รู้จักชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและการรักษา
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma)
คือเนื้องอกของระบบน้ำเหลือง (Lymphatic System)
ซึ่งเกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติของระบบน้ำเหลือง
และความผิดปกติของเม็ดเลือดขาว
โดยทั้งสองระบบเป็นเรื่องของภูมิคุ้มกันเหมือนกัน
สาเหตุของการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
ทั้งนี้ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองจะเกิดกับอวัยวะต่างๆ
ของระบบต่อมน้ำเหลือง ได้แก่ ม้าม ไขกระดูก ต่อมทอนซิล
และต่อมไทมัส
ชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน (Hodgkin Lymphoma) มีลักษณะจำเพาะคือ จะพบ Reed-Sternberg Cell
2. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin Lymphoma) ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิดหลักๆ โดยดูจากการเจริญเติบโตของเซลล์ คือ
1. ชนิดค่อยเป็นค่อยไป (Indolent NHL)
จะมีอัตราการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งค่อนข้างช้า
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด
2. ชนิดรุนแรง (Aggressive NHL)
จะมีอัตราการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเร็ว
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้ ถ้าได้รับการรักษาเร็วก็มีโอกาสหายขาดได้
แต่ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอาจเสียชีวิตภายใน 6 เดือน ถึง 2
ปี
อาการของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
1. มีการคลำพบก้อนในบริเวณต่างๆ เช่น คอ รักแร้ ขาหนีบ
หรือในช่องท้อง
โดยก้อนที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนั้นคลำแล้วจะไม่เจ็บ
ซึ่งแตกต่างจากโรคที่มีการติดเชื้อที่มักมีอาการเจ็บที่ก้อน
2. มีไข้ หนาวสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน
3. เบื่ออาหาร น้ำหนักลงและอ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ
4. ต่อมทอนซิลโต
5. ไอเรื้อรัง หายใจไม่สะดวก
6. ซีด และเลือดออกง่าย
อาจสังเกตพบจุดเลือดออกตามตัวหรือจ้ำเลือดได้
7. ในรายที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในช่องท้องจะมีอาการแน่นท้อง
อาหารไม่ย่อย ปวดท้อง หรือท้องโตขึ้นจากการมีน้ำในช่องท้อง
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
1. อายุ : อายุที่มากขึ้นมีความเสี่ยงมากขึ้น
2. การติดเชื้อ :
พบความสัมพันธ์ระหว่างมะเร็งต่อมน้ำเหลืองบางชนิดกับการติดเชื้อในร่างกาย
เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter Pylori
กับมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด MALT Lymphoma, การติดเชื้อ EBV
กับมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Burkitt Lymphoma
3. ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วย HIV
ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
4. โรคแพ้ภูมิตนเอง (Autoimmune Disease) : ผู้ป่วย SLE
มีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้มากกว่าคนทั่วไป
การวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
เมื่อแพทย์ได้ทำการตรวจและสงสัยว่าผู้ป่วยอาจเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
การวินิจฉัยเพื่อพิสูจน์สามารถทำได้โดยตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยา
(Tissue Biopsy) นอกจากนี้ยังสามารถตรวจเพิ่มเติมเพื่อประเมินระยะโรค
และวางแผนรักษาให้เหมาะสม ด้วยการตรวจดังนี้
1. การตรวจไขกระดูก (Bone marrow study.)
2. การตรวจเอกซเรย์ : CT scan, PET/CT scan, MRI
3. การตรวจเลือด
ระยะของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจะแบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 : มีรอยโรคที่ต่อมน้ำเหลือง
หรือนอกต่อมน้ำเหลืองเพียงบริเวณเดียว
ระยะที่ 2 : มีรอยโรคที่ต่อมน้ำเหลือง หรือนอกต่อมน้ำเหลืองตั้งแต่ 2
ตำแหน่งขึ้นไป โดยต้องอยู่ภายในด้านเดียวกันของกะบังลม
ระยะที่ 3 : มีรอยโรคที่ต่อมน้ำเหลือง
หรือนอกต่อมน้ำเหลืองที่อยู่คนละด้านของกะบังลม
หรือพบรอยโรคที่ม้ามร่วมด้วย
ระยะที่ 4 : มีรอยโรคกระจายออกไปเกินตำแหน่งเริ่มต้นที่พบ
ซึ่งตำแหน่งที่พบการกระจายของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้บ่อย เช่น ตับ
ไขกระดูก หรือปอด เป็นต้น
แนวทางการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองในปัจจุบัน
ขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ซึ่งสามารถใช้เป็นการรักษาแบบเดียว หรือการรักษาแบบผสมผสานก็ได้
ดังนี้
1. การเฝ้าติดตามโรค :
ใช้ในมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแบบค่อยเป็นค่อยไป (Indolent) อยู่ในระยะที่
1 และไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ และระหว่างการเฝ้าติดตามโรค
ผู้ป่วยจะต้องได้รับการตรวจร่างกาย ตรวจเลือด
หรือตรวจทางรังสีเป็นระยะๆ ตามที่แพทย์กำหนด
2. การรักษาด้วยเคมีบำบัด (Chemotherapy) :
ซึ่งจะออกฤทธิ์ไปทำลายเซลล์มะเร็ง โดยทั่วไปจะใช้ยาหลายชนิดร่วมกัน
หรืออาจให้ร่วมกับการรักษาด้วยแอนติบอดี (Monoclonal Antibodies)
3. การรักษาด้วยยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี (Monoclonal
Antibodies) :
คือสารสังเคราะห์ที่มีฤทธิ์ในการจับกับโปรตีนบนผิวเซลล์ของเซลล์มะเร็ง
หลังจากนั้นจะมีการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้มากำจัดเซลล์มะเร็ง
ถือว่าเป็นวิธีช่วยในการทำลายเซลล์มะเร็งได้ในบริเวณกว้าง
และส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อเนื้อเยื่อปกติ
4. การฉายรังสี (Radiation Therapy) :
เป็นการรักษาด้วยรังสีปริมาณสูง เพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง
5. การรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (Stem
Cell Transplantation) : แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดโดยอาศัยเซลล์ของผู้บริจาค
(Allogeneic Stem Cell Transplantation)
และการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดโดยอาศัยเซลล์ของผู้ป่วยเอง
(Autologous Stem Cell Transplantation)
6. การรักษาแบบภูมิคุ้มกันบำบัดแบบเซลล์บำบัด (Chimeric
Antigen Receptor T Cell, CAR T Cell) :
เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว
หรือมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
บทความโดย : พญ.พัชราวดี รงค์วราโรจน์
แพทย์เฉพาะทางอายุรศาสตร์โรคเลือด ศูนย์มีสุข (มะเร็งและโรคเลือด)
รพ.พญาไท 3
คุณกำลังดู: รู้จักชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและการรักษา
หมวดหมู่: สุขภาพ