คุยกับ MindaRyn ในวันที่ฟังเสียงตัวเอง จนไปถึงจุดที่ชาวต่างชาติยากจะไปในญี่ปุ่น

เปิดตัว MindaRyn ศิลปิน Anisong ที่มีผู้ติดตามหลักล้าน

คุยกับ MindaRyn ในวันที่ฟังเสียงตัวเอง จนไปถึงจุดที่ชาวต่างชาติยากจะไปในญี่ปุ่น

ท่ามกลางแนวเพลงที่หลากหลายในวงการเพลงไทยและเอเชีย หนึ่งในแนวดนตรีที่หลายคนอาจไม่ได้รู้จักคือ Anisong หรือเพลงประกอบแอนิเมะที่มีศาสตร์และศิลป์เฉพาะตัว แต่ถ้าพูดถึงแนวนี้ ชื่อของ MindaRyn (มายดาริน) หรือ มายด์-ณัชชา พงศ์สุปาณี น่าจะเป็นชื่อที่หลายคนนึกถึง 

ปัจจุบันนี้ MindaRyn ได้เติบโตจนมีผลงาน 7 ซิงเกิลมาจนเพลง "BLACK STAR" ที่ประกอบแอนิเมะระดับตำนานอย่าง ULTRAMAN รวมถึงมีผู้ติดตามทะลุล้าน จนเราขอคุยเรื่องเส้นทางของเธอ รวมถึงตัวตนนอกเหนือจากการเป็นศิลปิน Anisong 

MindaRyn MindaRyn

อะไรคือจุดเริ่มต้นของ MindaRyn ในสาย Anisong 

MindaRyn : เราเริ่มจากช่อง YouTube ก่อน คัฟเวอร์ Anisong นี่แหละ น่าจะตั้งแต่ปี 2015 ตอนแรกที่เปิดช่อง เพราะเราไม่มีเพื่อนที่ชอบเหมือนกัน เราก็แค่อยากแชร์เพลงที่เราชอบด้วยการร้องลงอินเตอร์เน็ตและหวังว่าจะมีคนที่ชอบเหมือนเราเข้ามาฟัง เริ่มจากจุดนั้น ก็ทำช่องไปเรื่อยๆ ก็มีคนเข้ามาติดตามเรื่อยๆ ก็มีโปรดิวเซอร์ทาง Lantis เขาก็เห็นเราจากช่องนี้ก็ติดต่อเรามาค่ะ 

จินตนาการ และ ความเป็นจริง ในวงการ Anisong เป็นอย่างไร 

MindaRyn : ก็มีเรื่องที่เซอร์ไพรส์อยู่ ตอนเราคัฟเวอร์เราทำเพราะความชอบ เราชอบเพลงนี้ก็จะร้องเพลงนี้ เหมือนพอมาเป็นคนที่ร้อง เราร้องประกอบแอนิเมะ มันมีทีมงานที่อดหลับ อดนอนเป็นร้อยๆ คนเพื่อทำแอนิเมะเรื่องนี้ แล้วเพลงที่เราร้องจะไปประกอบ ทุกคนตั้งใจทำ เราก็ต้องคิดมากขึ้น ต้องรับผิดชอบผลงาน ทุกคำที่เราร้อง ด้วยความที่ไม่ใช่ภาษาเรา เราก็ต้องใส่ใจทุกคน ญี่ปุ่นเขาจะชอบสตอรี่ การสร้างสตอรี่เป็นอะไรที่สำคัญ เราก็ต้องคิดว่าเราร้องด้วยความรู้สึกไหน ความทรงจำอะไร ต้องนึกย้อนไป ในทุกๆ เพลงค่ะ

MindaRyn MindaRyn

เพลงไหนที่เราใช้เวลาในห้องอัดนานที่สุด 

MindaRyn : "BLACK STAR" นี่แหละค่ะ (หัวเราะ) เพลงของ MindaRyn ไม่รู้คิดไปเองไหม มันยาวขึ้นทุกเพลง ต้องสูงขึ้น ร็อคขึ้น ตีความยากขึ้น เหมือนพี่โปรดิวเซอร์เขาต้องการชาเลนจ์เราทุกเพลง อย่างเพลง "BLACK STAR" เป็นเพลงเกี่ยวกับการสื่อสาร เราก็ต้องมาดูว่าประสบการณ์เรามีอะไรที่ลิงค์กับเพลงบ้าง เรื่องการสื่อสาร เชื่อในพวกพ้อง ปรับทุกข์ไปด้วยกัน การสื่อสารของ MindaRyn ก็เป็นการเป็นคนต่างชาติทำงานในญี่ปุ่น คิดอะไรก็สื่อสารไม่ได้ 100% อย่างทีมของเราจะสื่อสารและอดทนกับเรามาก ก็ทำให้ทีมเราคอนเน็กต์กัน มันก็ลิงค์กับเพลง ก็เอาส่วนนี้มาคิดตอนร้อง ตอนแรกเราดีใจกับโปรเจกต์นี้เพราะเราโตมากับ Ultraman แต่มันก็ไม่ใช่ฮีโร่ของเราคนเดียว เราก็กดดันว่าจะทำได้ไหม เราต้องพัฒนาตัวเองให้กับโปรเจกต์นี้ เราเป็นชาวต่างชาติคนแรกๆ ที่ร้องเพลง Ultraman ด้วยค่ะ 

คิดอย่างไรที่เราเป็นชาวต่างชาติมาไกลขนาดนี้

MindaRyn : อย่างแรกก็ภูมิใจ และขอบคุณคนรอบตัว ที่เห็นอะไรบางอย่างในตัวเรา ทั้งโปรดิวเซอร์ แฟนคลับ ที่อยู่ด้วยกันและพาเรามาถึงจุดนี้ ก็อยากพยายามเพื่อตอบแทนความรู้สึกนั้นค่ะ

คนญี่ปุ่นจริงๆ เป็นอย่างไร พอเราอยู่ที่ประเทศเขา

MindaRyn : ความชาตินิยมไม่ได้เห็นขนาดนั้น คือทุกคนต้อนรับเราอบอุ่นมากๆ ซึ่งต้องขอบคุณ เขาอบอุ่นมากๆ จริงๆ แต่ถ้าทำงานหนักอันนี้สุดๆ ทั้งตัวเองและทีมงาน ไม่ใช่เขาเครียดกดดัน แต่เขาอยู่กับเราวินาทีแรกจนวินาทีสุดท้าย และตอนดึกมากๆ เขาก็ยังอยู่กับเรา ทั้งเซอร์ไพรส์และเกรงใจ จนเราจะสายไม่ได้ จะได้ไม่ดึกขึ้นมา เราก็โตขึ้นเพราะเป็นการไปอยู่คนเดียวครั้งแรก เพราะอยู่กับแม่กับพี่สาวตลอด เป็นสเต็ปเติบโตครั้งใหญ่ จากมาวันแรกไม่เข้าใจ ก็ทำผิดพลาดไปหมด ก็เรียนรู้ทุกวัน แต่มีเรื่องผิดพลาดเรื่อยๆ แต่พอปีหนึ่งผ่านไปก็เริ่มเข้าใจค่ะ พอไปที่ใหม่ก็เดาได้ เขาให้ความสำคัญกับสเต็ปการทำงานค่ะ ทำงาน 3 ปี 2 ปีแรกติดโควิด-19 เพิ่งไปญี่ปุ่นได้ปีที่แล้วค่ะ 2 ปีแรกทำงานเป็นออนไลน์ค่ะ ช่วงที่โควิด-19 เราเดบิวต์ไปแล้ว ก็มีซิงเกิลต้องถ่ายเอ็มวีออนไลน์ อย่างวงอยู่ญี่ปุ่น เราอยู่ไทยก็ใช้กรีนสกรีนทับและมารวมกันค่ะ การอัดเพลงทีมงานญี่ปุ่น ก็จะไดเร็คออนไลน์ ก็ไลฟ์ใน YouTube ให้ทีมเปิดในสตูดิโอ และคอมเมนต์กลับมาค่ะ ก็จะมีดีเลย์ 5 วินาทีค่ะ ตอนคุยก็ดีเลย์ 5 วินาทีค่ะ 

วงการไอดอลญี่ปุ่นและแอนิเมะบูมขึ้นมามากหลังปี 2017 เรารู้สึกอย่างไร

MindaRyn : มายดีใจมากเลยนะ เพราะช่วงแรกที่ทำมันไม่เมนสตรีม แบบถามว่าทำอะไรอะ ทำไปจะดีไหมอะไรอย่างนี้ เขาเป็นผู้ใหญ่ก็จะห่วง ตอนนั้นเราเขวๆ เพราะคนตั้งคำถามเยอะจัง แต่เราหัวดื้อและเราจะทำอะ มันก็ไม่ได้เดือดร้อนใคร เราก็เรียนและทำงานไปด้วย เอาเวลาว่างมาทำตรงนี้  ก็เลยไม่ได้ฟังใครมากก็ทำไป ตอนนี้วงการแอนิเมะและไอดอลเข้าถึงคนมากขึ้น คนก็มองว่าสิ่งที่เราทำไม่ไร้สาระและมันอุตสาหกรรมนี้มันจริงจังนะ เขาเข้าใจมากขึ้น เรารู้สึกดีใจ 

MindaRyn MindaRyn

แล้วเรามองวงการของไทยตอนนี้ในมุมไหน 

MindaRyn : ของเราตามญี่ปุ่นใกล้ชิด อย่างเรื่องการอุดหนุนวัฒนธรรมแผ่นซีดี การสนับสนุนไอดอลและลิขสิทธิ์ ของไทยก็เริ่มรณรงค์ และวันหนึ่งถ้าไทยเท่าญี่ปุ่นก็น่าจะดีค่ะ 

MindaRyn เป็นเหมือนโลโก้ของ Anisong แล้วเพลงแนวอื่นเราฟังอะไรบ้าง 

MindaRyn : หลักๆ ฟังเกาหลี ก็ตาม NewJeans ชอบน้อง ฮานนี แล้วก็มีฟังพวกเพลงฝรั่ง แต่ไม่ได้ตามใครเป็นพิเศษ แต่มีคนนึงชื่อ Aurora หนูชอบมาก เขาเพิ่งมาไทยด้วย ก็ชอบเพลงเขา ชอบสไตล์เขาค่ะ 

MindaRyn MindaRyn

อยากแนะนำอะไรให้คนที่อยากเป็นเหมือน MindaRyn

MindaRyn : อยากแนะนำให้ไม่ต้องฟังเสียงคนอื่นเยอะ ให้ฟังเสียงตัวเองเยอะๆ ว่าเราชอบอะไรและตั้งใจทำมัน มีคนทักมาเยอะว่าต้องซื้อไมค์และอุปกรณ์ไหม แต่อยากให้น้องเริ่มจากอุปกรณ์ที่มี ถ้าทำไปเรื่อยๆ แล้วอยากมีอะไรค่อยไปซื้อมาค่อยๆ อัพเกรด แต่ต้องเริ่มทำมันก่อน และคลิปต่อไปเราจะค่อยๆ ต่อยอดพัฒนามันไปเอง ต้องเริ่มทำก่อน และเชื่อในแพชชั่น ทำมันไปด้วยความสุขของเราค่ะ แต่ภาษาญี่ปุ่นยากจริงๆ แต่เคล็ดลับของการเรียนภาษาไม่ว่าภาษาไหนคือเรียนผ่านเอนเตอร์เทนเมนต์นะ เมื่อก่อนพยายามซื้อหนังสือเรียนมาอ่านเอง แต่อ่านก็ไม่เข้าหัว 2 วันก็ลืมเพราะมันไม่สนุก แต่พอเป็นแอนิเมะและเล่นเกม เล่นเกมดีมาก เล่นเกมเราได้เปิดดิกต์ เล่นแล้วหยุดแล้วเปิดดู เกมออฟไลน์ก็ดี เกมออนไลน์ก็ได้คุยกับเพื่อนต่างชาติด้วยค่ะ

คุณกำลังดู: คุยกับ MindaRyn ในวันที่ฟังเสียงตัวเอง จนไปถึงจุดที่ชาวต่างชาติยากจะไปในญี่ปุ่น

หมวดหมู่: เพลง

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด