รีวิว Final Fantasy XVI เกมเพลย์แอคชั่นเดือด สุดยอดทั้งเนื้อเรื่องและเพลงประกอบ

เกมพร้อมวางขายแล้วในวันที่ 22 มิถุนายนนี้

รีวิว Final Fantasy XVI เกมเพลย์แอคชั่นเดือด สุดยอดทั้งเนื้อเรื่องและเพลงประกอบ

(Non-Spoiler, Full Game Review)

Final Fantasy เป็นหนึ่งในซีรีส์เกมที่มุ่งหวังสร้างความแตกต่าง และนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ในเกมภาคใหม่มาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเกมเพลย์ ธีมโดยรวมของเกม หรือคาแรคเตอร์ของเกม ซึ่งในภาคล่าสุด Final Fantasy XVI ก็เลือกจะปรับเปลี่ยนตัวเองครั้งใหญ่ กลับสู่โลกของเกมสไตล์ยุคกลาง ไม่มีเครื่องจักรหรือเทคโนโลยีล้ำยุค พร้อมปรับเกมเพลย์เป็นสไตล์เกม Action คุณภาพสูงแบบเต็มตัว โดยหนึ่งในหัวหน้าทีมพัฒนาที่มาจากเกมซีรีส์บู๊ล้างผลาญอย่าง Devil May Cry และจากประสบการณ์พัฒนาเกม Final Fantasy XIV มาอย่างต่อเนื่องถึง 10 ปี บอกเลยว่าทีมพัฒนาชุดนี้มีบทเรียนเพียงพอที่จะใช้มันพัฒนาเกมของพวกเขาให้ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าที่เคยเป็นมาได้จริง!

Final Fantasy XVI นำเสนอเกมเพลย์สไตล์ Action RPG แบบเล่นคนเดียว พัฒนาโดยทีม Creative Business Unit III ที่เคยพัฒนาเกม FF14 หรือไฟนอลเวอร์ชั่น MMORPG อันเป็นหนึ่งในเกมยอดนิยมทั่วโลกมาหลายปี โดยพัฒนาลงเครื่อง Playstation 5 เท่านั้นและจัดจำหน่ายโดย Square Enix

เกมภาคนี้นำผู้เล่นเข้าสู่โลก Valisthea สถานที่อันเต็มไปด้วยเวทย์มนต์ที่เป็นดั่งพรของ Mothercrystal และสวมบทบาทเป็น Clive Rosfield ตัวเอกของเกมหนึ่งผู้เป็นหนึ่งในหน่วยองครักษ์ประจำตัวของเจ้าชายแห่งอาณาจักร Rosaria Joshua Rosfield น้องชายของเขาเองผู้ครอบครองพลังของ Phoenix หรือที่ผู้คนเรียกว่า Dorminant แห่งไฟ ก่อนที่เขาและครอบครัวจะต้องพบกับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ จนต้องสูญเสียทุกอย่างไป เขาจึงได้ออกเดินทางเพื่อหาตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ และล้างแค้นให้จงได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

เกมเพลย์ของภาคนี้นำเสนอวิธีต่อสู้แบบ Hack and Slash โดยการต่อสู้ของตัวเอก Clive จะรวดเร็วฉับไวและมีน้ำหนักทุกการฟาดฟัน มีการชาร์จโจมตี มีการทำคอมโบ มีการกดหลบ หรือป้องกันการโจมตีแบบตรงจังหวะครบครัน เขาเป็นนักดาบที่เก่งกาจและว่องไว พร้อมด้วยพลังพิเศษที่ทำให้ใช้เวทย์มนต์ผสมผสานการต่อสู้ได้ โดยความพิเศษคือตัวเขาจะใช้พลังที่ดึงมาจากเหล่า Eikon ในเรื่อง ที่มีทั้งพลังไฟของ Phoenix, ลมของ Garuda, สายฟ้าของ Ramuh หรือผืนดินของ Titan และอีกมากมาย ซึ่งพลังที่ใช้ก็มีความหลากหลายทั้งด้านการใช้งาน พลังทำลายล้าง อรรถประโยชน์ที่ต่างกันออกไป แถมเมื่อพัฒนาความสามารถแต่ละอย่างขึ้นไปจนถึงขีดสุด ผู้เล่นยังสามารถปรับแต่งความสามารถเหล่านั้นมาใช้ในการต่อสู้ได้อิสระมากขึ้นด้วย

