เปิดใจแม่ "ธัญญ่า อาร์สยาม" ลูกเป็นนักร้องดัง ยังขายกล้วยทอด

ลูกเป็นนักร้องดัง แต่แม่ "ธัญญ่า อาร์สยาม" ยังตรากตรำขายกล้วยทอด แบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เจ้าตัวเผยอยู่เฉยไม่ได้ รู้สึกไร้ค่า เรี่ยวแรงยังดีออกมาช่วยกันทำมาหากินดีกว่า

เปิดใจแม่ "ธัญญ่า อาร์สยาม" ลูกเป็นนักร้องดัง ยังขายกล้วยทอด

สมหวังกับการผลักดันลูกสาวเป็นนักร้อง มีชื่อเสียงเป็นที่ลูกจักอย่างกว้างชวาง "ดารากร ทวินันท์" หรือ "แม่แหม่ม" แม่ของนักร้องสาวเสียงดี "ธัญญ่า อาร์สยาม" ไม่ยอมแต่งตัวสวยอยู่บ้านเฉยๆ ตามคำขอของลูกสาว ออกจากบ้านมาตรากตรำทำงาน ขายกล้วยทอด ที่วัดพุทธบูชา ย่านพระราม 2 แบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ทีมข่าว Sanook.com เดินทางไปสัมภาษณ์แม่นักร้องสาวเสียงดี ถึงร้าน เธอกำลังง่วนอยู่กับการทอดกล้วย อยู่หลังร้านที่มีเต้นท์ผ้าใบ ขนาบข้างด้วยร้านก๋วยเตี๋ยว และรถขายกาแฟโบราณ หน้าร้านมีตู้โชว์ กล้วยทอด มันทอด เผือกทอด และฟักทองทอด เหลืองสวยน่ารับประทาน ข้างตู้มีรูป ธัญญ่า อาร์สยาม พร้อมข้อความระบุชื่อร้านว่า "กล้วยทอดแม่ธัญญ่า"

แม่แหม่ม ขายของไปให้สัมภาษณ์ไปว่า เธอเป็นคนขยันทำมาหากินมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว สู้เพื่อลูกมาตลอด เวลาอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร รู้สึกว่าเป็นคนไม่มีค่า ไม่มีประโยชน์

หลังจากผลักดันลูกสาวจนได้เป็นนักร้อง มีชื่อเสียงโด่งดัง ลูกเห็นว่าแม่เหนื่อยลูกมามากแล้ว บอกว่าอยากให้อยู่บ้านเฉยๆ ให้ลูกได้เลี้ยงดูแม่บ้าง ทำตามคำขอของลูกสาวได้เพียงแค่ 2 ปี รู้สึกว่าอยู่ไม่ได้ ต้องหาอะไรทำ ประจวบเหมาะกับมีเพื่อนชักชวนให้มาลองขายกล้วยทอดที่งานวัดพุทธบูชา ขายไปขายมารู้สึกสนุก จึงขายต่อเนื่องมาจนถีงทุกวันนี้

"ตอนน้องเด็กๆ ก็ขายของนะ เช่าห้องเล็กๆ อยู่ในซอย แถวรามคำแหงเดินขายกล้วยฉาบถุงละ 10 บาท หวานเย็นถุงละ 2 บาท พอทะเลาะกับพ่อเขา ก็พาลูกหนี หนีกลับร้อยเอ็ด"

"ไปเรียนหมอลำซิ่ง แล้วก็ออกลำ แล้วก็ทำอาชีพเสริมคือ ขายของ เวลามีค่าสำหรับเรามาก ตื่นเช้ามาไปตลาด ทำของขาย ตอนเย็นไปร้องเพลง ช่วงเข้าพรรษาไม่มีงาน ก็ขายกล้วยทอด ขายผลไม้ ให้มันมีรายได้ เป็นค่านมให้ลูก"

"ธัญญ่า อาร์สยาม เนี่ย แม่ตั้งใจปั้นให้เขามาเป็นนักร้อง วางแปลนมาตั้งแต่เขาเด็กๆ เลย 10 ขวบ ทำอัลบั้มเพลงให้ชุดหนึ่ง 10 เพลงเลย ตอนนี้ แม่ไม่ก้าวก่ายงานลูกเลย"

"เขาจะมีทีมงานที่เป็นมืออาชีพกว่าเรา ที่เก่งกว่าเรา เราแค่คอยเป็นที่ปรึกษาให้เขาแค่นั้นพอ เขาก็อยากให้แม่อยู่แบบแต่งตัวสวยๆ พอเรามาอยู่เฉยๆ รู้สึกไม่มีค่าเลยอะไร อยู่ไม่ทำงาน รู้สึกแย่ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์มากๆ"

"พอลองมาขายดู มันก็โอเคนะ ขายไปขายมาสนุกดี ได้เงิน เห็นเงินทุกวัน กล้วยทอดจะขายดีมากๆ รองมาก็จะเป็นมัน และก็เผือก ฟักทอง บางวันก็ได้ 3 พันกว่าเกือบ 4 พัน บางวัน 2 พันกว่า"

แม่นักร้องสาวเสียงดี เล่าด้วยว่า เคยมีคนทัก เหมือนกันว่า มีลูกเป็นนักร้องมีชื่อเสียงแล้ว ยังออกมาตรากตรำทำงานข้างถนน ไม่กลัวลูกอายบ้างหรืออย่างไร หรือลูกอาจถูกนินทาว่าเลี้ยงดูแม่ไม่ดีได้ ส่วนตัวคิดว่า การที่คนเราขยันทำมาหากินไม่เห็นต้องอาย ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ทำอะไรได้ก็ควรทำ และการที่คนในครอบครัวช่วยกันทำมาหากิน มองว่าเป็นเรื่องที่ดี ดีกว่านั่งหายใจทิ้งไปวันๆ

"คือเราเป็นของเราอย่างนี้ใช่ไหม ถ้าเราไปเฟค ไปเฟคว่า เราเป็นแม่ดารา เป็นแม่ศิลปินดัง เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองนะ เราต้องทำอย่างนี้นะ อย่างนี้นะ มันเหมือนมันอึดอัด มันไม่เป็นตัวของตัวเอง เราเอาที่เราสบายใจดีกว่า เราอยากทำอะไรเราก็ทำ คือเราทำ คือเราก็ได้เงินเนาะ เรี่ยวแรงยังดีออกมาช่วยกันทำมาหากินดีกว่า เอาไว้หมดแรงแล้วค่อยอยู่บ้านให้ลูกเลี้ยง"

"ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ ทำอะไรก็ได้ที่ลงทุนน้อยที่สุด แล้วได้กำไร แฟนคลับเขาจะแบบ เขาจะแฮปปี้นะ เขาจะแฮปปี้กับเราว่า เออเราเป็นถึงแม่ดารา เรายังมาขายของ เรายังมาทำอย่างนี้ แต่เราน่ะไม่ได้คิดอย่างนั้น เราคิดแค่ว่าเมื่อก่อนฉันก็ทำ วันนี้ฉันจะมาทำอีกมันจะเป็นอะไร"

วันเดียวกัน ธัญญ่า อาร์สยาม ได้มาช่วยแม่ขายกล้วยทอดด้วย นอกเรียกแขกหน้าร้าน ยังยังใช้สื่อโซเชียลเป็นเครื่องมือเรียกแขกมาชิมกล้วยทอด ที่แม่ของเธอคิดค้นสูตรขึ้นมากับมือ

นักร้องสาววัย 25 ปี ให้บอกว่า แม่ค้าขายกล้วยทอด เป็นอาชีพดั้งเดิม ของแม่กับเธอ ตั้งแต่จำความได้ แม่คอยสอนเสมอให้รู้จักทำมาหากิน และอย่าอายที่จะทำมาหากิน

"หนูกับแม่เนี่ยจะมีอาชีพที่ขายของมา ตั้งแต่หนูจำความได้ หนูขายมาทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ ขายกับข้าวถุงตามตลาดนัด ขายเกี๊ยวทอด กล้วยทอด เร่ขายผลไม้ตามหมู่บ้าน เราก็เลยรู้สึกว่า การที่เราจะกลับไปอยู่ในจุดเดิม มันก็สามารถกลับไปทำได้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเงินที่ไม่ได้เยอะมาก แต่มันก็คือเงิน"

"ที่สำคัญมันก็คือความสุขของแม่ แม่สามารถมูฟออน จากคำว่าตัวเองไม่มีค่า เพราะเขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองนอนอยู่บ้านเฉยๆ จนเรารู้สึกว่า เขาจะเป็นซึมเศร้า เป็นโรคอะไรหรือเปล่า พอเขามีอะไรทำ เขาเริ่มดีขึ้น"

"เขาเริ่มรู้สึกว่า ชีวิตเขามีค่ามากขึ้น ได้หาเงินช่วยลูกนะ จริงๆ แม่ไม่ขายเนี่ย หนูก็ดูแลแม่ดีอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ นั่นแหละความเป็นคุณแม่ เขาเคยดูแลเรา เขาก็ยังอยากดูแลเราอยู่ ไม่ว่าเราจะโตขึ้นแค่ไหน เขาก็ยังอยากที่จะช่วยเราอยู่"

ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ธัญญ่า บอกทิ้งท้าย สำหรับเธอ มองว่าทุกอาชีพมีศักดิ์ศรี มีคุณค่า ดังนั้นเธอไม่เคยรู้สึกอายที่แม่กลับมาขายกล้วยทอด ตรงกันข้ามกับรู้สึกดี ที่เห็นแม่มีความสุขกับสิ่งที่ตั้งใจทำ และเมื่อว่างเว้นจากงานในวงการบันเทิง เธอก็ออกมาช่วยแม่ขายของอย่างมีความสุขเช่นกัน

"หนูอ่ะไม่ได้มีความอาย เลยเพราะว่ามันคืออาชีพ ทุกๆ อาชีพนะ ไม่ว่าจะเป็นแม่ค้า คนเก็บขยะ คนกวาดขยะ ทุกอย่างที่เป็นอาชีพ มันคือมีศักดิ์ศรีหมด พอหนูเป็นศิลปินแล้วเนี่ย เวลาหนูไปสถานบันเทิง หนูจะถือทิป แลกทิปไปเลย เพราะว่าหนูรู้เลยว่า การที่นักร้องได้ทิปจากคนดู มันมีค่ามาก"

"ตั้งแต่เด็ก แม่จะสอนให้เราหาเงินมาโดยตลอด เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นอาชีพไหนหนูจะไม่เคยมองว่า หนูอายที่จะทำมัน ต่อให้วันหนึ่ง ชื่อเสียงหนูจะต้องลง หนูก็มั่นใจว่า หนูก็ยังจะหาอาชีพอื่นๆ ทำได้ มันอยู่ที่ความขยัน ไม่อายที่จะทำมาหากินแค่นั้นเลยค่ะ"

คุณกำลังดู: เปิดใจแม่ "ธัญญ่า อาร์สยาม" ลูกเป็นนักร้องดัง ยังขายกล้วยทอด

หมวดหมู่: เพลง

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด