ใกล้แซยิด "อี๊ด ฟลาย" แก่ตามวัยไฟร็อคยังเต็ม "ไม่ทำลายตัวเองบินได้นาน"
อี๊ด ฟลาย ใกล้แซยิดแต่ไฟร็อคยังเต็ม โชว์พลังบนเวทีคอนเสิร์ตเป็นชั่วโมงได้สบาย ปล่อยเพลงต่อเนื่อง เผยสิ่งที่เชื่อว่าทำให้ประสบความสำเร็จเป็นนักร้องมีชื่อเสียง ให้แนวคิดศิลปินรุ่นหลังดังแล้วไม่ทำลายตัวเองบินได้นาน
สำราญ ช่วยจำแนก หรือ อี๊ด ฟลาย ศิลปินร็อคชื่อดังระดับตำนาน เปิดบ้านให้สัมภาษณ์ทีมข่าว Sanook.com เชื่อว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จ มีแฟนเพลงรู้จักอย่างกว้างขวาง และเหนียวแน่น เพราะน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ทรงผมและบุคลิกภาพเฉพาะตัวเป็นจุดจำ
เขาเล่าก่อนเป็น "อี๊ด ฟลาย" พื้นเพเป็นชาวจังหวัดปัตตานี โตมากับไร่นา และสวนยางพารา หลงรักเสียงเพลงทุกแนว ลูกทุ่ง ลูกกรุง สตริง และสากล จากการฟังวิทยุ ช่วงเข้าเรียนที่วิทยาลัยเทคนิคยะลา มีความคิด "อยากเป็นนักร้องนักดนตรีอาชี" จึงชักชวนเพื่อนรุ่นเดียวกันมาตั้งวงเล่นดนตรี ก่อนขยับขยายไปเล่นกับรุ่นพี่ ที่เดินสายเล่นดนตรีในผับบาร์ และโรงแรมชั้นนำ ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก่อนได้รับการชักชวนจากรุ่นพี่ไปเดินสายเล่นดนตรีในภาคอีสาน
"พี่เขามาชวน ถามว่าไปไหม ไปครับ ทิ้งการเรียนปีสุดท้ายเลย ปวช.ปี 3 ไม่ได้บอกที่บ้านเลย ไปเล่นดนตรีที่นครพนม ที่ขอนแก่น 3 ปีที่หายไปพ่อแม่ตามหานะครับ"
"มันเป็นแผลในใจมาถึงทุกวันนี้ แต่ก็บอกพ่อแม่ไปแล้ว ขอโทษท่านไปแล้ว พราะเราเป็นวัยรุ่น เราไม่ได้คิดว่า ความหวง ความรัก ที่พ่อแม่มีเนี่ยมันขนาดไหน แต่เราจะไปที่ ที่เราอยากไปอย่างเดียวเลย จนเราไม่ได้คิดว่าความรู้สึกเขาเหล่านั้นเป็นยังไง"
ก่อนได้เป็นศิลปินค่ายแกรมมี่ เขากับเพื่อนวง "เดอะฟลาย" ตระเวนเล่นดนตรีที่กรุงเทพฯ สลับกับเชียงใหม่ ร้องเพลงของศิลปินชื่อดังหลากหลายแนว เสิร์ฟความสุขนักท่องราตรี พอปรับมาโฟกัสเฉพาะแนวเพลงร็อค อัลเทอร์เนทีฟร็อค ที่เขาและผองเพื่อนชื่นชอบ ทำให้มีฐานแฟนๆ คอเดียวกันติดตามเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กระแสตอบรับไปเข้าหู "เต๋อ" เรวัติ พุทธินันทน์ นักร้อง นักแต่งเพลง ผู้ก่อตั้งแกรมมี่ ร่วมกับ ไพบูลย์ ดำรงชับธรรม จีบเป็นศิลปินใต้ชายคา
"สมัยนั้นตระเวนเล่นที่ หาดใหญ่ จันทบุรี ชลบุรี และก็กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ไปๆ กลับๆ จนมาเล่นที่ฮอลลีวูดผับ รัชดา ช่วงนั้นเพลงแนวอัลเทอร์เนทีฟร็อคกำลังมา พอคุยแนวทางทำงานกันเสร็จ พี่เต๋อบอกทำเลย ชื่อวงจากเดอะฟลายตัดเดอะออกเหลือแค่ฟลาย"
"ได้ยินจากปากของพี่ๆ ที่พี่เต๋อพูดว่า พี่เต๋ออยากให้โอกาสวงดนตรีที่อยู่ตามภูธร ที่เป็นนักดนตรีแบบมืออาชีพจริงๆ ได้มีผลงาน เพราะว่าคนเหล่านี้มีประสบการณ์พอสมควรแล้ว ขาดแค่โอกาส"
"วงแรกเลยนะครับก็คือ วายน็อตเซเว่น และประสบความสำเร็จขายเป็นล้านตลับ และวงที่สองก็คือ วงฟลาย เพลงชาวนากับงูเห่าขึ้นอันดับ 1 อยู่หลายอาทิตย์มาก งานเยอะมากในหนึ่งปีทัวร์คอนเสิร์ตเกินร้อย ไปที่ไหนได้ยิน ตลอดเวลา"
อี๊ด ฟลาย บอกต่อ สำหรับเขา สิ่งสำคัญที่ส่งเสริมให้ศิลปินมีแฟนเพลงยอมรับ และติดตามผลงานจำนวนมากอย่างเหนียวแน่น "เอกลักษณ์สำคัญกว่าความไพเราะของเสียง"
เขาขยายความว่า "ผมเนี่ยเป็นคนที่ร้องเพลงก็อปปี้เพลง มาหลากหลายมาก ไม่มีเสียงของตัวเอง เริ่มอัดเพลงใบไม้ เครียด เพราะว่ามันหาเสียงตัวเองไม่เจอ เริ่มใช้โน้ตเป็นสองโน้ต เหมือนใบไม้ ไม้"
"พออัดเสร็จแล้วมาฟังดู ผมก็รู้สึกว่าชอบ มันมีเทคนิคบางอย่าง ที่บอกว่าเป็นเรา ร่องนี้แหละ มันเป็นร่องของเรา ก็ตั้งแต่นั้นมา ผมก็เลือกช่องเสียงนั้นมาใช้ จนถึงทุกวันนี้
"ฟลายปล่อยเพลงแรก คือ เพลง "บิน"
นั่งฟังอยู่ในรถ น้ำตาซึมอันนี้เพลงเรา อันนี้มันเสียงเรา
จุดดึงดูดของการถ่ายทอด ในการเป็นนักร้อง
ผมว่ามันไม่ได้อยู่ที่ความไพเราะของเสียง มันอยู่ที่แนวทางของเสียง
ที่เป็นเอกลักษณ์มากกว่า"
"เรารู้จักวงนี้ จนวงนี้มีอายุมาก จนลาลับจากโลกนี้ไป
สิ่งที่เขาทิ้งไว้ มันก็อยู่ในความรู้สึกเราว่า เมื่อเราได้ยินเพลงนี้
วงนี้แน่นอน คุณชอบในการร้องเพลง คุณหาแนวทางของเสียงของตัวเอง"
"ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเลียนแบบ ของพี่คนนั้นว่าเขาร้องเพราะ เราอยากให้เป็นเสียงแบบเขา เขาเป็นคนนั้นไปแล้ว เราจะไปเหมือนกันอีก เราก็จะไม่มีตัวตนของเรา"
ศิลปินร็อคระดับตำนาน เคยออกอัลบั้มนอกรอบพลิกจากร็อคมาร้องลูกทุ่ง บอกอีกว่า นอกจาก ความเป็นตัวตนของเสียงแล้ว ร่างกาย หรือ รูปแบบ หรือ คาแรคเตอร์ ที่มีจุดจำมีส่วนช่วยส่งเสริมให้ประสบความสำเร็จ