แกนหลักของเกมเพลย์คือการต่อสู้กับศัตรูเป็นชุดๆ ไปเรื่อยๆ ซึ่งจะมีความหลากหลายแยกไปตามแต่ละสังกัด ฝักฝ่าย หรือพื้นที่อยู่อาศัยของพวกมัน ไปจนเจอมินิบอสที่ตึงมือมากขึ้น ตัวใหญ่ตัวเล็ก แตกต่างกันไป ก่อนจะเข้าสู้กับบอสใหญ่ของด่านหรือเนื้อเรื่องช่วงนั้นๆ ที่การต่อสู้จะไต่ระดับความยิ่งใหญ่อลังการขึ้นไปเรื่อยๆ และมีวิธีการสู้ที่หลากหลายไม่ซ้ำซากจำเจ

ไฮไลต์ของ Final Fantasy ภาคนี้คือ Eikon Battle หรือการต่อสู้ระหว่างสัตว์อสูรด้วยกัน ที่เราจะสามารถสวมบทบาทเป็นสัตว์อสูร Ifrit เข้าต่อสู้กับสัตว์อสูรตัวอื่น ฟาดฟันกันด้วยพลังที่เวอร์วังอลังการ ซึ่งก็มีรูปแบบการต่อสู้ที่แตกต่างกันออกไปอีกในแต่ละการต่อสู้ มีความโดดเด่น น่าจดจำไม่เหมือนกัน

ระบบการดำเนินเรื่องของเกมจะทำผ่านการรับเควสกับตัวละคร NPC ในเกมเพื่อทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ไม่ว่าจะเป็นการไปช่วยคน การจัดการศัตรูหลากหลายแบบ ซึ่งนอกจากเควสหลักที่ใช้ดำเนินเรื่องแล้ว ยังมีเควสย่อย เควสเสริมอีกจำนวนมาก ซึ่งเควสย่อยพวกนี้นอกจากจะส่งผลต่อเหตุการณ์ในอนาคต เป็นรายละเอียดเล็กๆ แล้ว ยังมีเควสย่อยที่ปลดล็อคฟังก์ชั่น ระบบ หรืออาวุธอุปกรณ์บางอย่างด้วย โดยอย่างหลังนั้นจะแบ่งชัดเจนเป็นจุดรับเควสรูปสัญลักษณ์บวก

การเดินทางในแต่ละช่วงเวลาและสถานที่ของ Clive ก็จะมีเพื่อนร่วมทางที่แตกต่างกันไป และพวกเขาก็จะช่วยเราต่อสู้ด้วย ถึงแม้จะควบคุมไม่ได้ แต่ AI ของเกมก็ไม่ได้โง่ พวกเขามีประโยชน์ในการเก็บกวาดศัตรูเล็กน้อยข้างทางให้เราได้ ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ช่วยให้เราสามารถโฟกัสกับศัตรูที่แข็งแกร่งได้ง่ายขึ้น ในขณะที่น้องหมาเพื่อนสนิทของเรา Torgal นั้น พิเศษออกไป เราสามารถสั่งการพื้นฐานกับมันได้ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตี ฟื้นฟูเลือดหรือส่งต่อคอมโบกับเรา ซึ่ง Torgal มีค่าสถานะให้เราดูการเติบโตของมันได้ด้วยว่าเก่งขึ้นแค่ไหน มีท่าการโจมตีอะไรบ้างแล้วด้วย

วิธีการเดินทางของเราจะเป็นการกดเทเลพอร์ตไปยังสถานที่อันแบ่งออกเป็นโซนใหญ่ๆ ไม่ได้เชื่อมต่อกันทั้งหมด ซึ่งใช้เวลาในการโหลดข้อมูลเร็วมากในระดับที่กะพริบตาแทบไม่ทัน ก่อนจะสามารถเดินสำรวจโซนนั้นๆ ได้เต็มที่ ซึ่งต้องบอกเลยว่าแต่ละโซนมีขนาดที่ใหญ่มาก สำรวจกันหลายชั่วโมงแน่นอนกว่าจะเข้าถึงทุกซอกมุมซึ่งเกมก็ไม่ใจร้าย เมื่อเราเล่นถึงจุดหนึ่งเราก็จะสามารถทำเควสรับโชโกโบะมาขี่เดินทางในแผนที่ได้เช่นกัน

และมันไม่ใช่โซนที่สักแต่กว้างใหญ่เท่านั้น ยังเต็มไปด้วยผู้คนที่ใช้ชีวิต พูดคุยกันตามแต่สถานการณ์ในเกมที่เปลี่ยนแปลงไป รายละเอียดจำนวนมาก มอนสเตอร์ สิ่งมีชีวิตสุดโหดทั้งหลาย หรือแม้แต่บอสลับจำนวนมากที่ปรากฏตัวออกมาได้ตามเวลาในเกมที่ผ่านไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเราไปจัดการก็จะได้รับรางวัลเยอะมากกว่าเล่นปกติเสียอีก

จุดเด่นอีกอย่างของเกมคือการที่ผู้พัฒนาได้มอบทางเลือกในการเข้าถึงความสนุก ความอลังการน่าตื่นเต้นให้กับคนที่ไม่เชี่ยวชาญการเล่นเกมแนว Action อีกด้วยโดยผู้เล่นสามารถเลือกติดตั้งอุปกรณ์เสริม เป็นแหวนที่จะช่วยให้เกมเล่นง่ายขึ้นในหลายๆ ด้าน มีทั้งใช้ไอเทมฟื้นฟูให้เราโดยอัตโนมัติบ้าง ทั้งช่วยกดหลบแทนเราบ้าง หรือสามารถทำคอมโบโจมตีแบบสวยๆ ได้โดยการสแปมปุ่มเดียวก็มี ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเราเลือกจะไม่ใส่แหวนพวกนี้ และใส่แหวนที่เสริมพลังการต่อสู้โดยตรงเช่นเพิ่มพลังโจมตี หรือป้องกันก็ทำได้เช่นกัน เป็นทางเลือกให้ทั้งคนที่ต้องการความท้าทาย และคนที่อยากเล่นง่ายๆ สบายๆ ได้เลือกสัมผัส

ในด้านของเนื้อเรื่องนั้นทีมพัฒนายังรักษามาตรฐานสูงของเกมซีรีส์ Final Fantasy ไว้ได้ดี โดยเป้าหมายหลักของ Clive คือการตามหาตัวการ ต้นเหตุทั้งหมดที่ฆ่าเพื่อนพ้อง ครอบครัว และน้องชายของเขา Joshua และล้างแค้นให้จงได้ จนเป็นเหตุให้เขาต้องเข้าไปพัวพันในสงครามแย่งชิงอำนาจระหว่างประเทศ ซึ่งระหว่างการเดินทาง Clive ก็จะได้พบกับมิตรและศัตรูที่หลากหลาย เรื่องราวและสถานการณ์ที่บีบคั้นหัวใจคนเล่นตลอดเวลา

แม้เกมจะดำเนินแบบรับเควส รับคำขอจาก NPC มากหน้าหลายตา แถมยังมีภารกิจที่เราต้องทำเรื่องเล็กน้อยมากมาย แต่เกมยังใส่ใจในรายละเอียด พยายามมอบเหตุผลเป็นคำตอบให้เราว่า ทำไมเราต้องทำสิ่งนี้ด้วยตัวเอง แล้วพวกนายทำอะไรละ? ตลอดทั้งเกม เราไม่ใช่แค่เบ๊รับคำขอ แต่เป็นคนสำคัญที่จำเป็นต้องช่วยพวกเขาเหล่านี้จริงๆ แถมเควสย่อยในเกมก็ใช่ว่าจะอยู่ตลอดไป หากเกิดเหตุการณ์สำคัญบางอย่างในเกมที่ส่งผลต่อโลกของเกมอย่างมากนั้น เควสย่อยพวกนี้ก็จะหายไปตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย นั่นทำให้เรารู้สึกได้ว่า NPC ในเกมใช้ชีวิตในโลก Valisthea จริงๆ เจ็บจริง ล้มหายตายจากไปจริงๆ ช่วยเพิ่มความอินให้เราได้มากขึ้น

เพลงประกอบของเกมก็ทำได้ยอดเยี่ยมและหลากหลายมากตามแต่ละสถานที่ที่เราได้ไปเยือน โดยทางผู้พัฒนาเคยพูดถึงไว้ว่าเพลงประกอบของเกมนี้มีจำนวนมากจนนับไม่ไหวเลยทีเดียว ซึ่งไม่ได้มีแค่จำนวน แต่คุณภาพและความหลากหลายของสไตล์เพลงก็เยอะมากเช่นกัน ตั้งแต่เพลงบรรเลงออเครสต้า เพลง J-Pop หรือแม้แต่เพลงร็อคสุดเดือดก็มีให้ ซึ่งด้วยจำนวนเพลงปริมาณมากนี้ เกมยังมอบทางเลือกให้เราสามารถฟังเพลงต่างๆ ในเกมได้ตลอดเวลาผ่านตู้เพลงในฐานทัพของเราด้วย

