คำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมนักกีฬาถึงชอบ "กัดเหรียญ" โชว์กล้อง?
ช่วงเวลาที่ความพยายามออกผลกลายเป็นความสำเร็จในฐานะนักกีฬา
คือช่วงเวลาที่พวกเขาสามารถชนะรางวัลและได้ขึ้นยืนบนโพเดียม
เสียงเพลงชาติบรรเลง พร้อมเหรียญทองที่ห้อยคออย่างภาคภูมิใจ
และทันใดที่เพลงชาติจบ นักกีฬาทุกคนจะต้องทำในสิ่งที่เรียกว่า
"ท่าบังคับ"
ใช่เเล้ว พวกเขาโพสต์ท่ากับช่างภาพด้วยการ "กัดเหรียญ" รับรองว่า 9 ใน
10 ครั้ง ไม่เคยพลาดท่านี้แน่นอน
ทำไมถึงเป็นแบบนั้น เรื่องที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่กลับมีอะไรซ่อนอยู่
กับคำถามที่ว่า ทำไมนักกีฬาถึงต้องกัดเหรียญทอง?
คําตอบต้องย้อนกลับไปเมื่อกว่า 100
ปีที่แล้ว
สมัยที่การพิสูจน์ว่าทองคำที่ซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนกันเป็นทองคำแท้หรือไม่
คนยุคนั้นจะใช้ฟันกัดที่ทอง เพราะทองคำแท้จะมีความแข็งไม่มาก
ถ้าใช้ฟันกัดก็จะเกิดรอยฟัน
แต่ถ้าเป็นทองปลอม ทองผสมเหล็ก หรือผสมทองแดง หรือทองชุบ จะแข็งมาก
กัดไม่เข้า ไม่เกิดรอย นักกีฬาที่ได้เหรียญทองที่ผ่านๆ
มาจึงทำท่ากัดเหรียญทอง
เป็นการล้อเลียนว่าต้องการพิสูจน์ว่าเหรียญทองโอลิมปิกว่าเป็นทองจริงหรือเปล่า
ประกอบกับวินาทีนั้นบรรดาช่างภาพที่ถ่ายรูปจะตะโกนขอให้นักกีฬาทำท่ากัดเหรียญทอง
ซึ่งถือเป็นช็อตเด็ดที่ช่างภาพต้องการ
นั่นคือที่มาของการกัดเหรียญทองของนักกีฬา
แล้ว เหรียญทองโอลิมปิก เป็นทองคำจริงหรือเปล่า? ... คำตอบคือ
มีทั้งทองจริง และทองไม่จริง
โอลิมปิกสมัยโบราณ ที่ประเทศกรีก
เมื่อหลายพันปีก่อน
รางวัลที่นักกีฬาได้จากการแข่งขันนั้นไม่ใช่เหรียญรางวัล
แต่เป็นใบมะกอกจากเมืองโอลิมเปีย (Olympia)
สานเป็นวงกลมหรือทรงเกือกม้า สวมบนศีรษะของผู้ชนะเหมือนเป็นมงกุฎ
โดยใบมะกอกสานนี้ให้กับนักกีฬาที่ได้ที่ 1 คนเดียวเท่านั้น
เพราะสำหรับชาวกรีก มะกอกเป็นสัญลักษณ์ของอิสรภาพและความหวัง
จนกระทั่งในการแข่งขันโอลิมปิกปี 1896 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ
จึงมีการมอบเหรียญรางวัลให้กับนักกีฬาที่ชนะเป็นครั้งแรก
โดยมอบเหรียญรางวัลพร้อมกับมงกุฎใบมะกอกและประกาศนียบัตร
ที่น่าสนใจก็คือ นักกีฬาที่ได้ที่ 1 ตอนนั้น ได้เหรียญเงิน, ที่ 2
ได้เหรียญทองแดง, ที่ 3 ไม่ได้เหรียญรางวัล
ในการแข่งขันโอลิมปิกปี 1904 ที่เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิซซูรี
ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการเริ่มให้เหรียญทอง, เงิน และทองแดง ให้กับที่
1, ที่ 2 และที่ 3 ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติจนถึงปัจจุบัน
มาในการแข่งขันโอลิมปิกปี 1904, 1908
และ 1912 เหรียญทองโอลิมปิกทำด้วยทองคำแท้ แต่เป็นเหรียญทองขนาดเล็ก
มีขนาดประมาณเหรียญ 10 บาทไทย และนับตั้งแต่โอลิมปิกปี 1916
เหรียญทองโอลิมปิกก็ไม่ได้ทำด้วยทองคำแท้อีกต่อไปเพราะต้นทุนสูงมาก
ดังนั้น
เหรียญทองโอลิมปิกที่เห็นในปัจจุบันมีทองคำผสมอยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่ไม่มากนัก
โลหะหลักที่ใช้ผลิตเหรียญทองโอลิมปิกคือโลหะเงิน
ราคาโดยเฉลี่ยเหรียญทองมีมูลค่าราว 15,000-20,000 บาท
ย้อนกลับไปเรื่องที่ว่า ทำไมนักกีฬาต้องกัดเหรียญ?