"ผมว่าเป็นของคู่กันนะครับ ต้องมีคาแรคเตอร์ เมื่อก่อนไม่ได้ผมทรงนี้ พอมันบาง ความเชื่อมั่นในตัวเองมันก็ขาดหายไปนะ ใช้หมวกไหมพรมบ้างอะไรบ้าง พี่ ต่อ แสนคม (แสนคม สมคิด อดีต กก.ผจก.ค่ายอัพจี ในเครือแกรมมี่ ) บอกว่าอี๊ดโกนไหม โกนเลย"
"เราไม่ได้มองไปทางหล่อ เราพร้อมอยู่แล้วที่จะมองไปในทาง
ที่เป็นแบบ เป็นอะไรที่พวกร็อคชอบ มันเกิดขึ้นพร้อมๆ
กันทั้งทรงผมและก็แว่นตาดำ ผมเป็นคนตาหวานนะครับ ตาหวาน
เวลามันถ่ายทอดออกมา มันยังไม่แข็งแรงพอ
พี่ต่อบอกว่าอี๊ดใส่แว่นดูซิ พอใส่ไปแล้วเจอกับเพลงร็อคที่มันหนักๆ
มันก็ดูดเข้ามาหากันได้เลย"
"หลายคนบอกชอบท่าเต้น พี่อี๊ดเต้นให้ดูหน่อย จริงๆ แล้ว จริงๆ มันไม่ใช่ท่าเต้น ถ้าเต้นมันก็เป็นจังหวะเป็นแดนซ์ แต่มันเป็นท่าทางมากกว่า ท่าทางที่หลายๆ คนจำได้"
ในช่วงที่พีคสุดๆ อี๊ด ฟลาย เป็นศิลปินอีกคนหนึ่ง ที่บรรดานักแสดงตลก นำลีลาทางท่าการแสดงประกอบการร้องเพลงไปล้อเลียน เป็นมุกเรียกแขกในคาเฟ่ รวมทั้งเรียกเสียงหัวเราะในรายการโทรทัศน์ต่างๆ
อี๊ด ฟลาย บอกว่า เขาไม่เคยมีความรู้สึกโกรธเคือง หรือ ไม่พอใจ ตรงกันข้ามกับรู้สึกดีใจ ที่นักแสดงตลกช่วยโปรโมทเขาให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง อีกทั้งยังรู้สึกดี ที่เอกลักษณ์ของเขา สามารถสร้างงานให้กับหลายๆ ชีวิต มีรายได้นำไปเลี้ยงดูครอบครัว
"ที่ตลกเอาไปก็อปปี้ล้อเลียน ไม่ได้คิดเลยว่า โห ไปทำอย่างนี้กูเสียภาพหรือเปล่า ไม่คิดเลยนะครับ รู้สึกดีด้วยนะครับว่า มันสามารถที่จะต่อยอดเขา ให้เขาได้มีอาชีพเลี้ยงครอบครัวเขาได้ด้วย โดยเอาตัวเราเป็นแม่แบบ มันเหมือนย้อนไปที่ตัวเรา สมัยที่หาตัวตนยังไม่เจอ เราก็ร้องเพลงคนอื่น ก็อปปี้เสียงศิลปินที่เขาดังแล้วมาก่อน"
ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ อี๊ด ฟลาย บอกด้วยว่า นับตั้งแต่ตอกบัตรเป็นนักร้องอาชีพจนถึงปัจจุบันนี้ เขาอยู่ในวงการเพลงมากว่า 30 ปี แล้ว ในวัยใกล้ 60 ปี หรือ "แซยิด" รูปลักษณ์ภายนอกมีความเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ไฟในการทำงานยังมีอยู่เต็มเปี่ยม หรือเรียกว่า "แก่ตามวัยแต่ไฟร็อคยังเต็ม"
นอกจากงานคอนเสิร์ตที่ยังมีเข้ามาต่อเนื่อง ล่าสุด ได้ปล่อยเพลง "นางฟ้ากับควาย" เป็นหนึ่งในผลงานที่อยู่ในโปรเจกต์ "แลกกันร็อค" สร้างสรรค์ตามแนวความคิดของ ต่อ แสนคม ซึ่งนับว่าเป็นบุคคลหนึ่งที่มีส่วนในการสร้าง นักร้องภูธรในอดีตให้เป็นอดีต ให้เป็นอี๊ด ฟลาย มีชื่อเสียงโด่งดัง ได้รับเกียรติยกย่องจากสื่อมวลชนว่าเป็นตำนานร็อค
