ครรภ์เป็นพิษ ภาวะอันตรายของคุณแม่ตั้งครรภ์
- ครรภ์เป็นพิษ มักเริ่มหลังจากตั้งครรภ์ได้ 20 สัปดาห์ หากไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ทั้งแม่และลูก
- อาการครรภ์เป็นพิษ ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรระวัง ได้แก่
ความดันโลหิตสูง โปรตีนรั่วในปัสสาวะ ตัวบวม บริเวณใบหน้าและมือ
เป็นต้น
ปัจจุบันมีวิธีการตรวจหาความเสี่ยงของภาวะครรภ์เป็นพิษ ด้วยวิธีการตรวจแบบ Combine Screening Test ซึ่งสามารถทำการตรวจคัดกรองในช่วงอายุครรภ์ 11-13 สัปดาห์ - “การคลอด” คือการรักษาภาวะครรภ์เป็นพิษเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยภาวะแทรกซ้อนต่างๆ จะหายไปเองหลังการคลอด
ครรภ์เป็นพิษ คืออะไร
ครรภ์เป็นพิษภาษาอังกฤษ คือ Preeclampsia เป็นภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ อาจส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูง มีโปรตีนในปัสสาวะสูง ซึ่งบ่งชี้ถึงความเสียหายของไต หรือสัญญาณความเสียหายของอวัยวะอื่นๆ ภาวะครรภ์เป็นพิษมักเริ่มหลังจากตั้งครรภ์ได้ 20 สัปดาห์ หากไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ทั้งแม่และลูก
หากพบภาวะครรภ์เป็นพิษ แพทย์มักแนะนำให้คลอด ซึ่งระยะเวลาในการคลอดนั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของภาวะครรภ์เป็นพิษและระยะเวลาการตั้งครรภ์ ทั้งนี้การรักษาภาวะครรภ์เป็นพิษจำเป็นต้องมีการเฝ้าสังเกตอย่างใกล้ชิด รวมถึงมีการใช้ยาเพื่อลดความดันโลหิตและจัดการกับภาวะแทรกซ้อน
ภาวะครรภ์เป็นพิษอาจเกิดขึ้นภายหลังการคลอดบุตรได้ ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่า ภาวะครรภ์เป็นพิษหลังคลอด
รู้ได้อย่างไรว่ากำลังเสี่ยง ครรภ์เป็นพิษ
คุณแม่ที่เคยมีภาวะครรภ์เป็นพิษ หรือความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์เมื่อตั้งครรภ์อีกครั้ง เนื่องจากมีโอกาสที่จะเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษอีกได้
ในปัจจุบันมีวิธีการตรวจหาความเสี่ยงของภาวะครรภ์เป็นพิษด้วยวิธีการตรวจแบบ Combine Screening Test ซึ่งสามารถทำการตรวจคัดกรองในช่วงอายุครรภ์ 11-13 สัปดาห์ กรณีตรวจคัดกรองแล้วพบว่ามีโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ แพทย์จะทำการวินิจฉัยและพิจารณาการรักษาต่อไป
ครรภ์เป็นพิษเกิดจากสาเหตุใด ปัจจัยเสี่ยงภาวะครรภ์เป็นพิษ
ภาวะครรภ์เป็นพิษอาจพบในคุณแม่ตั้งครรภ์ที่สุขภาพดี โดยมีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่
- เป็นการตั้งครรภ์ครั้งแรก เมื่ออายุน้อยกว่า 20 ปี หรือมากกว่า 35 ปี
- คุณแม่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน
- ตั้งครรภ์ลูกแฝด หรือมากกว่า 2 คน
- มีภาวะครรภ์เป็นพิษในการตั้งครรภ์ครั้งก่อน
- ครอบครัวเคยมีประวัติครรภ์เป็นพิษ หรือโรคหลอดเลือดหัวใจ
- เป็นการตั้งครรภ์โดยใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์
- มีภาวะเลือดแข็งตัวง่าย
- มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง ไต เบาหวาน โรคแพ้ภูมิตนเอง (SLE) ข้ออักเสบรูมาตอยด์
อาการครรภ์เป็นพิษ
สัญญาณแรกของภาวะครรภ์เป็นพิษมักถูกตรวจพบในระหว่างการเข้ารับการตรวจก่อนคลอดตามปกติ ดังนั้นการสังเกตอาการต่างๆ ช่วยให้สามารถประเมินภาวะครรภ์เป็นพิษเบื้องต้น ดังนี้
- ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
- ตรวจพบโปรตีนส่วนเกินในปัสสาวะ หรือสัญญาณอื่นๆ ที่เกี่ยวกับภาวะไตมีปัญหา
- ระดับเกล็ดเลือดลดลง
- เอนไซม์ตับสูง บ่งบอกถึงภาวะตับมีปัญหา
- ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
- การเปลี่ยนแปลงในการมองเห็น รวมถึงการสูญเสียการมองเห็นชั่วคราว ตาพร่ามัว หรือไวต่อแสง
- หายใจถี่ เกิดจากของเหลวในปอด
- ปวดท้องตอนบน มักอยู่ใต้ซี่โครงด้านขวา
- คลื่นไส้ หรืออาเจียน
- น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- อาการบวมน้ำ โดยเฉพาะใบหน้าและมือ
วิธีการดูแลครรภ์เป็นพิษ
หากพบสัญญาณเตือน หรือมีอาการต้องสงสัยว่าจะเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ คุณแม่ตั้งครรภ์ควรเข้ารับการตรวจอย่างละเอียด โดยเฉพาะอาการครรภ์เป็นพิษเริ่มแรก เช่น อาการปวดหัวอย่างรุนแรง ตาพร่ามัว หรือมีภาพรบกวนอื่นๆ ปวดท้องรุนแรง หรือหายใจลำบากอย่างรุนแรง
“การคลอด” คือการรักษาภาวะครรภ์เป็นพิษเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยภาวะแทรกซ้อนต่างๆ จะหายไปเองหลังการคลอด อย่างไรก็ตามแพทย์ต้องพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อความปลอดภัยก่อนทำคลอด เช่น สุขภาพของคุณแม่ ระยะเวลาการตั้งครรภ์ รวมถึงความรุนแรงของภาวะครรภ์เป็นพิษ
หากยังไม่สามารถทำคลอดได้ทันที วิธีการดูแลครรภ์เป็นพิษสามารถทำได้ ดังนี้
- กรณีภาวะครรภ์เป็นพิษไม่รุนแรง คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถกลับบ้านได้ แต่ต้องพบแพทย์ตามนัดอย่างเคร่งครัด หากพบอาการรุนแรงขึ้นสามารถพบแพทย์ทันทีโดยไม่ต้องรอ
- นอนพักผ่อนให้มากๆ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- บางรายอาจต้องรับประทานยาลดความดันโลหิต
- สำหรับภาวะครรภ์เป็นพิษรุนแรง อาจจำเป็นต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
เมื่อครรภ์เป็นพิษทำให้ต้องยุติการตั้งครรภ์
หากพบภาวะครรภ์เป็นพิษรุนแรง แพทย์อาจพิจารณายุติการตั้งครรภ์ ในกรณีที่แพทย์เห็นว่าการดำเนินการตั้งครรภ์ต่อไปอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมารดาและทารกในครรภ์จากภาวะแทรกซ้อน ดังนี้
- ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด เกิดจากการที่รกลอก หรือหลุดออกจากโพรงมดลูกก่อนทารกจะคลอด ส่งผลให้มีความเสี่ยงสูงที่มารดาจะมีเลือดออกอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นภาวะอันตรายถึงชีวิตทั้งทารกในครรภ์และมารดา
- กลุ่มอาการ HELLP (HELLP Syndrome) ความผิดปกติเกี่ยวกับตับ เลือดและความดันโลหิตขณะตั้งครรภ์ จัดเป็นปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากค่าตับอักเสบสูงขึ้น เม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดแดงแตก และมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ โดยมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะและปวดท้องด้านขวาบน อย่างไรก็ตาม กลุ่มอาการ HELLP อาจเกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ
- ภาวะชัก กรณีคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการป่วยรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมจนมีภาวะชัก ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าจะเกิดการชักเมื่อใด เนื่องจากไม่พบสัญญาณเตือนล่วงหน้า และเป็นอันตรายต่อแม่และทารกในครรภ์อย่างยิ่ง
วิธีป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษ
แม้ภาวะครรภ์เป็นพิษจะไม่สามารถป้องกันได้ แต่สามารถลดความเสี่ยงได้ ดังนี้
- ฝากครรภ์และพบแพทย์ตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ตามความเหมาะสมของอายุครรภ์
โดยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัย
ทำจิตใจให้สงบ ไม่เครียด และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ - ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์
- หลักฐานทางคลินิกที่ดีที่สุดในการป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษ คือการใช้ยาแอสไพรินขนาดต่ำ ซึ่งแพทย์อาจแนะนำให้รับประทานแอสไพรินขนาด 150 มิลลิกรัมทุกวันก่อนอายุตั้งครรภ์ 16 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามคุณแม่ตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ โดยห้ามซื้อยา หรืออาหารเสริมมารับประทานเองโดยเด็ดขาด
ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุสาเหตุของภาวะครรภ์เป็นพิษได้อย่างแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการพัฒนาของรกที่ผิดปกติ ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มักไม่ทราบว่ามีภาวะครรภ์เป็นพิษ โดยอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิตทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ นอกจากนี้ภาวะแทรกซ้อนของครรภ์เป็นพิษยังส่งผลกระทบกับทารกโดยตรง ทำให้ทารกแรกคลอดน้ำหนักตัวน้อย และทารกคลอดก่อนกำหนด ซึ่งการคลอดก่อนกำหนดอาจทำให้ทารกมีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจและสุขภาพด้านอื่นๆ
บทความโดยรศ.ดร.นพ. บุญศรี จันทร์รัชชกูล แพทย์หัวหน้าหน่วยเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ รพ.สมิติเวช สุขุมวิท
คุณกำลังดู: ครรภ์เป็นพิษ ภาวะอันตรายของคุณแม่ตั้งครรภ์
หมวดหมู่: สุขภาพ