ถ้าเอาตามความจริงของยุคนี้
ไม่เกี่ยวข้องกับการพิสูจน์ว่าทองแท้หรือไม่แท้
มันก็น่าจะง่ายจนเหลือเชื่อ เพราะคำตอบก็คือ "เพราะมันเท่"
แค่นั้นเลย
ครั้งแรกที่ปรากฏภาพ "กัดเหรียญ" นั้นไม่ทราบแน่ชัด
แต่เท่าที่เว็บไซต์อย่าง CNN ได้หาเจอ คือภาพทีมนักวิ่ง 4 คูณ 100
เมตรของสหราชอาณาจักร ที่กัดเหรียญของพวกเขาในรายการชิงแชมป์โลก
(World Championships) เมื่อปี 1991 ที่กรุงโตเกียว
เมื่อเราเอาช่วงเวลาของปี 1991
มาค้นให้ลึกและสืบไปถึงเรื่องของวงการกล้องและการถ่ายภาพ
เราจะพบว่ามันมีความสัมพันธ์กัน เพราะในช่วงเวลานั้น บริษัท Kodak
ได้นำกล้อง Kodak DCS-100 ออกวางจำหน่าย Kodak
ได้ให้การนิยามในการเรียกเม็ดสีแต่ละเม็ดของภาพดิจิทัลว่า "พิกเซล"
(Pixel) โดยขนาดของไฟล์ภาพของกล้องรุ่นนี้อยู่ที่ 1.3 เมกะพิกเซล
กล้องดังกล่าวมีราคาค่อนข้างสูงและมีเป้าหมายชัดเจนที่จะจำหน่ายให้กับช่างภาพมืออาชีพและนักข่าว
นั่นจึงทำให้เราสามารถไขรหัสได้ 1 ข้อเเล้วว่า ที่พวกเขากัดเหรียญ
ก็เนื่องจากความเท่ในการโพสท่าให้กับตากล้องในยุคที่ภาพถ่ายกำลังเป็นของที่ไม่ได้มีกันทุกคน
ดังนั้น ครั้งหนึ่งในชีวิตของนักกีฬาที่ชนะรางวัลแล้วได้รับเหรียญ
การจะให้พวกเขายืนนิ่ง ยิ้มมุมปาก เหมือนถ่ายรูปทำบัตรประชาชน
มันก็คงจะไม่เท่เท่าไรนัก
การแอ็กชันด้วยท่ากัดเหรียญจึงถือเป็นการทำท่าให้ช่างภาพได้ภาพที่แตกต่าง
และ "อาจจะ" สื่อความได้ว่า "พวกเขากำลังลิ้มรสชาติของชัยชนะ"
เดวิด วัลเลชินสกี สมาชิกคณะกรรมการบริหารของ International Society
of Olympic Historians บอกกับ CNN ไว้ในปี 2012 ถึงมุมมองของเขาว่า
การกัดเหรียญไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการทำให้ตากล้องพอใจ
และได้ภาพสวยๆเท่านั้นเอง
"มันเป็นความหลงใหลของภาพถ่ายมากกว่า
ผมคิดว่าพวกเขาเข้าใจตรงกันว่านี่เป็นช็อตที่แสดงถึงสัญลักษณ์ของความสำเร็จ
มันเป็นภาพที่แปลกใหม่ยิ่งกว่าการยืนตัวตรงหรือเอาเหรียญคล้องคอ"
"ผมคิดว่าเรื่องขององค์ประกอบภาพจากมุมมองของตากล้องมีผลมากๆ
และคิดว่านักกีฬาคงไม่อยู่ๆก็อยากจะทำท่านี้ขึ้นมาเองหรอก"
วัลเลชินสกี กล่าว
สรุปโดยง่ายๆคือ นักีฬากัดเหรียญก็เพื่อที่จะให้ได้ภาพถ่ายสวยๆ
ไปลงในหน้าข่าวกีฬา หรือหน้าเว็บไซต์ต่างๆ
ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการกัดเหรียญมันทำให้ภาพออกมาดูดีจริงๆ
ทำให้ตอนนี้มันอาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดไปแล้วว่า นักกีฬาต้องกัดเหรียญ
หลังจากได้เหรียญรางวัลในการแข่งขันโอลิมปิกกันเป็นเรื่องปกติ
คุณกำลังดู: คำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมนักกีฬาถึงชอบ "กัดเหรียญ" โชว์กล้อง?
หมวดหมู่: กีฬาอื่นๆ