"ผมยังทัวร์คอนเสิร์ต และร้องเพลงเป็นชั่วโมงๆ ได้ ล่าสุดมีงานพิเศษครับ คือ แลกกันร็อค เอาเพลงของพี่ กบ แท็กซี่ คือเพลง "นางฟ้ากับควาย" มาเรียบเรียง เป็นคัฟเวอร์เป็นเวอร์ชั่น อีกเวอร์ชั่นหนึ่ง พี่กบก็จะร้องเพลงของผม"
ช่วงท้ายการให้สัมภาษณ์ อี๊ด ฟลาย บอกอีกว่า กว่า 30 ปี ในวงการเพลง เขายังได้รับความรักความเมตตาจากแฟนเพลง สื่อมวลชน และผู้จัดรายการต่างๆ ทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุ รวมถึงสื่อโซเชียล เชื่อว่า ส่วนหนึ่งมาจากการวางตัว และปฏิบัติตัวตามความเชื่อของเขา เมื่อมีชื่อเสียงแล้ว ต้องไม่ทำลายตัวเอง"อย่าเผลอคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ ใครๆ ต้องแคร์"ทำให้บินได้นาน
"จะ 30 ปี แล้ว ที่เข้ามาอยู่ในวงการที่ให้หลายๆ คนรู้จัก ทำไมผมถึงยังมีงานไปเล่นคอนเสิร์ตอยู่ ไปในรายการต่างๆ ในส่วนตัวของผมเองนะครับ เราสร้างตัวเองได้ เราทำลายตัวเองได้ เราอย่าเผลอคิด เมื่อเรามีชื่อเสียงแล้วเนี่ย ทุกคนต้องแคร์เราทั้งหมด ฉันอยากได้อะไรต้องทำให้ฉัน"
"เมื่อเราคิดว่า เราตัวใหญ่เนี่ย ผมว่าสิ่งที่เราแสดงออก มันจะเป็นอีกแบบหนึ่ง ความคิดเป็นอย่างไร กริยาอาการของท่วงท่าทางต่างๆ ที่เราแสดงออกมันจะเป็นแบบนั้น อันนี้เป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้สิ่งที่เราสร้างมา เราสามารถลบด้วยตัวเราเองได้"
"แล้วก็ในเรื่องของงาน คุณภาพต้องมีอยู่เสมอ ถึงอาจจะลดหลั่นลงไปบ้างตามอายุ ผมยังตั้งไว้ในใจเสมอว่า ความสุขที่เราจะยื่นให้เขาเนี่ย มันต้องเต็มที่เท่าที่เราสามารถจะทำได้ ซึ่งผมไม่เคยคิดว่าผมร้องแค่นี้ก็พอ การมีชื่อเสียงอาจเป็นส่วนหนึ่งจากตัวผมเอง แต่ส่วนสำคัญผมว่าเป็นส่วนที่มาจากผู้คนที่ให้การต้อนรับเรา คนฟังเพลงทุกคน"
"ถ้าผมขึ้นบนเวทีแล้ว เท่าไรที่สามารถทำให้เขามีความสุขกับสิ่งที่เราทำ ผมยังทำอยู่จนถึงทุกวันนี้ บางทีพอมีชื่อเสียง แล้วเราคิดว่า เวลาต่างๆ เนี่ย มันต้องตีกลับเป็นเงินทั้งหมด เพราะฉันมีค่า ตัวฉันมีค่า แต่ผมว่ามันไม่เสมอไป"
คุณกำลังดู: ใกล้แซยิด "อี๊ด ฟลาย" แก่ตามวัยไฟร็อคยังเต็ม "ไม่ทำลายตัวเองบินได้นาน"
หมวดหมู่: เพลง