รีวิวแฟนคอน Red Velvet ร้อง(ไห้)เล่นเต้นรำกันทั้งเพลง เสียงทะลุอินเอียร์กระหึ่มอิมแพ็ค
สมกับที่รอคอยกันมาอย่างยาวนาน Red Velvet และผัดไทยลัฟวี่ร่วมฉลองครบ 10 ปีของวงใน 2024 Red Velvet FANCON TOUR <HAPPINESS : My Dear, ReVe1uv> in BANGKOK ด้วยเอเนอร์จี้เกินร้อย
หลังจากที่แฟนๆ ของ Red Velvet หรือลัฟวี่ไทย (หรือที่แฟนๆ ชอบเรียกตัวเองกันว่า ผัดไทยลัฟวี่) อกหักดังเป๊าะไปตามๆ กันที่ทัวร์คอนเสิร์ต Red Velvet 4th Concert : R to V' in BANGKOK เมื่อวันที่ 13-14 พ.ค. 66 ที่ธันเดอร์โดม ถูกเลื่อนออกไปเพราะปัญหาสุขภาพของสมาชิกล่วงหน้าก่อนคอนเสิร์ตเพียงหนึ่งวัน จนสุดท้ายก็ต้องยกเลิกเพราะหาคิวจัดใหม่ไม่ได้ การกลับมาของ “น้องเค้ก” ในครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่แฟนๆ ตั้งหน้าตั้งตารอคอยเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะเป็นการกลับมาแสดงในเมืองไทยในรอบ 6 ปีของ Red Velvet แล้ว ยังเป็นการแสดงในรูปแบบ “แฟนคอน” หรือ fan concert เพื่อฉลองครบรอบ 10 ปีของวงอีกด้วย
แอบสปอยล์ล่วงหน้าเลยแล้วกัน ว่าถึงแม้ว่าจะเรียกว่าเป็นแฟนคอน แต่หากใครที่ได้ไปชมจะพบว่า รูปแบบการแสดงแทบไม่ต่างอะไรกับคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบเลย มีช่วงพูดคุยไม่ถึง 5 นาทีเท่านั้น แถมเซ็ตลิสต์ยังจัดเต็มเกือบ 20 เพลง ใครที่คิดว่าไม่ดูน้องเค้กรอบนี้เพราะอยากดูคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบมากกว่า บอกเลยว่าน่าจะเสียดายไม่น้อย
ด้วยความเป็นแฟน Red Velvet ที่ตามอยู่ห่างๆ อย่างห่วง มาหลายปี คอนเสิร์ตครั้งแรกในไทยก็ได้ไปดู รอบ R to V ก็อกหักไปกับเขาด้วย ครั้งนี้เราจึงขอเข้าไปดูน้องเค้ก 2 รอบ 2 วันไปเลยกับ 2024 Red Velvet FANCON TOUR in BANGKOK วันที่ 17-18 ส.ค. 67 ที่อิมแพ็คอารีน่า เมืองทองธานี โดยเจ้าเก่า SM True อัปสเกลใหญ่ขึ้นสมฐานะควีนของพวกเราอย่างเต็มตัว แล้วบัตรก็ขายหมดทั้งสองวันด้วย สมกับที่ Red Velvet เลือกมาแสดงในไทยซึ่งเป็นประเทศนอกเกาหลีเป็นที่แรก ทั้งในคอนเสิร์ตรอบที่แล้ว (Red Velvet 2nd Concert [REDMARE] in BANGKOK เมื่อปี 2561) และรอบนี้ สาวๆ เขารักลัฟวี่ไทยจริงๆ
บรรยากาศภายในฮอลล์อุ่นหนาฝาคั่ง แน่นขนัดไปด้วยแฟนๆ ที่จัดองค์ทรงเครื่องกันเต็มที่ เพื่อต้อนรับราชนิกูลหญิงเค้กให้สมฐานะ ชนิดที่ว่าถ้าเมมเบอร์คนไหนต้องลงจากเวที ลัฟวี่ไทยขึ้นไปแสดงแทนได้ทันทีแน่นอน (แฟนบอยก็มีจำนวนไม่น้อยเช่นกัน)
ทั้งสองวันเริ่มคอนเสิร์ตช้ากว่ากำหนดการนิดหน่อย ซึ่งผิดวิสัยคอนเสิร์ตศิลปินเกาหลีที่จะตรงเวลาเป๊ะๆ แต่ถึงกระนั้นการแสดงทั้งหมดก็ราบรื่นไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก มีบางช่วงที่ศิลปินขอไปแก้ไขปัญหาอินเอียร์บ้าง เตรียมตัวก่อนเข้าเพลงนานไปอยู่บ้าง แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้ทำให้การชมการแสดงของทั้งสองวันเสียอรรถรสแต่อย่างใด
เริ่มกันที่ “Happiness” เพลงเดบิวต์ของ Red Velvet ในปี 2014 ที่สมาชิก 4 คน ไอรีน ซึลกิ เวนดี้ และจอย มาในชุดคล้ายเชียร์ลีดเดอร์แนวสปอร์ตตี้เกิร์ลส์เหมือนกับช่วงที่โปรโมตเพลงนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็นครั้งแรกที่แฟนๆ ชาวไทยได้ชมการแสดงสดเพลงนี้ (เพราะทัวร์ที่แล้วไม่มีเพลงนี้) เห็นแบบนี้แล้วใครที่ติดตาม Red Velvet มาตั้งแต่เพลงแรกน่าจะอีโมกันบ้างไม่มากก็น้อย ยิ่งตอนจบเพลงสมาชิกคนที่ 5 น้องเยริปรากฏตัวที่เวทีรอง เดินมาที่เวทีกลางเพื่อเต้นโซโล่ แล้ววิ่งกลับไปหาพี่ๆ ในวงที่เวทีหลักเหมือนกับตอนที่ประกาศสมาชิกใหม่ในเบื้องหลังเอ็มวีเพลง “Ice Cream Cake” โมเมนต์นี้น่ารักมากๆ แฟนๆ เยริก็น่าจะประทับใจกันมากๆ เช่นกัน
หลังจบเพลง “Ice Cream Cake” สาวๆ ก็ทักทายแฟนๆ ชาวไทยอย่างเป็นทางการ พูดถึงคอนเสิร์ตครั้งที่แล้วที่ยกเลิกไปอย่างน่าเสียดาย แต่คราวนี้ก็กลับมาในสถานที่จัดที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงบัตรขายหมดเกลี้ยงทั้งสองรอบ ฟังสาวๆ พูดไทยน่ารักๆ พอกรุบกริบก็เริ่มแสดงต่อกับ “Parade” ที่สาวๆ ให้แฟนๆ เต้นท่อนฮุคท่าง่ายๆ ซึ่งท่าเต้นไม่ซ้ำกันทั้งสองวัน ต่อด้วย “Sunny Afternoon” และ “Sunflower” ที่โยนดอกไม้ผ้าในมือให้แฟนๆ ด้วย
ช่วง VCR สาวๆ กลับมาพร้อมลุคชุดเดรสหวานที่สวยราวกับประกวดนางงามรอบชุดราตรี พร้อมแสดงเพลง “Underwater” และ “So Good” ที่นอกจากแฟนๆ จะได้ชมความสวยของสมาชิก Red Velvet ทั้ง 5 คนระยะใกล้ที่เวทีหลักและเวทีกลางแล้ว ยังได้หูเคลือบทองแพลตตินั่มไปกับเสียงหวานใสกังวานของสมาชิกทุกคน โดยเฉพาะท่อนบริดจ์ในเพลง “So Good” ของเวนดี้ที่ฟังแล้วหยุดปรบมือให้ไม่ได้ ทรงพลังและเก็บโน้ตทุกตัวเรียบไม่เหลือจริงๆ
มาถึงช่วง Talk ช่วงเดียวของการแสดงที่ทำให้เรียกว่าเป็น “แฟนคอน” นั่นคือช่วงตอบคำถามของลัฟวี่จากกระดาษโพสต์อิท สาวๆ บอกว่าส่วนใหญ่เป็นคำให้กำลังใจที่อ่านไปก็ซึ้งไป คำถามจากทั้งสองวันเท่าที่จำได้จะมี “อาหารไทยที่ชอบ” หนีไม่พ้นข้าวเหนียวมะม่วง ผัดไทย ส้มตำ และปูผัดผงกะหรี่ และมีเมนู สุกี้ ด้วย, “เพลงของ Red Velvet ที่ควรเปิดฟังระหว่างอ่านหนังสือ” แฟนๆ ตะโกนตอบ “Zimzalabim” กับ “RBB” ทำเอาสาวๆ ขำไปกับความตลกของลัฟวี่ไทย รวมถึงท่าเอคโยน่ารักๆ ของไทย ที่ลัฟวี่ร้องเพลง “นปโปะหม่ำๆ” ให้ Red Velvet ฟัง กว่าสาวๆ จะฟังออกใช้เวลาอยู่นาน สุดท้ายเวนดี้ก็ฟังออกพร้อมเสิร์ฟท่าหัวใจที่แก้ม และท่าป้อนอาหารน่ารักๆ ให้แฟนๆ จนได้ ความตลกธรรมชาติของวงเป็นเสน่ห์ของ Red Velvet จริงๆ
หลังจากเพลง “Bubble” สาวๆ ก็เปลี่ยนชุดอีกครั้งมาในคอนเซ็ปต์ Velvet กับการแสดงเพลง “Knock Knock (Who’s There?)” ที่ทั้งเท่ทั้งสวยงามตามแบบฉบับของ Red Velvet ต่อด้วยเซ็ตเพลงฮิตที่ทำเอาลัฟวี่ไทยตะโกนแข่งร้องเพลงเสียงเข้าอินเอียร์ของสาวๆ กันอย่างต่อเนื่อง ทั้ง “Bad Boy”, “Psycho”, “Feel My Rhythm”, “Queendom” และ “Cosmic” แต่ละโชว์สาวๆ แสดงได้อย่างสวยงามและร้องเต้นกันเต็มที่ สมกับเป็นเกิร์ลกรุ๊ป 10 ปีจริงๆ
หลังอังกอร์ แฟนๆ ทำโปรเจกต์ถือสโลแกนที่มีเนื้อเพลงของ Red Velvet อยู่ และแปรอักษรจากกล่องไฟหลากสี วันแรกเป็นหัวใจ 5 สีตามสีประจำตัวของสมาชิกทั้งชมพู ฟ้า เหลือง เขียว และม่วง วันที่สองเป็นอักษรภาษาเกาหลีว่า “러비♥레벨” (ลัฟวี่รัก Red Velvet) พร้อมแท่งไฟสีตามสมาชิกในวง สวยมากจนต้องถ่ายรูปเก็บไว้เยอะๆ
จากนั้นก็เป็นช่วงเพลงน่ารักความหมายดีที่เป็นชื่อของงานด้วยอย่าง “My Dear” และ “Sweet Dream” ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงอังกอร์อีกรอบกับ “Red Flavor”, “You Better Know” และเพลงที่แฟนๆ ชาวไทยรอคอยและยกให้เป็นเพลงที่สนุกที่สุดของงานอย่าง “Zimzalabim” ที่สาวๆ ร้องแถมอีก 1 ฮุค ให้สมกับเอเนอร์จี้ชาวไทยที่พากันกระโดดตัวลอยกันแทบทุกคน
เมนต์สุดท้ายก่อนสาวๆ จะกลับไปจริงๆ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคอนเสิร์ตที่ไทยสนุกมาก คิดไม่ผิดจริงๆ ที่เล่นต่อจากที่เกาหลี ทุกคนร้องเพลงตามกันเสียงดังทั้งเพลง ไม่ใช่แค่ชานต์ เสียงแฟนๆ ทะลุอินเอียร์มาหมด ทุกคนจะเก็บเอเนอร์จี้ดีๆ กลับไปเล่นคอนเสิร์ตที่อื่นต่ออย่างแน่นอน ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือเมนต์ของน้องจอยที่น้องร้องไห้เพราะซาบซึ้งกับแฟนโปรเจกต์และเอเนอร์จี้เสียงกรี๊ดเสียงเชียร์ พร้อมข้อความที่ให้กำลังใจดีๆ จากโพสต์อิท ที่จอยบอกว่าคนไทยเป็นคนที่มีหัวใจอบอุ่นมาก เธอได้รับประสบการณ์ดีๆ จากคนไทยมากมายแม้กระทั่งตอนที่ไปกินข้าวหรือไปนวดไทย ทุกคนเป็นมิตรกับเธอมากจริงๆ และสัญญาว่าพวกเธอจะตอบแทนแฟนๆ ด้วยการเป็นศิลปินที่ดีที่มอบผลงานดีๆ และมอบความสุขให้กับแฟนๆ ตลอดไป
จบงานด้วยความอิ่มเอมและคุ้มค่าทุกบาทสุกสตางค์กับคอนเสิร์ตที่รอคอยกันมาอย่างยาวนาน เตรียมพร้อมกันเต็มที่ทั้งศิลปินและแฟนคลับ สาวๆ สวยแบบสาวสะพรั่ง เราเคยเห็นในจอยังไง นอกจอกับตาตัวเองก็สวยแบบนั้น แอบเห็นว่าหลายคนมาดูแบบไม่มีแท่งไฟในมือ นั่นหมายถึงคนนอกด้อมมาดูน้องเค้กกันจำนวนไม่น้อย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี การที่บัตรคอนเสิร์ตไม่ได้หมดตั้งแต่วันแรกทำให้แฟนๆ นอกด้อมยังสามารถตามมาซื้อบัตรดูกันได้ไม่ยากเย็นนัก
แม้ว่าโปรดักชั่นจะสวยงามตามท้องเรื่อง แต่แฟนคอนก็ยังเป็นแฟนคอน ลูกเล่นต่างๆ บนเวทีอาจไม่ได้มีอะไรมากนัก รวมถึงการแปลของล่ามที่ไม่แน่ใจว่าติดขัดปัญหาทางเทคนิคอะไรหรือไม่ ที่ทำให้ทั้งสองวันที่ผ่านมารู้สึกว่าแปลได้ไม่สมูธเท่าที่ควร แต่ก็เชื่อว่าพลังงานดีๆ ที่ได้จากคอนเสิร์ตในวันนี้ช่วยต่อชีวิตทั้งศิลปินและแฟนๆ ไปได้อีกนานแสนนานเลยทีเดียว
แต่อย่าให้รอนานนักเลย เพราะแฟนๆ ชาวไทยพร้อมกับทัวร์ครั้งใหม่ของ Red Velvet แล้ว 10 ปีแล้วไง ทุกอย่างเพิ่งเริ่ม ครั้งหน้าต้องเป็นคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบ และต้องมีเพลงฮิตที่อยากฟังอีกมากมายที่ยังไม่ได้ฟัง เพราะน้องเค้กมีแต่เพลงดังๆ เพราะๆ เพราะฉะนั้นเตรียมหยอดกระปุกรอไว้ตั้งแน่เนิ่นๆ กันเลยดีกว่า
คุณกำลังดู: รีวิวแฟนคอน Red Velvet ร้อง(ไห้)เล่นเต้นรำกันทั้งเพลง เสียงทะลุอินเอียร์กระหึ่มอิมแพ็ค
หมวดหมู่: เพลง