ไม่ยึดติดตำแหน่ง! "บิ๊กอ๊อด" พร้อมเชิญคนมีความรู้ร่วมพัฒนาวงการฟุตบอลไทย
พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ
เปิดเผยถึงเรื่องการลงสมัครรับเลือกตั้งนายกสมาคมฯ หลังจากหมดวาระ ว่า
"ณ เวลานี้ยังคงไม่มีความคิดที่จะลงสมัคร และไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน
โดยภารกิจด่วนและสำคัญในตอนนี้คือการประคับประคองและทำอย่างไรให้ฟุตบอลไทยเดินหน้าต่อไปได้"
"ภารกิจด่วนและสำคัญในตอนนี้คือการประคับประคองและทำอย่างไรให้ฟุตบอลไทยเดินหน้าต่อไปได้
ตอนนี้เราต้องพยายามสนับสนุนสโมสรให้มากที่สุด
ทำให้วงการฟุตบอลดำเนินงานไปได้ในทุกๆ องค์ประกอบ
ประกอบกับช่วงที่ยากลำบากนี้ให้ได้ เพราะเชื่อมั่นว่าถ้าสโมสรแข็งแรง
ฟุตบอลไทยลีกเจริญขึ้น
ก็จะเป็นผลพวงทำให้ผลงานของทีมชาติดีขึ้นด้วย"
"ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าพฤติกรรมการชมและดูคอนเทนต์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป
ซึ่งก็จะเกี่ยวข้องกับความคุ้มค่า คุ้มทุน
ของผู้ถือลิขสิทธิ์ที่จะไปต่อยอดหารายได้
เราเองก็ต้องการสนับสนุนสโมสรให้มากที่สุด
ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากมีข้อจำกัดมากมาย
แต่ก็ต้องช่วยกันทุกภาคส่วนเพื่อให้วงการฟุตบอลไทยให้เดินไปได้"
"อีกภารกิจที่สำคัญ คือ การติดตามผลการดำเนินงานโครงการต่างๆ
ที่ทำร่วมกับเอเอฟซี และฟีฟ่า ล่าสุด ฟีฟ่า ประกาศยืนยันให้ ประเทศไทย
ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี FIFA Congress ครั้งที่
74 โดยจะมี ประธานฟีฟ่า พร้อมด้วยอดีตนักฟุตบอลระดับโลก (FIFA
LEGEND) และผู้แทนจาก 211 ประเทศเข้าร่วม บุคคลสำคัญๆ ในวงการฟุตบอล
จะเดินทางเข้ามาหลายพันคน ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2567
ตรงนี้เราต้องเตรียมความพร้อมให้ดีเพราะถือเป็นหน้าเป็นตาของประเทศไทย”
“การประชุมจะจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)
และโรงแรมโดยรอบ ตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จะถูกใช้งานพร้อมๆ กัน
รวมถึงการแสดงศิลปวัฒนธรรมประเพณีไทย อาหาร
กิจกรรมที่ผู้เข้าร่วมจะได้สัมผัส
เชื่อว่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในหลายๆ มิติ "
“เรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ สมาคมฯ
กำลังดำเนินการส่งเรื่องของบประมาณสนับสนุนในการสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลครบวงจร
ที่หัวหิน โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของฟีฟ่า
ก็ขอให้เราทำสำเร็จเหมือนกับการก่อสร้างที่ทำการสมาคมแห่งใหม่
ซึ่งดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว"
"สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ
เมื่อฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นกีฬามหาชนอันดับหนึ่งของคนไทย
วงการฟุตบอลไทยจึงมีผู้ที่มาจากหลากหลายที่มาที่ไป
และไม่สามารถหลีกเลี่ยงการแทรกแซงทั้งทางตรงและทางอ้อม จากระบบราชการ
จากทุกขั้วอำนาจ โดยการใช้วงการฟุตบอลไทยเป็นสนามต่อสู้
ต่อรองเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะเรื่องการเมือง ธุรกิจ
หรือแม้แต่เรื่องส่วนตัว ทั้งที่จริงๆ
แล้วกีฬาฟุตบอลควรจะดำเนินงานได้โดยปราศจากการแทรกแซงจากบุคคลหรือองค์กรภายนอก
ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อการพัฒนาฟุตบอลโดยรวม"
"จากประสบการณ์การทำงานหลายปี ในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย
ในพระบรมราชูประถัมภ์ มีความตั้งใจ ทุ่มเท เสียสละ กำลังกาย
กำลังทรัพย์ส่วนตัว
เพื่อที่จะวางรากฐานสิ่งที่มีความสำคัญสำหรับการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย
ให้มั่นคงและยั่งยืนอย่างแท้จริง แม้นอายุสมาคมจะผ่านพ้นมากว่า 100
ปีแล้ว ก็ไม่เคยมีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาก่อนเลย อีกทั้งตระหนักดีว่า
วงการฟุตบอลไทยคือพื้นที่แห่งความขัดแย้ง แบ่งขั้ว แบ่งค่าย
แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แย่งชิงความได้เปรียบ เพื่อผลการแข่งขันฟุตบอล
การเมือง ธุรกิจ ผลประโยชน์ทางการค้าและอื่นๆ ผมเชื่อว่ายังมีคนดีๆ
ที่มีศักยภาพอีกหลายท่านที่อยากจะอาสาเข้ามาช่วยกันพัฒนาวงการฟุตบอลไทย
แต่เมื่อเจอกับสิ่งเหล่านี้หลายท่านก็ถอดใจ
เพราะไม่อยากเข้ามาให้เปลืองตัว และมีศัตรู”
"ผมยืนยันว่าไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง และเชิญชวนผู้ที่มีความรู้
มีศักยภาพ เสียสละเข้ามาช่วยกันบริหาร และพัฒนาวงการฟุตบอลไทย กันมากๆ
ส่วนผมเองยังคงไม่คิดเรื่องลงสมัครรับเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล
โดยขอโฟกัสทำงานเพื่อวางรากฐานให้ฟุตบอลไทยเข้มแข็ง แก้ไขปัญหาต่างๆ
ในช่วงเวลาที่เหลือ
เพื่อวันข้างหน้าคนที่เข้ามาจะได้สานงานต่อได้ทันที
และยืนยันว่ายินดีสนับสนุนผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีความตั้งใจ
และมีศักยภาพพร้อมที่จะเข้ามาสานงานบริหารฟุตบอลไทย"
"สิ่งต่างๆ ที่ผมและคณะผู้บริหารสมาคมฯ
ร่วมกันวางระบบไว้เชื่อว่าในวันข้างหน้า
ผู้ที่เข้ามาจะสามารถทำงานสานต่อเพื่อยกระดับและพัฒนาฟุตบอลไทยได้ทันที
ไม่ว่าจะเป็น ที่ทำการสมาคมแห่งใหม่ อาคาร HOUSE OF THAI FOOTBALL,
การปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็นมาตรฐานสากล ทำงานเป็นฝ่ายแยกชัดเจน
พร้อมบุคลากรที่มีความรู้ในแต่ละด้าน"
"การนำคลับไลเซนซิงมาบังคับใช้อย่างเคร่งครัด ปัจจุบันไทยลีก
เป็นลีกอันดับ 8 ของเอเชีย และอันดับ 4 ของฝั่งเอเชียตะวันออก,
โครงการอบรมผู้ฝึกสอน ระดับไลเซนส์ต่างๆ
จนปัจจุบันมีโค้ชที่ได้รับการรับรองมากกว่า 4,000 คน ในช่วง 7
ปีที่ผ่านมา"
"การพัฒนาผู้ตัดสินให้ขึ้นระดับ Elite
และส่งทำหน้าที่ในรายการระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง
ส่วนในฟุตบอลลีกอาชีพมีการอบรม กติกาให้ความรู้ผู้ตัดสินทุกสัปดาห์
และนำเทคโนโลยี VAR
เข้ามาช่วยตัดสินเพื่อลดความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น"
"นำเทคโนโลยีในการจัดการแข่งขัน ลงทะเบียน เก็บสถิติ
เป็นแพลตฟอร์มที่ได้ใช้งานเชื่อมต่อข้อมูลกับฟีฟ่า
และบริหารจัดการการแข่งขันไทยลีก และหลักสูตรฝึกอบรมต่าง , โครงการ
Grow Together ที่ทำร่วมกับฟีฟ่า
เพื่อการพัฒนาฟุตบอลเยาวชนทั่วประเทศ,สร้างศูนย์ฝึกขนาดย่อม 2
สนามหญ้าจริง, 1 หญ้าเทียม และ 1 mini pitch) ที่ร่วมกับ
มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี จนสามารถจัดงานฟุตบอลเยาวชน
ลีกฟุตบอลหญิง อบรมโค้ช และผู้ตัดสินในระดับต่างๆได้ ขณะที่
ศูนย์ฝึกฟุตบอลที่หัวหิน ที่กำลังเสนอโครงการต่อฟีฟ่า
หากทำได้สำเร็จเราจะมีศูนย์ฝึกแห่งแรกของประเทศไทยเสียที
เพื่อเป็นหน้าตา ความภาคภูมิใจของคนไทย
และเป็นรากฐานที่เข้มแข็งให้ฟุตบอลไทยได้ในอนาคตต่อไป"
คุณกำลังดู: ไม่ยึดติดตำแหน่ง! "บิ๊กอ๊อด" พร้อมเชิญคนมีความรู้ร่วมพัฒนาวงการฟุตบอลไทย
หมวดหมู่: ฟุตบอลไทย