแทรกรบกวนการทำงานของอุปกรณ์ในห้องนักบิน จะทำให้นักบินทำงานได้ยากขึ้น และส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกคน

ถึงจะอ้างว่าแบบนั้น แต่ผู้โดยสารทั่ว ๆ ไปอย่างเราก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไรนัก ว่าขอบข่ายของ “การรบกวน” นั้นมันรบกวนอย่างไร รบกวนแค่ไหน และร้ายแรงแค่ไหน เพราะถึงแม้โทรศัพท์จะมีโหมดเครื่องบินมาให้ผู้โดยสารเปิดใช้งานเวลาที่เครื่องบินกำลังขึ้นหรือลง แต่ส่วนใหญ่จะประกาศเตือนบนเครื่องบินจะร้องขอให้เรากดปุ่ม Power off ให้มันจบ ๆ ไปมากกว่า หลายคนจึงรู้สึกกังวลจนแพนิคเลยทีเดียว กลัวว่าการเดินทางไฟล์ตนี้จะไม่ปลอดภัย หากเห็นว่ามีเพื่อนร่วมทางไม่ทำตามกฎข้อนั้น ไม่ปิด-เก็บอุปกรณ์สื่อสารระหว่างเดินทาง

ที่ผ่านมาการเดินทางโดยเครื่องบินนั้นจะถูกสงวนคลื่นความถี่บางอย่างเฉพาะสำหรับเครื่องบินมาตั้งแต่ปี 2008 สายการบินบาแห่งเท่านั้นที่อนุญาตให้ผู้โดยสารสามารถให้บริการอินเทอร์เน็ตบนฟ้าได้ เพื่อประโยชน์สำหรับเที่ยวบินระยะไกล แต่จะเป็นบริการที่ผู้โดยสารต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อใช้ Wi-Fi บนเครื่อง โดยที่บริการดังกล่าวค่อนข้างช้า เนื่องจากต้องอาศัยอุปกรณ์ในการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมระหว่างเครื่องบินและภาคพื้นดิน และมีราคาแพงเกินไป ทำให้ผู้โดยสารไม่มีทางเลือกอื่น สุดท้ายก็ต้องเปิดโหมดเครื่องบินหรือปิดเครื่องให้มันจบ ๆ ไป และอดทนที่จะไม่ใช้โทรศัพท์มือถือของตัวเอง ที่ให้ความร่วมมือก็เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยในระหว่างเดินทาง

ข้อมูลจากองค์การบริหารการบินแห่งชาติ หรือ Federal Aviation Administration (FAA) เคยระบุว่าโทรศัพท์มือถือจะแพร่สัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อใช้ในการสื่อสาร โดยคลื่นสัญญาณจะเดินทางได้ไกลมาก ๆ เมื่ออยู่บนอากาศ นั่นเท่ากับว่าการใช้โทรศัพท์มือถือ (โดยเฉพาะแบบเปิดสัญญาณ) จะสามารถส่งคลื่นสัญญาณรบกวนระบบปฏิบัติการการบินได้ และกระทบไปจนถึงศูนย์ภาคพื้นดินที่ทำหน้าที่รับคลื่นวิทยุสื่อสารของเครื่องบินด้วยเช่นกัน

ซึ่งเมื่อคุณเปิด Flight Mode/Airplane Mode อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของคุณก็จะถูกปิดฟังก์ชันที่เป็นการเชื่อมต่อแบบไร้สายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณมือถือ ซึ่งทำให้คุณไม่สามารถรับสาย-โทรออก ส่งข้อความ และใช้งานอินเทอร์เน็ตมือถือได้ Wi-Fi ทำให้อุปกรณ์ตัดการเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ที่กำลังเชื่อมต่ออยู่ รวมถึง Bluetooth ก็ไม่สามารถเชื่อมต่อได้ เท่ากับว่าคุณไม่สามารถใช้ประโยชน์ด้านความบันเทิงใด ๆ จากอุปกรณ์เหล่านี้ในระหว่างที่เดินทางบนเครื่องบินได้เลย

อย่างไรก็ตาม ช่วงที่โทรศัพท์มือถือมีโหมดเครื่องบินให้ใช้แล้วนั้น สายการบินส่วนใหญ่ก็ยังคงขอร้องให้ผู้โดยสารปิดมือถืออยู่ดี หลายคนจึงสงสัยว่าในเมื่อเปิดโหมดเครื่องบินแล้วแต่ทำไมถึงให้ปิดเครื่องอีก คำตอบก็คือการเปิดโหมดเครื่องบินในโทรศัพท์รุ่นใหม่ ๆ ยังสามารถเชื่อมกับสัญญาณอื่น ๆ ได้ภายหลัง แม้ว่าจะอยู่ในโหมดเครื่องบินก็ตาม จึงเป็นไปได้ว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะยังก่อให้เกิดสัญญาณรบกวนการบินอยู่ได้นั่นเอง

สายการบินยุโรปจะเลิกขอร้องให้ “ปิดเครื่อง-เปิดโหมดเครื่องบิน” แล้ว

เนื่องจากข้อมูลใหม่ที่พบว่าความปลอดภัยบนเครื่องบินกับสัญญาณมือถือนั้นเกี่ยวข้องกันน้อยมาก มีงานวิจัยจาก Penn State University ที่ให้ข้อมูลว่าเครื่องบินในปัจจุบันมีระบบต่าง ๆ ที่ดีขึ้น มีมีการพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในเครื่องบินให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการหุ้มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเครื่องบิน เช่น ระบบควบคุมการบิน ด้วยวัสดุที่ป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากอุปกรณ์ต่าง ๆ และโทรศัพท์มือถือ ฉะนั้น การใช้อุปกรณ์สื่อสารของผู้โดยสารจึงแทบจะไม่มีผลต่อการบินอีกต่อไป

องค์การบริหารการบินแห่งชาติ หรือ Federal Aviation Administration (FAA) ซึ่งเป็นแม่แบบมาตรฐานการบินแทบทั่วโลก ก็เคยชี้แจงและให้คำแนะนำถึงการใช้โทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตในขณะที่เครื่องบินกำลังจะบินขึ้นหรือกำลังจะลงจอด ว่าการกระทำดังกล่าวไม่ได้มีผลกระทบต่อความปลอดภัยและการบินแต่อย่างใด จากเดิมที่เราถูกขอให้ปิดระบบสื่อสารทั้งหมดเพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัยในการทำการบิน

เท่ากับว่าการใช้โทรศัพท์มือถือหรือเครื่องมือสื่อสารชนิดอื่นบนเครื่องบินเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพราะไม่ได้มีผลต่อความปลอดภัยในการบิน แต่ที่ผ่านมาทำไมเราจึงยังถูกขอให้ปิดเครื่องมือสื่อสารทั้งหมดระหว่างการเดินทาง ตรงนี้สามารถมองได้ว่าเป็นกุศโลบายเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านอื่น กล่าวคือ การให้ผู้โดยสารปิดมือถือในช่วงเวลาดังกล่าว ก็เพื่อให้ผู้โดยสารหันมาจดจ่อและมีสมาธิเตรียมพร้อมที่จะรับฟังคำแนะนำและคำสั่งต่าง ๆ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เครื่องบินขึ้นและลง ซึ่งถือเป็นช่วงที่อันตรายที่สุดของการทำการบิน จึงตัดปัญหาไม่ให้ใช้งานและปิดเครื่องไปเลยดีที่สุด เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้โดยสาร

นั่นทำให้ล่าสุด คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ซึ่งเป็นกลไกฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป มีมติอนุญาตสายการบินต่าง ๆ สามารถให้บริการเทคโนโลยี 5G และสัญญาณมือถือบนเครื่องบินได้ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ยกเลิกกฎ “โหมดเครื่องบิน” และ “ปิดอุปกรณ์สื่อสาร” ผู้โดยสาร (สายการบินยุโรป) จะสามารถใช้คุณสมบัติทั้งหมดของโทรศัพท์ได้ในระหว่างการเดินทาง ทั้งการโทร รวมไปถึงการใช้อินเทอร์เน็ต โดยระบบใหม่จะสามารถใช้ประโยชน์จากความเร็วในการดาวน์โหลดที่เร็วกว่ามากจาก 5G และได้มากกว่า 100Mbps มีกำหนดให้ประเทศสมาชิกต้องดำเนินการติดตั้งสัญญาณความถี่แบบ 5G บนเครื่องบินตามมติ ภายใน 30 มิถุนายน 2023

แม้ว่าการใช้โทรศัพท์มือถือบนเครื่องบินจะไม่มีผลกระทบใด ๆ กับการทำการบิน แต่ Dai Whittingham หัวหน้าผู้บริหารของ UK Flight Safety Committee ได้กล่าวว่า “ที่ผ่านมา เคยมีความกังวลว่าการใช้งานมือถือบนเครื่องบินอาจรบกวนระบบควบคุมการบินอัตโนมัติ แต่จากการใช้งานจริงตลอดมา กลับพบว่ามีความเกี่ยวข้องน้อยมาก แต่อย่างไรก็ตาม จะยังมีคำแนะนำว่าเมื่อคุณอยู่บนเครื่องบิน อุปกรณ์ควรอยู่ในโหมดเครื่องบินต่อไป”

ถึงอย่างนั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ก็คือ เมื่อเครื่องบินบินไต่ระดับขึ้นไปจนถึงความสูงมากกว่า 10,000 ฟุต ก็จะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์แล้ว เนื่องจากระดับความสูงของการบินโดยปกติจะอยู่ที่ 36,000 ฟุต ดังนั้น ผู้โดยสารสามารถใช้สัญญาณโทรศัพท์คลื่นความถี่ต่าง ๆ ในระหว่างที่เครื่องกำลังบินโดยไม่ส่งผลกระทบใด ๆ จนกว่าจะถึงความสูงในระดับที่ไม่สามารถรับสัญญาณได้

อีกทั้งยังมีข้อกังวลในสหรัฐอเมริกา ว่าความถี่ 5G อาจรบกวนเที่ยวบิน และอาจนำไปสู่การวัดระดับความสูงที่ผิดพลาดได้ แต่ตัวแทนทางฝั่งของคณะกรรมการความปลอดภัยการบินแห่งสหราชอาณาจักรกล่าวว่ามีโอกาสที่จะเกิดการรบกวนในสหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรปน้อยกว่ามาก เนื่องจากยุโรปมีชุดความถี่ที่แตกต่างกันสำหรับ 5G และมีการตั้งค่าพลังงานที่ต่ำกว่าที่ได้รับอนุญาตในสหรัฐอเมริกานั่นเอง

คุณกำลังดู: EU จะเริ่มแล้ว ขึ้นเครื่องแฮปปี้ ไม่ต้องปิดเครื่อง-เปิดโหมดเครื่องบิน

หมวดหมู่: เทคโนโลยีใหม่

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด