คุยกับ "นนท์ ธนนท์" ในวันที่ความ "รัก" และ "จริงจัง" พาชีวิตเกินฝันก่อนวัย 30
นนท์ ธนนท์ ในวันที่จัดคอนเสิร์ตใหญ่พร้อมจิตวิญญาณ
จากความสำเร็จของงาน NONT EP.01 ทะเยอทะยาน Concert ทำให้ในปี 2023 นนท์-ธนนท์ จำเริญ ได้กลับมากับคอนเสิร์ต NONT EP.02 SO SERIOUS จริงๆ จังๆ CONCERT ที่คราวนี้เขาได้เล่นคอนเสิร์ตบนเวที อิมแพ็ค อารีน่า ในวันที่ 30 กันยายน และ 1 ตุลาคม โดยงานครั้งนี้จะขายบัตรแล้วในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้
และในโอกาสที่นนท์ได้จัดคอนเสิร์ตใหญ่ ทาง Sanook ก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับนนท์ถึงความท้าทายบนเวที และการเติบโตของเขา รวมถึงทุกคำถามที่แฟนๆ อาจมีในใจ ถึงความฮอตของเพลง "โต๊ะริม" ที่ศิลปินต่างชาติร้อง รวมถึงมุมมองกับการที่หลายคนมักแซวว่าเขาเป็น "ตลก" เช่นเดียวกับ "ศิลปิน" ซึ่งงานนี้ทาง Sanook ได้ให้นนท์ทำ Sanook Resume คอนเทนต์โปรไฟล์ศิลปินที่จะทำให้เรารู้จักตัวตนเขามากขึ้น ขณะกรอกประวัติและตอบคำถามสุดปั่น งานนี้ใครไม่เคยเห็นลายมือศิลปินที่คุณรัก ก็จะได้เห็นกันด้วย โดยแฟนๆ สามารถคลิกดูได้ในอัลบั้มภาพด้านบนคอนเทนต์เลย
คอนเสิร์ต NONT EP.02 SO SERIOUS จริงๆ จังๆ CONCERT มีจุดเริ่มต้นอย่างไร
นนท์ : ฟีดแบคจากรอบที่แล้วมา มีหลายคนที่ไม่ได้ดู กดไม่ทัน หลายคนพลาดไปด้วยที่ของเรามันเล็กกว่าความต้องการของทุกคน แต่ถ้ามันมีความต้องการของทุกคน แต่ตัวเราไม่มีไอเดียมันคงแย่ ก็เรียนรู้จากคอนเสิร์ตที่แล้วว่ามีอะไรที่เราอยากทำอีก เพราะจริงๆ ตามหลักแล้วอยากทำครั้งเดียวแล้วพอละ การทำคอนเสิร์ตเดี่ยวเป็นการหาเรื่องใส่ตัวนะ อยู่ๆ ก็ต้องทำงานบิ๊กจ็อบ พอมาเจอว่าหลายอย่างที่เราอยากทำวะ ก็สอดคล้องกันกับความต้องการคนดู ก็จาก 5,000 คน 2 รอบ 10,000 คน เป็น 12,000 คน 2 รอบ 24,000 คน ราคาบัตรก็ทำเอาที่เข้าถึงง่าย ประมาณนั้นครับ เป็นผมอยากทำ คนดูอยากดู พบกันครึ่งทางครับ
ทำไมถึงมากับคีย์เวิร์ด “จริงๆ จังๆ” ในครั้งนี้
นนท์ : มาจากคีย์เวิร์ด 3 อันที่เราอยากให้มันจริงๆ จังๆ ขึ้นหน่อย เหมือนปีที่แล้ว คนครหาว่าผมเล่นไปเยอะ อย่างสคริปต์ 2 ชั่วโมง แต่เป็น 3 ชั่วโมง และ 3 ชั่วโมงครึ่งในรอบสุดท้าย แต่เวิร์ดดิ้งมันจะมี SO SERIOUS กับ จริงๆ จังๆ ผมรู้สึกว่า จริงๆ จังๆ ดูไม่จริงจังดี ดูมีพื้นที่ความผิดพลาด เป็นสิ่งที่ผมเคยทำ เราก็จะได้เห็นอะไรจริงๆ จังๆ เห็นระเบิดใต้ที่นั่งคนดู เพลงที่ 6 จุดเลย เพลงที่ 7 จุดเลยครับ (หัวเราะ) ผมอยู่ในทุกขั้นตอน ก็เวิร์คกันมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกมันสนุกขึ้นเรื่อยๆ เราเสนอไอเดีย ทำแล้วไม่อันตรายก็เหลือ 10 ไอเดีย เราก็สนุกที่ได้มารวมหัวครับ บรรยากาศแบบนี้มันโคตรดีเลยครับ
การได้มาอยู่บนเวทีอิมแพ็ค มีความสำคัญอย่างไร
นนท์ : ก็สำคัญ แต่ผมคงไม่ยกให้มันกดดันครับ ผมคุ้นเคยสถานที่นี้อยู่แล้ว ผมก็เล่นมันทุกปีครับ ในฐานะเกสต์ หรือ 1 ศิลปินในเฟสติวัล อย่างปีที่แล้วคอนเสิร์ต Royal Paragon Hall ผมก็เล่นที่นั่นน้อยมากๆ และเรื่องซาวด์อีกที่อิมแพ็ค อารีน่า มันตอบโจทย์เราตรงนี้ งานที่ออกมา เสียงที่ออกมามันดี ถามว่ามันกดดันไหม มันกดดันที่มันเป็นเราเดี่ยวๆ แล้วครับ
การแสดงบนอิมแพ็ครอบไหนของนนท์ ที่เราประทับใจสุด (งานที่เป็นคอนรวม หรือแขกรับเชิญ)
นนท์ : จริงๆ ผมว่ามันเป็นที่สำหรับมืออาชีพ มันคือที่ที่ถูกจัดสรรให้มืออาชีพทำงาน มันค่อนข้างซีเรียส ก็เลยต้อง So Serious กับที่นี่ แต่จริงๆ ผมเคยพาสัตว์เลี้ยงไป พาชินชิล่าไป ก่อนเล่นคอนเสิร์ตก็เล่นกับน้อง ลงมาจากเวทีก็เล่นกับน้องก็พาสัตว์เลี้ยงไป สัตว์เลี้ยงก็ดูตื่นตาตื่นใจ และอิมแพ็ค อารีน่าข้างหลังห้องเก็บตั๋ว มันจะเป็นห้องถึงกันหมด วันดีคืนดีศิลปินก็เปิดมา “ทำอะไรอยู่ กินอะไรอยู่” นึกภาพออกไหมครับ มันก็ได้เห็นความยิ่งใหญ่ในแง่มุมของศิลปิน แบบไปเล่นคอนเสิร์ตในเฟสติวัล ในฐานะเกสต์ เราได้เจอพี่ๆ น้องๆ ที่นั่น เป็นความทรงจำที่ดี และมีหลายเรื่องราวพิเรนๆ ที่ไม่อยากเล่า เราสนุกทุกครั้งที่ไปที่นั่นครับ
ปกตินนท์เตรียมการพูดและโชว์อย่างไร
นนท์ : เตรียมตัวเหมือนศิลปินทุกคน ทำความเข้าใจงาน และงานครั้งนี้มันเมนไอเดียเป็นเรา งานของเราช่วยกัน เราจะรู้ว่าไปทางไหน มันสบายตัวด้วยซ้ำ ผมเห็นหลายๆ ศิลปินเครียดกังวล มันพูดดูเหมือนเก่ง แต่มันมาจากหัวเรา เนเจอร์เรา เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นไปได้ เราลุ้นแค่ว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะมันไม่ใช่แค่ 1 แต่เป็น 1 บวกคนดู เท่ากับอะไร เราไม่รู้มันเท่ากับอะไร เพราะไม่รู้คนดูเอามาแค่ไหน ปีที่แล้วก็สนุกครับ คนดูมาแบบถอดสมอง ส่วนผมก็ถอดสมองไว้หน้าเวทีครับ
จริงๆ แล้วนนท์ รู้สึกอย่างไรกับการที่หลายคนชอบพูดถึงเรื่องความตลกบนเวที พอๆ กับการร้องเพลง
นนท์ : ผมว่าโอเคนะ เพราะพวกเขาสนุกไม่ว่าผมจะเป็นอะไรก็ตาม ผมเป็นตลกพวกเขาก็ขำและดูแฮปปี้ ตัวผมก็ไม่ติดว่าเป็นสิ่งไหน ผมไม่ได้นิยามว่าเป็นอะไร โอเคเขาอาจจะเรียกนักร้องให้เข้าใจ แต่ผมไม่ได้อยากเป็นนักร้องและศิลปิน ผมแค่อยากร้องเพลง ขึ้นไปบนนั้น ทำอะไรสักอย่างครับ
เหตุการณ์แปลกๆ ที่เจอบนเวทีมีอะไรบ้าง
นนท์ : อาจจะเพราะคนดูรู้สึกว่าเป็นกันเองกับเรา และเราก็กันเองกับคนดู เรามองคนดูเป็นพาร์ทเนอร์ บางทีศิลปินสนุกมาก แต่คนดูนั่งแอคๆ มีกำแพงลม เพราะฉะนั้นคนดูเป็นพาร์ตเนอร์ครับ มันก็มีเหตุการณ์เอาของมาให้แล้วเราไม่รับ หรือมีลีลาไม่ให้ ของไม่ให้จับมือเฉย แต่สิ่งใดมันก็เกิดจากเขาเอ็นดูเรา แต่เราก็จะดูสโคปของงานเป็นหลัก ดูความเหมาะสมเป็นหลัก ก็รู้สึกดีที่เขามาเล่นกับเราครับ
2-3 ปีที่ผ่านมา นนท์มีเพลงฮิต คอนเสิร์ตใหญ่ และอัลบั้มที่รอคอย หลังค่อยๆ เติบโตมาระยะหนึ่ง เรารู้สึกอย่างไรกับการเติบโตนี้
นนท์ : มันดีครับ มันไม่ได้ดีแค่กับผม แต่มันดีกับทีมงานเบื้องหลังที่มีกำลังใจ มันอาจจะตอบจริงจัง ผิดธีม Sanook ไปหน่อย แต่จริงๆ มันมีคุณค่า เพราะ 2-3 ปีที่ผ่านมาเราได้เห็นพี่ๆ ศิลปินหาย ก็รู้สึกว่าการที่เราถูกโอบกอดไว้ เราสัมผัสได้ถึงคุณค่าตรงนั้น เพราะเราก็ไม่ได้มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน มันติดขัดไปทุกสายอาชีพครับ การได้กลับมาทำมันยิ่งโหยหา เราก็อยากทำ คนดูก็อยากดู มันเลยเป็นอะไรที่ลงตัว เวลาผมได้ฟีดแบคอะไรอย่างนั้น ไม่ใช่แค่ผมดีใจ ผมจะได้เห็นหน้าทีมงานแบบ “รอดแล้วเว้ย” ทุกครั้งที่จัดงานใหญ่เราขึ้นไปปั๊บคนก็เฮตึม! ส่วนทีมงานก็อยู่อย่างนี้พิงเบาะ “เฮ้อ มันออกมาดีขนาดนี้เลยนะเนี่ย!” เราในฐานะคนทำงานก็ดีกับทุกฝ่าย เขาได้ความสุขความประทับใจกลับไปครับ
พอความสำเร็จมันมาต่อเนื่อง มันทำให้เรากังวล หรือ ตื่นเต้น ฟีลไหนมากกว่ากัน
นนท์ : ไม่ได้มีความรู้สึกกดดันกับที่คนดูส่งมา เราทำงานมาเรื่อยๆ ก็จะเริ่มรู้เนเจอร์ผู้คนแล้ว ผู้คนก็เริ่มรู้เนเจอร์เราเพราะเรียนรู้กันมา 10 แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่จะไม่ทำเลยคือความมักง่าย เราจะทำงานให้ดีที่สุด แบบไม่สุกเอาเผากิน เรากดดันตรงนั้นมากกว่าว่ามันดีตามมาตรฐานของเราไหม ด้วยจุดประสงค์นั้นตลอดครับ
รู้สึกอย่างไรที่ตอนนี้ “โต๊ะริม” กลายเป็นแลนด์มาร์คที่ศิลปินต่างชาติทุกคนต้องลองไปแล้ว มีเพลงไหนของตัวเองที่อยากเห็นศิลปินต่างชาติร้องอีกไหม
นนท์ : เป็นเพลงฑูตครับ ตอนแรกผมรู้สึกว่าคำไม่ชัด แต่ในความคำไม่ชัดมันทำให้ฝรั่งจับคำง่าย เพลงอื่นผมไม่กล้าคาดหวังครับ เพราะภาษาไทยมันยากติดอันดับโลก มีวรรณยุกต์ สระ เป็นแผงเลย ของเขา Alphabets (ตัวอักษร) มันน้อย 20 ตัว ของไทยมัน 40 ตัว และนั่นแค่ตัวอักษรนะ ยังมีสระและวรรณยุกต์อีก เราเห็นเขาร้องก็ดีใจแล้ว คือกำแพงภาษามันบางลง เราเห็นถึงความเป็นไปได้ของวงการเพลงไทย เราก็เห็นความเป็นไปได้ของวงการเพลงไทยที่ไปสูงมากขึ้น ผมไม่ได้เห็นแค่ชิ้นงานผม แต่ผมเห็นเพื่อนๆ ของผมก็ไปสูงด้วย เพลงของเพื่อนๆ ทุกคนตั้งใจทำหมดครับ วันนึงเป็นหมื่นเป็นเพลงของเขา
ในวันที่หันไปทางไหนคนก็ร้องเพลงเรา มันทำให้ความรู้สึกอย่างไรกับเรา
นนท์ : รู้สึกดีนะและเขินๆ ด้วย ตอน “รักแรก” ใน Mask Singer เพื่อนๆ ก็ร้องกัน และเราก็นั่งดู เราก็ยิ่งประทับใจ นี่คือคุณค่าของเวลา ของความตั้งใจที่ผ่านมา ทำชิ้นงานออกมา มันก็มีคนที่ยินดีร้องเพลงของเรา ผมก็ดีใจอะ ในฐานะคนที่เข้าวงการมาแต่เด็ก ถือว่ายังเด็กอะเพราะนี่ 20 กว่าๆ การเดินทางนั้นมันดีเหลือเกิน เขาให้เกียรติเราจัง รายการให้เกียรติเราจัง พี่น้องศิลปินทำการบ้านเพลงมา เรายิ่งดีใจที่เห็นชิ้นงานเดินทางต่อไป โคตรดีใจเลยอะ
มีเพลงฮิตแล้ว มีคอนเสิร์ตบนเวทีที่ใหญ่ระดับอิมแพ็คแล้ว อะไรคือก้าวต่อไปที่นนท์ ธนนท์ ตั้งเป้าไว้
นนท์ : ณ ตอนนี้ผมมาดูว่าเรามีโอกาสทำอะไรต่อบ้างในปีต่อปี เราค่อนข้างใช้ชีวิตวันต่อวัน แบบเราจะไปสิ่งนี้ ทำแบบนี้ เราก็จะเดินบันได้ขั้นต่อ เหยียบให้เต็มตีน อย่าล้ม อย่าลื่น เพราะเรามีทีมงานเบื้องหลัง คนที่ไปกับเรา เพราะนั้นแบบแล้วแต่โอกาสที่เหวี่ยงเข้ามา อย่างปีนี้เราได้เล่นต่างประเทศ เล่นเยอะจนอิ่ม อเมริกา 6 เมือง ออสเตรเลีย 4 เมือง สิงคโปร์ อังกฤษ จนต้องหยุดรับเพราะเดินทางไม่ไหว หลังก็ปวด ก็เป็นหมุดหมายใหม่ๆ ในปีนี้ ต่อไปของผมไม่แน่ใจเลย เพราะตอนนี้โฟกัสครอบครัวกับตัวเอง เพราะผ่านโควิด-19 เราก็ได้ตกตะกอนกับตัวเองเยอะ และเป็นจุดเริ่มต้นของ EP.01 ตัวอัลบั้มก็มีเวิร์คไว้ มีชิ้นงานเยอะมากที่จะปล่อยออกมาให้สนุกกัน
สุดท้ายนี้นนท์ ธนนท์ อยากถูกจดจำแบบไหน
นนท์ : จำแบบไหนก็ได้ที่คุณมีความสุข จำแบบไหนก็ได้ที่ผมได้ยินว่าคุณจำแบบนี้ แล้วผมจะมีความสุข ผมว่าการถูกจดจำเป็นอะไรที่มีเกียรตินะ เพราะเรามีเงินเราไปสั่งไม่ได้นะให้คุณจำผมแบบนี้ มันทำไม่ได้ เขาต้องเปิดประตู เราถึงจะเข้าไปได้ จำแบบไหนก็ได้ ให้คุณมีความสุขและผมมีความสุขด้วยได้ น่าจะดีครับ
Photo Ditsapong K.
คุณกำลังดู: คุยกับ "นนท์ ธนนท์" ในวันที่ความ "รัก" และ "จริงจัง" พาชีวิตเกินฝันก่อนวัย 30
หมวดหมู่: เพลง