เปิด 3 ตำนานลึกลับ พามูตามรอยเรื่องเล่า

เปิด 3 ตำนานลึกลับ พามูตามรอยเรื่องเล่า

เปิด 3 ตำนานลึกลับ มูตามรอยเรื่องเล่า

1. ถ้ำพญานาค (ปู่อนันตนาคราช) จ.มุกดาหาร ใต้สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 2

สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ 2543 และเปิดให้ใช้ พ.ศ 2549 ในระหว่างการก่อสร้างนั้นได้เกิดเรื่องราวมากมายจนกลายเป็นตำนานความเชื่อของคนที่นั่น คนงานได้อกสั่นขวัญผวาตั้งแต่ก่อนสร้างเลย วิศวกรชาวญี่ปุ่นสร้างออฟฟิศให้กับคนงานได้อาศัย คืนแรกคนงาน 1 ในนั้นก็ผูกคอตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ต่อมามีคนงานตกนั่งร้านลงมาตาย, คนงานตกน้ำตายตอนที่นั่งเรือออกไปดูตอม่อ เพียงแค่ชะโงกเอาน้ำล้างหน้าก็ตกลงไป นอกจากนี้ ก่อนเริ่มสร้างก็มีเด็กอายุ 5 ขวบ นิมิตฝันว่าปู่อนันตนาคราชได้มาบอกว่าไม่ให้สร้างสะพานที่จุดนี้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดเหตุร้ายแต่วิศวกรญี่ปุ่นไม่เชื่อเพราะคิดว่าเป็นคำพูดเด็กและความเชื่อที่งมงาย จึงเริ่มที่ขุดต้นโพธิ์ออกเพื่อจะเทปูนสร้างเสาตอม่อ (ตำแหน่งริมตลิ่ง ที่ปัจจุบันคือระหว่างเสาต้นแรกและต้นที่2) แต่วิศกรต้องประหลาดใจ เทปูนเท่าไหร่ก็ไม่เต็มสักที ตอนนั้นวิศกรชาวไทยในพื้นที่เห็นพระธุดงค์จึงขอท่านมาช่วยจุดธูปเพื่อบอกกล่าว แต่พระรูปนี้กลับบอกให้หญิงทรงผู้หนึ่งเป็นผู้จุดธูปสื่อสาร (จุดเริ่มต้นจริงๆ ของความเหลือเชื่อ) ร่างทรงผู้นี้(ขอสงวนชื่อไว้)ช่วยให้การก่อสร้างดำเนินต่อไปได้ แต่ไม่ง่ายแบบที่คิด เพราะจากที่สื่อกับองค์พญานาค ท่านเตือนแล้วว่าไม่ให้สร้างสะพานในตำแหน่งนี้ที่เป็นถ้ำของท่าน เมื่อเตือนแล้วไม่ฟัง เหตุร้ายจึงวิบัติขึ้น

เมื่อได้มีคนงานทยอยเสียชีวิต ต่อมาก็เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้นอีก จู่ๆ ระหว่างก่อสร้างเสาเข็มต้นที่ 11 การตอกเสาเข็มไม่ว่าจะตอกยังไงก็ไม่ลง ถึงกับต้องใช้สว่านนำร่อง เจาะลงได้จนจนหัวสว่านหัก แต่หัวเจาะมันแพงก็ต้องจ้างนักประดาน้ำลงไปดูเพื่อจะเอาหัวเจาะขึ้นมา แต่เมื่อนักประดาน้ำดำน้ำลงไปหาหัวขุดเจาะ ก็ได้พบกับเรื่องสุดสะพรึง คือเห็นดวงตาแดงก่ำเป็นคู่ๆ กำลังจ้องมองมาที่เขา ไม่ต้องสืบ ถึงเป็นใครก็ต้องรีบเผ่นขึ้นมา นักประดาน้ำชาวญี่ปุ่นเก็บข้าวของกลับประเทศไปเลยโดยไม่เอาค่าจ้างสักบาท ต่อมาวิศวกรก็ยังจะดื้อเทปูนลงไปที่เจาะทิ้งไว้นั้นอีก เจาะเท่าไรได้เท่านั้น และเทปูนเท่าไรก็ไม่มีทางเต็มสักที (11 คันรถบรรทุกเลยนะ) รอบนี้ก็ต้องอาศัยนักประดาน้ำอีก ลงไปแล้วเจอทั้งตัวไม่ใช่แค่ดวงตา เลื้อยไปเลื้อยมาจนทำให้นักประดาน้ำรีบขึ้นมาแล้วเก็บข้าวของกลับไปทันที

การสร้างสะพานยังคงดำเนินต่อไปจนถึงวันเข้าพรรษา ยามที่เฝ้าไซต์ก่อสร้างได้ฝันว่ามีชายแก่ชุดขาวมาบอกว่า วันพรุ่งนี้จะเป็นวันเข้าพรรษาให้ยามช่วยบอกหัวหน้าว่า ขอหยุดงาน 1 วันให้พวกเขาได้สวดมนต์เข้าพรรษากัน แต่วิศวกรญี่ปุ่นนั้นไม่ยอมหยุดตามที่ขอเพราะเห็นว่าไร้สาระ เช้าวันรุ่งขึ้น(วันเข้าพรรษา) วิศวกรชาวญี่ปุ่น 3 คนได้ลงเรือไปดูงานการวางคานสะพานด้วยตัวเอง ในขณะที่คนงานกำลังบังคับเครนเพื่อยกคานไปวางนั้น ก็เกิดเหตุโศกนาฏกรรมขึ้น เครนที่ถล่มหักออกเป็น 3 ท่อนและลวดสลิงขาดเหวี่ยงไปฟาดร่างของวิศวกรชาวญี่ปุ่นวัย 45 ปีขาดเป็น 2 ท่อนต่อหน้าวิศวกรชาวไทย(คนในพื้นที่) เหตุการณ์ครั้งนี้มีคนเสียชีวิตรวม 10 คน ทั้งวิศวกรชาวญี่ปุ่น 3 คน คนงานชาวไทย 3 ชาวลาว 3 ชาวฟิลิปปินส์ 1 คน (รวมคนที่จมลงไปในน้ำแล้วนำศพขึ้นมาไม่ได้เพราะร่างติดที่เสาปูนใต้แม่น้ำโขง) ยังไม่นับคนที่บาดเจ็บสาหัส ซึ่งการสร้างสะพานจึงต้องหยุดลงพร้อมมีการบวชกันเงียบๆ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครแตะต้องหรือทำการสร้างต่อเลย จึงเป็นเหตุให้มีการทำพิธีตั้งศาลพญานาค และเสามเหสักข์หลักเมืองเพื่อให้องค์ปู่อนันตนาคราชพันเสาหลักนี้ไว้ และ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุกดาหาร พญานาคมี 3 องค์ องค์สีแดงคือนาคแดง อีกองค์ที่เลื้อนพันเสาขดลงมามองคนที่พื้นคือองค์เสสะนาคราช องค์สีเขียวคือปู่อนันตนาคราช โดยสถานที่นี้ถูกสร้างเพื่อเปิด 3 ภพ นาคสวรรค์ นาคพิภพ และนาคบาดาล นาคทั้ง 3 ภพจะสามารถขึ้นลงได้ตลอดเวลา หากองค์ใดขึ้นมาสถิตย์ ณ ศาลก็จะได้พบกับผู้ที่มาสักการะตามบุญสัมพันธ์ ทั้งนี้สิ่งที่เล่ามาทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ

2. หลวงปู่ศิลา สิริจันโท เกจิดัง ผู้ทรงอภิญญาอาคมและญาณหยั่งรู้

หลวงปู่พระมหาศิลา สิริจันโท มีนามเดิมคือ ศิลา นิลจันทร์ เกิดเมื่อ 14 ตุลาคม 2488 บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 15 ปี ณ วัดท่าประดับ อุปสมบทเสังกัดมหานิกาย เมื่อ พ.ศ 2509 ที่ จ.ร้อยเอ็ด สอบได้นักธรรมชั้นเอกและเปรียญธรรม 6 ประโยค รับพัดเปรียญกับ ร.9 เมื่อปีพ.ศ 2515 รับหน้าที่เป็นพระอาจารย์สอน ที่วัดนิคมคณาราม จ.ร้อยเอ็ด

เมื่อแตกฉานด้านปริยัติ ได้ออกจารึกแสวงบุญปลีกวิเวกไปหลายจังหวัด (อุดรธานี หนองคาย ชัยภูมิ) และเดินธุดงค์ป่าภูเขาไปถึงประเทศลาว ร่ำเรียนวิปัสสนา ศึกษาตำราลาวและใบลานอีสานได้อย่างแตกฉาน แถมศึกษาคัมภีร์ใบลานสายสมเด็จลุน ด้วยบารมีญาณ สามารถหยั่งรู้อย่างน่าอัศจรรย์ จนถึงขั้นเข้าใจภาษาสัตว์ต่างๆ มีความเมตตาต่อหมาแมว ท่านหนีความวุ่นวายมาอยู่ที่ป่าช้าร้าง ในปี พ.ศ 2562 ได้เกิดเหตุไม่คาดคิด เมื่อชาวบ้านได้รวมกับตัวขับไล่ท่านเพราะชาวบ้านเข้าใจผิดคิดว่าท่านเป็นปอบ เพราะคนในหมู่บ้านตายโดยไม่ทราบสาเหตุ 2 ศพ การตายคล้ายกันคืออ้วกเป็นเลือด ชาวบ้านหลายคนเห็นหลวงปู่คลุกคลีกับหมาแมว เวลาฉันอาหารก็จะมีหมาแมวมาห้อมล้อม ไม่ยอมบิณฑบาต และมีรถเข้าออกเป็นประจำ จึงเชื่อว่ามีวิชาอาคมและของตีกลับทำให้เป็นปอบ ร้อนถึงเหล่าลูกศิษย์ ต้องมาอธิบายว่าท่านเป็นพระที่รักสันโดษไม่หวังลาภยศสรรเสริญ ไม่สนใจแนวลาบสักการะ ฉันมื้อเดียว เมตตาต่อทุกชีวิตเสมอภาค มีครั้งหนึ่งมีเศรษฐีที่ศรัทธาถวายเงินท่าน 300,000 บาท ท่านยังเผาทิ้ง กว่าลูกศิษย์จะทราบเรื่องก็เหลือแต่ขี้เถ้ากับเศษธนบัตรแล้ว ด้วยเพราะท่านหมดกิเลสแล้ว

เรื่องเล่าขานสุดเข้มขลังยังไม่หมด สมัยที่ท่านยังจำพรรษาอยู่ที่วัดสันติวิหารปีพ.ศ 2525 นั้น ท่านได้เลี้ยงสุนัขไว้ 1 ตัว สุนัขมักจะออกไปนอกวัด ไปไล่กัดเป็ดไก่ของชาวบ้าน แล้วก็โดนชาวบ้านทำร้ายหรือใช้หนังสติ๊ก/ปืนแก๊ปยิง พอหลวงพ่อรู้เช่นนั้นก็รู้สึกสงสารว่าจะถูกทำร้ายถึงตายเข้าสักวัน ท่านจึงไปหากระป๋องเปล่ามาตัดและตีให้แบนๆ เป็นแผ่นและเขียนอักขระเลขยันต์ พร้อมเสกคาถาที่ร่ำเรียนมาลงไปในแผ่นโลหะนั้น แล้วนำไปห้อยไว้ที่คอสุนัข วันรุ่งขึ้น สุนัขก็ได้วิ่งออกไปนอกวัด ไล่กัดเป็ดไก่อีก ซึ่งในขณะนั้นชาวบ้านก็ไม่รู้ว่าเป็นสุนัขที่ท่านเลี้ยงไว้ จึงได้ใช้ปืนแก๊ปยิงใส่ แต่บางครั้งก็ยิงไม่ออก ยิงออกก็ไม่โดน หรือโดนก็ไม่เข้า ทำงงกันไปเลย แต่พอรู้ทีหลังว่าสิ่งที่ห้อยคอสุนัขอยู่นั้นคือตะกรุดปลากระป๋องของพระมหาศิลา ก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก พอตั้งสติได้ก็มาทำการขอขมา พร้อมกับพูดว่า มีพระสงฆ์เพียงไม่กี่รูปที่สามารถกราบได้อย่างสนิทใจเทียบเท่าพระมหาศิลาฯ (ได้ไปกราบท่านสักครั้ง บุญวาสนาบารมีก็ติดตัวกลับมา ให้พลิกชีวิตบรรเจิดแล้ว)

3. ตาทอง งิ้วราย บนศาลาการเปรียญวัดสว่างอารมณ์

หุ่นขี้ผึ้ง “ตาทอง งิ้วราย” ที่วัดสว่างอารมณ์ แคแถว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นที่เลื่องลือเรื่องการให้โชคลาภ ชาวบ้านมาไหว้ขอโชคแล้วถูกหวยรวยปังกันเยอะมาก โดยเฉพาะช่วงวันใกล้หวยออก นักเสียงโชคจะแห่กันมาขอเลขเด็ดอย่างไม่ขาดสาย..

หลายคนสงสัยว่าตาทองงิ้วรายคือใคร ต้องเล่าย้อนไปเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2555 ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อแป๊ะเจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ไปที่ทางข้ามทางรถไฟที่ไม่มีที่กั้น เพื่อประกอบพิธีทำบุญใหญ่ให้วิญญาณที่ล่วงลับไปจากอุบัติเหตุรถไฟชนรถยนต์ฟอร์ดสีขาวทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 4 ศพ ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านก็พบเจอเหตุการณ์ขวัญผวา วิญญาณคนตายร้องโหยหวนขอความช่วยเหลือ ชาวบ้านเล่าว่ามีคนขับรถแท็กซี่รายหนึ่งขับผ่านตรงจุดนั้น เจอคนเรียกให้พาไปโรงพยาบาลแต่เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้ว หันไปเก็บค่าโดยสารก็พบแต่ความว่างเปล่า บางก็เล่าว่ารถสองแถวรับจ้างก็ยังเจอเด็กชายโบกเรียกให้ไปส่งที่บ้าน(แล้วที่จู่ๆ ก็หายไป) หลวงพ่อแป๊ะสวดส่ง และได้จัดทำหุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่าคนจริงนั่งบนเก้าอี้ ตั้งชื่อให้ว่า ตาทอง มานั่งที่โต๊ะบวงสรวงและอัญเชิญดวงวิญญาณทั้งสี่มาสถิตที่หุ่นขี้ผึ้งนี้ เพื่อไม่ให้มาหลอกหลอนชาวบ้านอีก แล้วยกตาทองมานั่งอยู่บนศาลาการเปรียญวัดสว่างอารมณ์ ผู้ที่มาบนขอโชคลาภจากตาทอง ส่วนใหญ่จะบนด้วยเสื้อผ้า นาฬิกา ผ้าขาวม้า บางคนให้สร้อยทองคำแท้ๆ เลยก็มี แสดงว่าน่าจะขอแล้วสำเร็จจริงจัง ถึงแม้หุ่นตาทองจะดูไม่น่ากลัวเท่าไร แต่เวลาหลวงพ่อแป๊ะให้ลูกศิษย์ขึ้นไปนอนเฝ้าบนศาลาก็ไม่เคยมีใครกล้าขึ้นไปนอนสักคน (ลองไปขอกันดูนะคะ เขาไปแก้บนกันแน่นศาลา บ่งบอกว่าผลเป็นอย่างไร คิดเอาเอง)

จบแล้ว 3 ที่ 3 แบบ ที่แอดตัวตอคัดสรรมาฝากให้ตามรอยไปมูกัน ขลังทุกแห่ง เด็ดทุกที่ จริงๆแอดยังมีอีกหลายแห่งนะคะ ถ้าอยากรู้ว่ามีที่ไหนอีก รอติดตามคอนเท้นต์ต่อๆ ไปได้เลย รับรองเด็ดไม่แพ้กัน

 

คุณกำลังดู: เปิด 3 ตำนานลึกลับ พามูตามรอยเรื่องเล่า

หมวดหมู่: ดูดวง

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด