การผ่าตัดดึงหน้า (Face Lift surgery / Rhytidectomy)

การผ่าตัดดึงหน้า (Face Lift surgery / Rhytidectomy)
  • การแก้ไขความหย่อนคล้อยด้วยการผ่าตัดดึงหน้า เป็นทางเลือกหนึ่งที่เป็นที่นิยมขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่อายุน้อยลง เนื่องจากได้ผลชัดเจนและคงอยู่ได้นาน
  • การผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าในปัจจุบัน มีเทคนิคที่ช่วยทั้งในการตรวจ การวางแผนผ่าตัดและในระหว่างการผ่าตัด เช่น การจำลองภาพก่อนผ่าตัด (Photo Simulation) การผ่าตัดผ่านการส่องกล้อง ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
  • แพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถให้คำแนะนำ และออกแบบการผ่าตัดให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามดูเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน และมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด

ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์เป็นที่ปรารถนาของทุกคน เพราะจะช่วยเสริมสร้างบุคลิก ความมั่นใจในการทำงาน การเข้าสังคม อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถหยุดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ แต่เราสามารถปรับปรุงใบหน้าของเราให้แลดูอ่อนเยาว์ได้

ซึ่งริ้วรอยและความหย่อนคล้อยบนใบหน้านั้นเกิดจากหลายปัจจัย อาทิ อายุที่เพิ่มขึ้น แรงโน้มถ่วงของโลก สภาพแวดล้อม แสงแดด ไขมันบนใบหน้า และความเครียด

การผ่าตัดดึงหน้า (Face Lift surgery / Rhytidectomy)

การผ่าตัดดึงหน้า คือ การทำศัลยกรรมเพื่อยกกระชับกล้ามเนื้อและไขมันใต้ผิวหนังให้กลับไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม และตัดผิวหนังส่วนเกินเพื่อให้ใบหน้ากระชับและเรียบเนียนขึ้น ซึ่งการศัลยกรรมดึงหน้าจะช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ดูเป็นธรรมชาติ โดยจะช่วยลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อยของใบหน้า ด้วยเทคนิคการผ่าตัดในปัจจุบันที่ทันสมัย ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ฟื้นตัวไว และอยู่ได้นาน

โดยการผ่าตัดดึงหน้า สามารถเลือกทำได้เฉพาะส่วน เช่น

  • การดึงหน้าผาก
  • การยกคิ้ว
  • ดึงหน้าส่วนกลาง
  • การยกโหนกแก้ม
  • การดึงหน้าส่วนล่าง
  • การแก้ไขเหนียงใต้คาง
  • การดึงคอทั้งด้านข้างและตรงกลาง

นอกจากนี้ยังสามารถทำร่วมกับการศัลยกรรมชนิดอื่น เช่น การผ่าตัดหนังตา การเก็บถุงใต้ตา การเสริมโหนกแก้ม การเสริมจมูก การเสริมคาง การดูดและการเติมไขมันบริเวณใบหน้า เป็นต้น

ผู้ที่เหมาะกับการผ่าตัดดึงหน้า

  1. ผู้ที่มีปัญหา หรือต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
  2. ไม่จำกัดอายุ พิจารณาตามสภาพผิวและความหย่อนคล้อยของใบหน้า และความต้องการของผู้เข้ารับการผ่าตัด
  3. น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ หากต้องการลดน้ำหนัก ควรลดน้ำหนักให้ได้ตามที่ต้องการก่อนการผ่าตัด
  4. ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้ามในการผ่าตัด เช่น โรคที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด (Hemophilia) โรคที่มีความผิดปกติของการหายของแผล (Ehlers-Danlos Syndrome) เป็นต้น
  5. ไม่ได้กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
  6. มีความคาดหวังถึงผลลัพธ์ที่สมเหตุสมผล
  7. มีสุขภาพจิตปกติ

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงจากการผ่าตัดดึงหน้า

การผ่าตัดทุกชนิดมีความเสี่ยง แต่ไม่ใช่ว่าความเสี่ยงเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับทุกคน แพทย์จะให้คำปรึกษาและประเมินความเสี่ยง ให้โอกาสในการซักถามข้อสงสัย จากนั้นจึงร่วมกันในการตัดสินใจในการผ่าตัด

สิ่งที่มักสร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัดดึงหน้า คือแผลเป็นและผลลัพธ์ที่ได้

  1. รอยแผลเป็น หากไม่มีประวัติแผลเป็นประเภทคีลอยด์มาก่อน มักจะได้รับผลลัพธ์ที่เรียบเนียน ซ่อนในตำแหน่งที่เหมาะสม 
  2. ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ตรงกับที่ต้องการ แพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถให้คำแนะนำ และออกแบบการผ่าตัดให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามดูเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน และมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด
  3. ความเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่ ภาวะเลือดออก (Bleeding) เลือดคั่ง (Hematoma) และภาวะแทรกซ้อนในการหายของแผล ผิวหนังขาดเลือดมาเลี้ยง (Skin necrosis) ซึ่งมักพบในคนที่สูบบุหรี่จัด หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น แต่หากควบคุมอาการได้ดี ก็ไม่ใช่ข้อห้ามในการผ่าตัด
  4. การยืด ดึงรั้ง หรือตัดขาดของเส้นประสาทใบหน้า Facial Nerve injury (ซึ่งพบได้น้อยเพียง 1-3% เท่านั้น) ทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าบางส่วนไม่สามารถทำงานได้ แต่โดยส่วนมาก (90-95%) จะกลับมาทำงานได้ตามปกติภายใน 3-6 เดือน

การผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าที่โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ดีอย่างไร?

  1. โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์มีเทคนิคที่ช่วยทั้งในการตรวจ การวางแผนผ่าตัดและในระหว่างการผ่าตัด เช่น การจำลองภาพก่อนผ่าตัด (Photo Simulation) การผ่าตัดดึงหน้าผ่านการส่องกล้อง (Endoscope) เป็นต้น
  2. แพทย์ที่ทำการผ่าตัด เป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์การผ่าตัดต่อเนื่องยาวนานกว่า 20 ปี
  3. ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจจากเทคนิคและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  4. ติดตามอาการหลังผ่าตัดศัลยกรรมของผู้เข้ารับการผ่าตัด ด้วยการวิดีโอคอลแบบออนไลน์ผ่านระบบ Samitivej Virtual Hospital (ในกรณีที่ผู้เข้ารับการผ่าตัดไม่สะดวกเดินทางมาโรงพยาบาล)

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า

6 เดือน ก่อนการผ่าตัดดึงหน้า

  • งดยารักษาสิวชนิดที่มีส่วนผสมของวิตามิน A (Isotretinoin) เพราะอาจมีผลต่อการหายของแผล
  • งดการทำ Botox, Filler บริเวณใบหน้า

3 เดือน ก่อนการผ่าตัดดึงหน้า

  • เตรียมความพร้อมของร่างกาย ด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ตรวจสุขภาพประจำปี หากมีโรคประจำตัว ควรพบแพทย์เพื่อรักษาและควบคุมอาการให้อยู่ในภาวะปกติ
  • งดการทำ Laser ร้อยไหมบริเวณใบหน้า

4 สัปดาห์ ก่อนการผ่าตัดดึงหน้า

  • งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังผ่าตัดอย่างน้อย 4 สัปดาห์
  • งดการเจาะ/สักร่างกาย หรืออาบแดด
  • หลีกเลี่ยงการผ่าตัดในช่วงที่ใกล้ หรือกำลังมีประจำเดือน หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการเลื่อนประจำเดือน

10 วัน ก่อนการผ่าตัดดึงหน้า

งดยาที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือด ได้แก่

  • ยาละลายลิ่มเลือด เช่น Aspirin, Coumadin, Ticlid, Plavix or Aggrenox
    (โปรดปรึกษาแพทย์ประจำตัวถึงความปลอดภัยในการหยุดยา)
  • ยาแก้ปวดประเภท Nsaids เช่น Ibuprofen, Advil, Motrin, Nuprin, Aleve, Relafen, Naprosyn, Diclofenac, Naproxen, Voltaren, Daypro, Feldene, Clinoril, Lodine, Indocin, Orudis เป็นต้น
  • ยาระงับประสาท ยานอนหลับบางชนิด เช่น Zoloft, Lexapro, Prozac, Pristiq เป็นต้น

งด วิตามิน อาหารเสริมทุกชนิด ที่อาจมีผลกับการแข็งตัวของเลือด เช่น Multivitamins, Fish oil, Omega3, Co-enzyme Q10, Evening Primrose Oil, Glucosamine, Arnica, Ginseng, Gingko, herbs เป็นต้น

นอกจากคำแนะนำข้างต้นแล้ว ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดดึงหน้า ความเสี่ยง ผลลัพธ์ รวบรวมคำถามที่ไม่เข้าใจ ปรึกษาแพทย์ พูดคุยถึงความคาดหวังหลังการผ่าตัดศัลยกรรมกับแพทย์ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันและเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด

ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแพทย์ด้านศัลยกรรมพลาสติก ได้ที่

  • https://www.isaps.org/member-directory
  • https://www.thprs.org/find-doctor
  • https://checkmd.tmc.or.th

บทความโดย :นพ.วีรวัฒน์ ติรนันท์มงคล ศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านศัลยกรรมตกแต่ง รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์

คุณกำลังดู: การผ่าตัดดึงหน้า (Face Lift surgery / Rhytidectomy)

หมวดหมู่: สุขภาพ

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด