คุยกับ เทย์เลอร์ ซาคาร์ เปเรซ - นิโคลัส กาลิตซีน จากหนังดัง Red, White & Royal Blue
คุยกับ Taylor Zakhar Perez (เทย์เลอร์ ซาคาร์ เปเรซ) ลูกชายของประธานาธิบดีหญิงแห่งสหรัฐอเมริกา และ Nicholas Galitzine (นิโคลัส กาลิตซีน) “เจ้าชายเฮนรี่” แห่งอังกฤษ นักแสดงนำจากภาพยนตร์ Red, White & Royal Blue ภาพยนตร์เรื่องดังมาแรง
บทสัมภาษณ์นักแสดงนำจากภาพยนตร์ Red, White & Royal Blue สองหนุ่ม Taylor Zakhar Perez (เทย์เลอร์ ซาคาร์ เปเรซ) และ Nicholas Galitzine (นิโคลัส กาลิตซีน)
- เทย์เลอร์ ซาคาร์ เปเรซ รับบท “อเล็กซ์ แคลร์มองต์-ดิแอส” ลูกชายของประธานาธิบดีหญิงแห่งสหรัฐอเมริกา
- นิโคลัส กาลิตซีน รับบท “เจ้าชายเฮนรี่” แห่งอังกฤษ
Red, White & Royal Blue เรื่องย่อภาพยนตร์ Prime Video
Q: ก่อนจะมาออดิชั่นคุณรู้จัก Red, White & Royal Blue มาก่อนไหม ความรู้สึกแรกที่มีต่อเรื่องราวในนิยายต้นฉบับ รวมถึงบทภาพยนตร์ที่ Matthew Lopez (แมทธิว โลเปซ) เป็นหนึ่งในผู้ร่วมเขียนบทเป็นอย่างไร
เทย์เลอร์: ก่อนมาออดิชั่น ผมไม่เคยรู้จัก Red, White & Royal Blue มาก่อนเลย มีคนโทรมาหาผมและบอกประมาณว่า ‘ตอนนี้กำลังมีโปรเจกต์ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งกำลังจะถ่ายทำในฮอลลีวูด และฉันคิดว่าคุณน่าจะเหมาะกับบทนี้’ ผมก็เลยซื้อหนังสือจาก Kindle มาอ่านในช่วงสุดสัปดาห์และมันก็เป็นนิยายที่ดีมากๆ เลยครับ ผมพบว่าตัวเองมีความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครไปตลอดทั้งเรื่อง พออ่านจบ ผมก็รู้สึกมั่นใจมากว่าอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ หลังจากนั้นผมก็ได้รับบทภาพยนตร์ซึ่งมีการดัดแปลงและปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องตามความเหมาะสม เพราะว่าการทำภาพยนตร์มันไม่ใช่การท่องจำตามต้นฉบับ แต่มันเป็นงานศิลปะที่ต้องมีความแข็งแรงและสมบูรณ์ในตัวเอง ผมคิดว่าแมทธิวทำได้ดีมากในการรักษาหัวใจของหนังสือไว้ในบทภาพยนตร์ แม้ว่าตัวละครบางตัวในนิยายจะไม่ได้มาอยู่ในภาพยนตร์ แต่หัวใจสำคัญและความรักยังอยู่ ผมคิดว่าแมทธิวทำได้ยอดเยี่ยมในการวางรายละเอียดคาแรคเตอร์ของตัวละครให้ออกมาสมบูรณ์เมื่อดูผ่านจอ โดยเฉพาะเรื่องเส้นทางการเติบโตของอเล็กซ์ตั้งแต่เด็กจนเป็นผู้ใหญ่
นิโคลัส: ผมไม่เคยรู้จักหนังสือเล่มนี้มาก่อนเลยครับ ผมเซอร์ไพรส์มากที่ได้เห็นว่ามีแฟนคลับที่รักหนังสือเล่มนี้ และได้เห็นความสำเร็จของหนังสือเล่มนี้ที่ไม่ได้มีแค่กลุ่ม LGBTQIA+ แต่มีกลุ่มผู้อ่านที่กว้างและหลากหลายมากๆ ในแง่ของบท ผมคิดว่าเป็นนี่คือตัวละครที่น่าสนใจมาก ตัวละครที่มีบุคลิกลักษณะหลายอย่างที่ผมอยากจะแสดง คือเป็นคนที่ภายนอกดูเหมือนแข็งแกร่ง แต่จริงๆ แล้วเป็นคนที่เปราะบางมากและภายในใจมีความรู้สึกมากมายเต็มไปหมด หนังเรื่องนี้มีบทภาพยนตร์ที่มีองค์ประกอบเด่นๆ หลายอย่างที่หนังโรแมนติกคอเมดี้ควรจะมี ในแง่ที่ว่ามันมีความสดใสอยู่ในตัว มันมีจังหวะในการเล่าเรื่องของตัวเอง และมีอารมณ์ขัน และผมก็รู้สึกได้ถึงความเป็นแมทธิวและงานของเขาในฐานะผู้เขียนบท ดังนั้นพอทั้งหมดนี้มารวมกัน มันก็เลยเป็นโปรเจ็กต์ที่ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในนั้นด้วยครับ
Q: คุณคิดว่า Red, White & Royal Blue ทำลายกรอบเดิมๆ ของภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้ในสายตาผู้ชมในยุคนี้อย่างไรบ้าง
เทย์เลอร์: ผมรู้สึกว่าแมทธิวทำได้ดีมากครับ ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเรื่องของหัวใจที่เป็นแก่นของเรื่อง ไม่สำคัญว่าตัวละครจะเป็นเพศไหน มันคือการเดินทางของพวกเขา จากในช่วงเริ่มต้น ตัวละครทั้งสองอาจจะมีนิสัยบางอย่างที่คนไม่ค่อยชอบ แต่ผู้ชมก็ตกหลุมรักพวกเขา และพวกเขาตกหลุมรักกันและกัน แล้วเรื่องอื่นๆ ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป คุณจะรู้สึกอินไปกับผู้ชายสองคนนี้รวมถึงผู้คนที่อยู่รอบตัวพวกเขา คุณจะเชียร์ให้เรื่องราวของพวกเขาจบลงแบบแฮปปี้จริงๆ มีคนบอกผมว่าตอนที่ดูหนังเรื่องนี้ มีคนดูที่ส่งเสียงร้องด้วยความดีใจหลายครั้งและหัวเราะเฮฮาตลอดทั้งเรื่อง เขารู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์พิเศษที่แปลกใหม่และไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก ผมคิดว่านั่นเป็นข้อพิสูจน์ถึงความเก่งกาจของ Casey (Casey McQuiston) ในฐานะนักเขียน ของ Matthew López และ Ted Malawer ในฐานะผู้เขียนบทภาพยนตร์ และของนักแสดง ผมคิดว่ามันทำลายรูปแบบเดิมของภาพยนตร์ในหลายด้าน และควรจะเป็นต้นแบบใหม่สำหรับภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้ เพราะว่าสิ่งสำคัญที่สุดของภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้คือเรื่องของหัวใจ แล้วก็ความตลก
นิโคลัส: ผมคิดว่าเรากำลังอยู่ในยุคที่ได้เห็นการนำเรื่องเกี่ยวกับเพศที่สามมาเล่ามากขึ้น Heartstopper และ Young Royals ได้รับความนิยมมาก แฟนหนังสือจำนวนมากก็กลายมาเป็นแฟนหนังด้วยเหมือนกัน และผมคิดว่าเรากำลังเดินไปในทางนั้นในรูปแบบของภาพยนตร์เช่นกัน ในมุมหนึ่งมันคือเรื่องราวความรักยุคใหม่ แต่สถานการณ์อาจจะต่างจากคนส่วนใหญ่นิดหน่อยเพราะว่าตัวละครตัวหนึ่งเป็นคนในราชวงศ์ ส่วนอีกคนเป็นลูกชายคนโตของประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่สถานการณ์ที่พวกเขาเจอก็เป็นสิ่งที่ผมคิดว่าคนดูจะมีความรู้สึกร่วมได้ นอกเหนือจากการที่เป็นเรื่องราวความรักที่ของเพศที่สาม จริงๆ มันก็คือเรื่องราวของคนสองคนที่พบว่าตัวเองติดอยู่ในสถานการณ์ การเลี้ยงดู และหน้าที่ความรับผิดชอบซึ่งขัดขวางเส้นทางรักของพวกเขา ผมคิดว่ามันเป็นความรู้สึกที่เป็นสากลมาก ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องที่ทั้งทันสมัย สดใหม่ และอยู่ในขนบในเวลาเดียวกัน
Q: ถ้าต้องพูดถึง อเล็กซ์ แคลร์มองต์-ดิแอส และเจ้าชายเฮนรี่ พวกคุณจะอธิบายตัวละครของตัวเองแบบสั้นๆ ว่าอย่างไร
เทย์เลอร์: อธิบายแบบสั้นๆ เหรอครับ ยากนะ อเล็กซ์เป็นลูกชายของประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกา (รับบทโดย อูม่า เธอร์แมน) ส่วนพ่อของเขาเป็นสมาชิกสภาคองเกรส (รับบทโดย คลิฟตัน คอลลินส์ จูเนียร์) เขาเป็นคนกระฉับกระเฉง มีแรงผลักดัน เป็นคนบ้าระห่ำ บางครั้งก็ใจร้อนและหุนหันพลันแล่น เขาเป็นคนมาตรฐานสูง ชอบความสมบูรณ์แบบและมีจุดอ่อนหลายอย่าง เขายังไม่เป็นผู้ใหญ่ในทางอารมณ์มากนักในช่วงแรกของเรื่อง และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของเขา เขาเป็นแค่เด็กที่โตมาในชนชั้นแรงงานในสถานการณ์ที่พิเศษ ซึ่งก็คือการอาศัยอยู่ในทำเนียบขาวและกำลังเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ เขาคือตัวแทนความฝันแบบอเมริกัน (American dream)
นิโคลัส: เฮนรี่กับผมเป็นคนที่แตกต่างกันมาก แต่ผมคิดว่าผมเข้าใจคนที่เห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นมากกว่าตัวเองนะครับ และผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องปวดใจมากๆ เฮนรี่เป็นตัวละครที่มีความยึดมั่นในหน้าที่ของตัวเองมาก เขาต้องการเป็นคนคนนั้นที่ผู้คนอยากให้เป็น เขาปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองอย่างสิ้นเชิง และผมคิดว่ามันเป็นการเสียสละมาก ถ้าไม่มองว่าเป็นเรื่องปวดใจนะครับ ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนน่าสนใจ เพราะด้วยบทบาทที่มาพร้อมกับชาติกำเนิด มันทำให้เขาอยู่ในจุดที่โดดเดี่ยวมากๆ มีฉากหนึ่งที่น่าสะเทือนใจที่อเล็กซ์เหมือนจะเข้ามาขอความรักจากเขา แล้วเขาก็พูดว่า ‘บางครั้งผมคิดว่าคุณลืมไปว่าเราไม่เหมือนกัน’ สถานการณ์ของเขามันไม่เหมือนใครเลย การที่ทายาทหนุ่มของราชวงศ์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและภาระหนักอึ้ง จะเสี่ยงทำอะไรแหกคอกหรือแปลกไปจากความคิดความเชื่อของคนทั่วไป ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าติดตามมาก แล้วก็เป็นเรื่องน่าสนใจมากสำหรับผมในการเรียนรู้และทำความเข้าใจโลกของราชวงศ์
Q: พวกเขารู้สึกอย่างไรกับอีกฝ่ายในตอนแรก แล้วความรู้สึกนั้นเริ่มเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
เทย์เลอร์: ผมคิดว่าส่วนที่ดีที่สุดในการได้เล่นเป็นอเล็กซ์คือการแข่งขันระหว่างเขากับเจ้าชายเฮนรี่ ตอนที่พวกเขาถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบังคับให้ต้องเข้าไปอยู่ในตู้ด้วยกัน พวกเขาอยู่ใกล้กันมากและรู้สึกอึดอัด แล้วพวกเขาก็หวนคิดถึงการพบกันครั้งแรกที่บราซิล ซึ่งอเล็กซ์เล่าว่าครั้งหนึ่งเขาเคยกลัวการถูกจับตามองมากแค่ไหนและคิดว่าเจ้าชายเฮนรี่จะเป็นเพื่อนที่เข้าใจการถูกจับจ้องจากสาธารณชน แต่เขาเข้าใจว่าเฮนรี่ไม่อยากข้องเกี่ยวอะไรกับเขาเพราะเฮนรี่ออกจากงานไปแบบกะทันหัน เฮนรี่อธิบายว่าเป็นเพราะตอนนั้นเขายังรู้สึกเศร้าจากการจากไปของพ่อ และไม่สามารถให้ในสิ่งที่เขาต้องการได้ มันเป็นช่วงเวลาที่สวยงามและตลกมากๆ ตอนที่อเล็กซ์กับเฮนรี่เล่าความจริงให้อีกฝ่ายฟังและเริ่มเข้าใจกันและกันมากขึ้น บทสนทนานี้เปลี่ยนความรู้สึกที่อเล็กซ์มีต่อเจ้าชายเฮนรี่ และเป็นครั้งแรกที่พวกเขาตระหนักว่าพวกเขาควรจะ และน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้
นิโคลัส: มันมีมุมตลกๆ หลายอย่างมากเลยครับ และคนที่ไม่เคยรู้จักหนังสือเล่มนี้ก็อาจจะไม่สังเกต อย่างเรื่องการเจอกันครั้งแรกของอเล็กซ์กับเฮนรี่ ฉากนี้จะไม่ได้อยู่ในหนังแต่ว่าจะมีการอ้างอิงถึงแค่สั้นๆ พวกเขาเจอกันในงานประชุมที่เมืองริโอ ประเทศบราซิล ผมคิดว่าเฮนรี่มองว่าอเล็กซ์มีอิสระในแบบที่เฮนรี่อิจฉา เขาได้เห็นว่าอเล็กซ์มีเสน่ห์และเปิดกว้างแค่ไหน ไม่ได้หมายความว่าอเล็กซ์เป็นคนไม่มีความลับนะครับ แต่ผมแค่คิดว่าเขาอิจฉาอเล็กซ์เรื่องนั้นมาก เฮนรี่ก็เหมือนจะมองเขาจากมุมมองแบบคนอังกฤษที่คิดว่าคนอเมริกันเป็นคนประเภทที่เสียงดังน่ารำคาญและชอบทำลายทุกอย่าง ในแง่หนึ่งมันดูเหมือนเป็นการล้อเลียนอังกฤษมากๆ เพราะผมคิดว่าคนอังกฤษโดยเฉพาะคนในราชวงศ์มักจะถูกมองว่าดูเคร่งขรึมและแข็งกระด้าง ผมคิดว่าเฮนรี่เข้าใจอเล็กซ์ผิดไปหลายอย่าง จากนั้นก็เกิดเรื่องเค้กขึ้น พวกเขาเลยถูกบังคับให้ใช้เวลาร่วมกัน และเขาก็เริ่มเข้าใจว่าจริงๆ แล้วตัวตนของคนคนนี้เป็นยังไง กำแพงทางเชื้อชาติและสถานะทางสังคมอเล็กซ์และครอบครัวของเขาต้องเผชิญในสหรัฐฯ เป็นยังไง ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่ทำให้มุมมองที่เขามีต่ออเล็กซ์อ่อนลง และเขาเริ่มเข้าใจอเล็กซ์และเริ่มที่จะเปิดเผยความเปราะบางของตัวเองว่ากำลังรู้สึกกลัวและไม่มั่นคง มันเป็นการคลี่คลายที่สวยงามระหว่างคนสองคนที่ตกหลุมรักและเริ่มเห็นอกเห็นใจและเข้าใจซึ่งกันและกันในระดับที่ลึกมาก การได้เล่นบทแบบนี้มันสนุกมากเลยครับ
Q: เล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอเล็กซ์กับเฮนรี่ให้เราฟังหน่อย สิ่งที่คุณชอบที่สุดเกี่ยวกับการเติบโตและการตกหลุมรักระหว่างพวกเขาคืออะไร
เทย์เลอร์: ในมุมหนึ่ง อเล็กซ์สามารถเป็นคนที่เห็นอกเห็นคนอื่นใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ และในอีกมุมก็กลายเป็นคนไม่น่าคบเลย พฤติกรรมของเขามีความขัดแย้งกันมาก ยิ่งเขาใช้เวลากับเฮนรี่มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเริ่มสนใจความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามากขึ้นเท่านั้น เมื่อเฮนรี่เริ่มเคลื่อนไหวก่อนในวันส่งท้ายปีเก่า มันทำให้อเล็กซ์สับสนไปหมดจนกระทั่งได้คุยกับนอร่าซึ่งทำให้เขารู้ว่าเขาชอบคนคนนี้จริงๆ ในความสัมพันธ์ครั้งใหม่นี้ อเล็กซ์อยู่ระหว่างการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ พร้อมๆ กับการสำรวจเรื่องเพศ และการค้นหาแรงบันดาลใจทางการเมืองของตัวเอง ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครทั้งสองคนเติบโตไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นรถไฟที่หยุดไม่ได้แม้จะมีอุปสรรคขวางกั้น ในการทำงานพวกเราต้องพิถีพิถันมากๆ ในรายละเอียดของแต่ละช่วงเวลาที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเดินหน้าหรือถอยหลัง เพราะเราคิดว่านั่นคือส่วนที่สำคัญที่สุดของการเดินทางในเรื่องของพวกเขา
ฉากเลิฟซีนต่างๆ ในเรื่องได้รับการออกแบบมาอย่างดี และเราใส่ใจมากในการเจาะจงว่าช่วงเวลาไหนที่เป็นซีนที่เต็มไปด้วยความหลงใหล และฉากไหนที่อ่อนโยนนุ่มนวล ในโลกความเป็นจริงคุณต้องผ่านช่วงเวลาที่มีลึกซึ้งในระดับต่างๆ กันในแต่ละความสัมพันธ์ และคุณจะได้เห็นสิ่งเหล่านั้นในหนังเรื่องนี้ตลอดทั้งเรื่อง ท้ายที่สุดแล้ว ผมคิดว่าการเดินทางของพวกเขามันสวยงามและเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็สามารถรู้สึกเชื่อมโยงได้ มันเป็นเรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่มีประสบการณ์ของมนุษย์ร่วมกัน และผมคิดว่ามันวิเศษมาก
นิโคลัส: ในมุมมองของนักแสดง คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าฉากเค้กแต่งงานในงานเลี้ยงแล้วครับ มันเป็นหนึ่งในประสบการณ์การแสดงที่สนุกที่สุดเท่าที่ผมเคยสัมผัสมาเลย ตอนนั้นผมพยายามเอาน้ำตาลไอซิ่งออกจากหู ตามข้อพับและซอกต่างๆ ไปอีกสองสามวันข้างหน้าเลย ผมอาบน้ำทันทีหลังจากถ่ายทำเสร็จนะแต่ก็ยังล้างออกไม่หมด แต่มันเป็นความสนุกสุดๆ ไปเลยครับ ทีมงานทุกคนผลัดกันหยิบเค้กมาขว้างใส่เรา มันเป็นประสบการณ์สานสัมพันธ์ที่ดีมากๆ ส่วนถ้ามองจากมุมมองของตัวละคร ผมคิดว่าฉากที่พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันในพิพิธภัณฑ์วิคตอเรียแอนด์อัลเบิร์ตคือช่วงเวลาที่แว๊บขึ้นมาในความคิดของผมในฐานะฉากที่กำหนดความสัมพันธ์ของพวกเขา เฮนรี่เปิดเผยความเปราะบางของเขาและทำในสิ่งที่อาจจะทำให้เกิดปัญหาด้วยการบอกให้อเล็กซ์รู้อย่างชัดเจนตรงไปตรงมาว่านี่แหละคือชีวิตของผม ผมกลัว แต่ผมก็เต็มใจที่จะยอมรับความเสี่ยงนี้
Q: ช่วยเล่าเรื่องการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างเคมีระหว่างตัวละคร รวมถึงความไว้วางใจที่คุณสองคนต้องมีต่อกันในขณะถ่ายทำให้ฟังหน่อย
เทย์เลอร์: นิคกับผมรู้สึกถึงความรับผิดชอบในการที่จะต้องทำให้ฉากเร่าร้อนที่อยู่ในหนังสือมีชีวิตขึ้นมาในแบบที่ดูแล้วสมเหตุสมผล ผมโชคดีมากที่ได้เจอกับ Robbie Taylor Hunt (ร็อบบี เทย์เลอร์ ฮันต์) ผู้ประสานงานด้านฉากเลิฟซีน (Intimacy Coordinator) เราทำงานร่วมกับเขาในการเจาะจงรายละเอียดความแตกต่างของแต่ละฉาก ผมกับนิคเข้าคู่กันได้อย่างรวดเร็ว และเราทั้งคู่ก็เข้าใจดีว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีความหมายอย่างไรต่อแฟนหนังสือทุกคน เราแบกรับน้ำหนักความรับผิดชอบไว้พอๆ กันและสร้างความไว้วางใจร่วมกัน เวลาถ่ายทำฉากที่ใกล้ชิดและเข้มข้น เราก็จะหาวิธีสร้างอารมณ์ขันให้รู้สึกผ่อนคลายระหว่างการถ่ายแต่ละเทค และแมทธิว (Matthew Lòpez) ก็จะคอยอยู่ข้างๆ ตลอดเพื่อดึงเรากลับมาจดจ่อกับเป้าหมายของเราในการทำให้เรื่องราวนี้มีชีวิตขึ้นมา นิคเป็นผู้ร่วมแสดงที่ยอดเยี่ยมมากครับ และผมก็ดีใจจริงๆ ที่เราสามารถสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นนี้ขึ้นมาให้ปรากฏบนจอได้สำเร็จ
นิโคลัส: อย่างแรกเลยคือผมคิดว่าในมุมหนึ่งมันเป็นความสัมพันธ์ที่มีความแข่งขันแย่งชิงกันเพราะว่ามันเริ่มต้นจากความขัดแย้ง มันเป็นเรื่องสำคัญนะที่คุณจะต้องมีใครสักคนที่สามารถถกเถียงด้วยได้ เทย์เลอร์เป็นคนที่มีไหวพริบโดยธรรมชาติ ผมคิดว่าเราเข้าใจอารมณ์ขันของกันและกันในทันที ซึ่งช่วยได้มากในการแสดง เพราะคุณไม่ได้จะเป็นเพื่อนกับคนที่คุณแสดงด้วยได้เสมอไป ผมโชคดีมากครับ ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาผมมีเพื่อนนักแสดงเก่งๆ หลายคนที่ผมรู้สึกสนุกกับการได้แสดงร่วมกัน แต่สำหรับเทย์เลอร์ เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์สุดๆ แล้วก็ตลกมาก ช่วงเวลาที่เราสนุกเฮฮาไปด้วยกันนั้นมันทำให้เกิดความสมดุลเมื่อเทียบกับช่วงเวลาหนักๆ ในบท เทย์เลอร์มีส่วนสำคัญมากครับในการสร้างความสนุกในการทำงานในกองถ่าย
Q: อเล็กซ์และเฮนรี่ไม่ใช่คู่รักธรรมดา พวกเขาเป็นสมาชิกในครอบครัวที่มีบทบาทสำคัญอย่างประธานาธิบดีและราชวงศ์ พวกเขาจัดการกับแรงกดดันที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาอย่างไร
เทย์เลอร์: ผมโตมาในร้านขายตัวถังรถยนต์ของพ่อ และการที่ผมได้เห็นว่าตอนนี้ตัวเองได้ใช้ชีวิตอย่างที่เคยฝันไว้จริงๆ มันช่วยให้ผมเข้าใจชีวิตของอเล็กซ์ เขาเติบโตมาในเท็กซัส พ่อแม่เป็นคนทำงานใช้แรงงาน แม่ของเขาเป็นผู้ที่ได้รับเลือกตั้งซึ่งก้าวจากการเป็นสมาชิกสภาคองเกรสมาเป็นประธานาธิบดี ผมเข้าใจเขามากๆ ในแง่ที่ว่าอเล็กซ์เป็นเหมือนเด็กในร้านขนม ทุกสิ่งที่เขาเคยเห็นในโทรทัศน์มันกลายเป็นความจริง และเขาต้องการมีบทบาท ต้องการเป็นคนที่กุมอำนาจ และสร้างการเปลี่ยนแปลงในโลก ผมคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฮนรี่รวมถึงประสบการณ์การไปเท็กซัสของเขาเพื่อจะพลิกสถานการณ์ในการหาเสียงของแม่ มันช่วยให้เขาค้นพบเป้าหมายและแรงผลักดันในการใช้ชีวิตของตัวเอง พ่อของอเล็กซ์อพยพมาอยู่ที่อเมริกาด้วยนามสกุลแปลกๆ ที่สะกดด้วยตัวอักษร z ในประเทศที่ไม่มีคนหน้าตาแบบเขา หรือพูดด้วยสำเนียงแบบเขาเลยในรัฐสภา อเล็กซ์ต้องการเป็นต้นแบบที่เด็กๆ มองอย่างชื่นชมและรู้สึกเชื่อมโยง เหมือนกับที่เขาในวัยเด็กเคยรู้สึกเวลามองพ่อของตัวเอง
ส่วนเจ้าชายเฮนรี่ เขาฝ่าฟันชีวิตท่ามกลางแสงสปอตไลต์มาตลอด อเล็กซ์เข้าใจความสำคัญของการมีโลกส่วนตัวของตัวเองในขณะที่เรื่องอื่นๆ เกือบทุกเรื่องในชีวิตของครอบครัวเขาเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็รู้ ในตอนท้ายของหนัง อเล็กซ์เติบโตเป็นผู้ใหญ่แต่ก็ยังคงมีอารมณ์ขัน ความหลงใหล และความมุ่งมั่นในอุดมการณ์ เขาเรียนรู้จากเฮนรี่ที่จะไม่ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งและโอกาสที่เขาได้รับไปในทางที่ไม่ดี
นิโคลัส: ผมคิดว่าจริงๆ แล้วเรื่องมันก็มีอยู่ง่ายๆ เลยคือความรักชนะทุกสิ่ง ผมคิดว่าเราทุกคนเป็นแบบนั้น คุณจะต้องต่อสู้กับอุปสรรคและประเพณีเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องภูมิหลัง เพศ หรือว่าอะไรก็ตาม สังคมเรากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและจะต้องมีสิ่งที่พยายามเข้ามาขวางทางอยู่เสมอ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของการที่คนสองคนเชื่อว่าความรักของพวกเขาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด และความเต็มใจที่จะเสียสละบางสิ่งเพื่อกันและกัน ผมคิดว่านี่คือหลักการใช้ชีวิตที่สวยงามและทุกคนสามารถทำตามได้
Q: สำหรับเทย์เลอร์ คุณได้แสดงในฉากที่น่าจดจำร่วมกับ Uma Thurman (อูม่า เธอร์แมน) หลายฉาก เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าการทำงานกับเธอเป็นอย่างไรบ้าง
เทย์เลอร์: อุูม่าสุดยอดมากครับ วันแรกที่ผมเจอเธอ ผมถามเธอว่าขอกอดเธอเพื่อสร้างความสัมพันธ์แม่ลูกได้ไหมแล้วเธอก็โผเข้ามากอดผมทันทีเลย เธอเป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งมากและส่งพลังงานนั้นออกมาในกองถ่าย เธอสร้างมิติให้กับตัวละคร เธอเป็นคนชอบแสดงความรักแต่ก็เป็นมืออาชีพ และก็ไม่เคยเย็นชา ผมโตมากับการดูภาพยนตร์ของเธอ ดังนั้นการได้มีโอกาสร่วมแสดงในฉากเดียวกันกับเธอเลยเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อสุดๆ คุณจะอยากจะเป็นคนที่มีความเคารพ เมตตา และรักในงานที่ตัวเองทำได้ในระดับเดียวกันกับเธอ
มีเรื่องตลกตอนที่เรากำลังถ่ายทำฉากงานเลี้ยงอาหารเย็นของนายกรัฐมนตรี ผมเหลือบทที่ต้องพูดอีกประมาณ 5-6 ประโยค แล้วผมก็มองเห็นจากหางตาว่าอูม่ากับชารอน ดี คลาร์ค (รับบทเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษ) กำลังเดินไปที่จอมอนิเตอร์เพื่อดูการถ่ายทำ ผมเอาแต่จดจ่ออยู่กับการมองพวกเขาที่กำลังดูผมแสดงจนต้องขอแมทธิวให้เริ่มถ่ายใหม่อีกรอบ เพราะมันเป็นประสบการณ์ที่เหลือเชื่อจริงๆ ที่รู้ว่านักแสดงหญิงที่เก่งสุดๆ กำลังเฝ้าดูการทำงานของคุณ เป็นความรู้สึกกดดันนิดหน่อยนะครับ แต่ผมก็ผ่านมันมาได้
Q: การทำงานกับ Matthew Lopez (แมทธิว โลเปซ) ที่มารับหน้าที่เป็นผู้กำกับครั้งแรก เป็นอย่างไรบ้าง
เทย์เลอร์: ผมชอบที่แมทธิวเข้าใจและต้องการให้เกียรติสิ่งที่เป็นหัวใจของหนังสือเล่มนี้นะครับ ตลอดการถ่ายทำเราได้ใช้เวลาใกล้ชิดกันมากๆ ผมได้สังเกตและเรียนรู้จากเขาในการกำกับภาพยนตร์ครั้งแรก กลายเป็นว่าผมก็เลยหันมาสนใจเรื่องทางเทคนิคเกี่ยวกับการถ่ายทำหนังเอามากๆ แมทธิวเป็นผู้นำที่เปิดกว้างมาก เขาเป็นคนฉลาดและแม่นยำ ผมแทบจะรอไม่ไหวที่จะได้ร่วมงานกับพวกเขาอีกครั้งเลยครับ
นิโคลัส: ผมจะรู้สึกตื่นเต้นเสมอเลยครับเวลาที่ได้ร่วมงานกับผู้สร้างภาพยนตร์ที่เพิ่งจะมารับหน้าที่นี้เป็นครั้งแรก เพราะผมคิดว่าเสียงของพวกเขาถูกลดทอนคุณค่ามานาน ผมคิดว่าผมรับรู้ถึงความชัดเจนของแมทธิวได้ตั้งแต่วันแรก เขามีความเป็นตัวของตัวเองและมีความคิดเห็นที่หนักแน่นมาก และเขารู้ดีว่าเขาต้องการจะทำอะไรกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่ผมสนใจในตัวผู้สร้างภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็นหนังประเภทไหนก็ตาม ถ้าคุณมีผู้สร้างภาพยนตร์ที่มีความมั่นใจและมีความคิดที่หนักแน่น คุณในฐานะนักแสดงจะรู้สึกวางใจได้ในระดับหนึ่งและพร้อมที่จะเดินทางไปกับพวกเขา แมทธิวมีสิ่งนั้น แล้วก็เป็นคนมีอารมณ์ขันด้วยครับ
Q: คุณคิดว่าการมีภาพแทนของผู้คนที่หลากหลายในสื่อบันเทิงกระแสหลักมีความสำคัญอย่างไรบ้าง และ Red, White & Royal Blue น่าจะมีความหมายต่อผู้ชมทั่วโลกอย่างไรบ้าง
เทย์เลอร์: ไม่ว่าจะเป็นชุมชนคนข้ามเพศ ชุมชน LGBTQ ชุมชนอินเดีย ชุมชนเปอร์เซีย ชุมชนละติน ฯลฯ มีการนำเสนอภาพแทนของกลุ่มคนที่หลากหลายในหนังเรื่องนี้ ซึ่งก็รวมถึงภาพของผู้หญิงเก่งที่ต้องการเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ทุกอย่างถูกพูดถึงในหนังเรื่องนี้และพูดถึงในแบบที่ไม่รู้สึกว่าเข้าใจยาก หรือจงใจยัดเยียดว่า 'ดูสิว่าคนแบบพวกเราก็เป็นส่วนหนึ่งในสังคมนะ' แต่ในหนังเรื่องนี้ไม่ใช่แบบนั้น สิ่งที่หนังบอกคือ นี่แหละคือความเป็นจริงที่ไม่ไกลจากโลกความเป็นจริงที่เราอาศัย และผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่น่าตื่นเต้นจริงๆ
มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ได้เห็นความหลากหลายของผู้คนในหนัง ทั้งในเรื่องเพศ เพศวิถี และเชื้อชาติ ทั้งในจอและหลังกล้อง และทั้งหมดนี้ทำให้รู้สึกได้ถึงความตั้งใจอย่างมากของทีมงาน และเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากที่ได้รู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้กำลังจะเข้าถึงผู้ชมจำนวนมากขนาดไหน ผมหวังว่าหลังจากดูภาพยนตร์เรื่องนี้จบแล้ว ผู้ชมจะกลับไปพร้อมกับความรู้สึกที่เห็นอกเห็นใจคนที่ไม่เหมือนพวกเขา และเข้าใจมากขึ้นว่าตัวคุณมีบทบาทต่อชีวิตของผู้อื่นมากแค่ไหน หมายความว่าถ้าคุณไม่ได้รู้สึกอินไปกับตัวละคร ก็น่าจะมีใครบางคนในชีวิตของคุณที่รู้สึก และภาพยนตร์เรื่องนี้จะดึงความมีเมตตาของคุณออกมา รวมถึงความเข้าใจในความสัมพันธ์ของคุณมากขึ้นด้วย โดยรวมแล้ว ผมหวังว่าผู้ชมจะเข้าใจว่าหนังเรื่องนี้มันก็คือเรื่องราวความรักทั่วไปที่มีความหักมุมซึ่งก้าวข้ามเส้นแบ่งเรื่องเพศเท่านั้นเอง
นิโคลัส: อุตสาหกรรมบันเทิงมีความเคลื่อนไหวและก้าวหน้าขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และผมคิดว่ามันจะทำให้การได้เห็นเรื่องราวเหล่านี้บนหน้าจอเรื่องปกติ หนังเรื่องนี้เป็นหนังคุณภาพเยี่ยมและเข้าถึงแก่นแท้ของอารมณ์ มันมีองค์ประกอบเด่นๆ ของหนังโรแมนติกคอมเมดี้ที่เรารู้จักและชื่นชอบ ผมหวังว่าคนจะได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้และเห็นภาพแทนของตัวเองในเรื่อง หรือรู้สึกว่าเรื่องราวในภาพยนตร์มันเชื่อมโยงกับพวกเขา เราใส่ความรักและฉากที่จะถูกใจแฟนๆ เข้าไปในภาพยนตร์เยอะมาก ผมคิดว่ามันเป็นหนังเต็มไปด้วยเรื่องราวของความสุขและหวังว่าผู้ชมจะรู้สึกอย่างนั้นเมื่อพวกเขาได้ดูหนังเรื่องนี้ครับ
คุณกำลังดู: คุยกับ เทย์เลอร์ ซาคาร์ เปเรซ - นิโคลัส กาลิตซีน จากหนังดัง Red, White & Royal Blue
หมวดหมู่: หนัง-ละคร