พูดถึงฐานทัพหลักของเราในเกมนั้น เราสามารถเดินทางย้อนกลับมาเพื่อเติมเสบียง พัฒนาอาวุธและชุดเกราะของเราได้ แถมยังสามารถพูดคุยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนได้ด้วย ตั้งแต่พูดคุยสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองหรือเหตุการณ์ปัจจุบันในเกมที่อัพเดตตลอดเวลาแล้ว ยังมีกระทั่งการซื้อเหล้าเลี้ยงคนในฐานเพื่อสังสรรค์ความสำเร็จได้อีกต่างหาก ซึ่งผู้คนในฐานทัพของเราก็จะอัพเดตเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมไปตลอดเกมด้วย

อีกระบบเกมที่น่าสนใจ และมอบทางเลือกให้ผู้เล่นทุกแบบอีกเช่นกันคือระบบ Active Time Lore หรือการกดปุ่มเปิดหน้าอธิบายที่มาที่ไป ความหมาย หรือสถานการณ์ของตัวบุคคล สถานที่ สิ่งมีชีวิต หรือคำเรียกบางคำได้ทันทีที่เราได้ยินมันครั้งแรก เช่นเราได้ยินชื่อคนๆ หนึ่งในคัตซีน ตัวเกมจะไม่เสียเวลามานั่งอธิบายให้ตัวละครในเกมฟังว่าคนๆ นี้เป็นใคร เขาทำอะไร มีที่มาอย่างไร อย่างไม่เป็นธรรมชาติ แต่จะให้คนที่สนใจใน Lore ของเกมนี้ สามารถกดเปิดระบบ ATL นี้ขึ้นมาแล้วทำความเข้าใจในตัวคนๆ นั้น “เท่าที่ตัวละคร Clive รับรู้” ได้ทันทีไม่มีการโดยสปอยล่วงหน้า ซึ่งคำอธิบายเหล่านี้ จะอัพเดตตลอดเวลาในเกมเมื่อเราได้รับความรู้เกี่ยวกับบุคคล หรือสถานที่นั้นเพิ่มเติมทันทีด้วย เป็นทางเลือกให้คนที่ไม่ได้สนใจ และอยากบู๊ต่อเร็วๆ ไม่จำเป็นต้องฟังตัวละครในเกมอธิบายเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ช่วยประหยัดเวลาเล่นไปไม่น้อยเลย

ว่าด้วยเรื่องของกราฟฟิคกันบ้าง เกมภาคนี้ไม่ได้สร้างมาเพื่อเป็นเกมโอเพ่นเวิร์ล 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ทีมพัฒนาสามารถใส่ใจกับรายละเอียดในฉากแต่ละฉากได้เต็มที่ มีทั้งความหลากหลายของสถานที่ และความละเอียดความสวยงามสมราคาเกม Generation ใหม่ การออกแบบ UI ก็ทำได้ดี มีดีไซน์ที่แม้ไม่หวือหวาหรือโดดเด่นเหมือนเกมอื่น แต่ก็เข้าใจง่ายและสวยงามตามมาตรฐาน

ในด้าน Performance นั้นในฉากการต่อสู้จากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง ต้องบอกว่าลื่นไหลไม่มีสะดุดเลย ยิ่งกับเกมแนว Action แล้ว นั่นเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ ซึ่งทีมผู้พัฒนาเกมก็ไม่พลาดในเรื่องนี้ การโหลดข้อมูลทำได้รวดเร็วมาก แต่ก็มีจุดที่น่าเสียดายคือเกมไม่สามารถรักษาความสมูทระดับ 60 FPS ไว้ได้ตลอดทั้งเกม มีรายงานพบว่าในบางช่วงคัตซีนของเกมอาจมีจังหวะที่ FPS ตกลงไปเล็กน้อย แอนิเมชั่นการเคลื่อนไหวของตัวละครมีก็บางจุดที่ไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร ซึ่งแน่นอนว่าถ้าไม่พยายามบังคับตัวละครเราให้เคลื่อนไหวแปลกๆ จริงๆ ก็แทบจะไม่เห็นจุดด้อยนี้เลย

สุดท้ายก่อนให้คะแนน อยากจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักระบบ New Game+ (Final Fantasy Mode) ของเกม หรือการเอาเซฟที่จบเกมแล้วมาเล่นใหม่อีกครั้งของเกม Final Fantasy XVI กันสักหน่อย อยากจะบอกว่าระบบนี้มีความใส่ใจในการมอบคุณค่า Replayability ที่สูงมากๆ ให้กับผู้เล่นในระดับที่กะเอาคุ้มเงินกันไปเลย โดยตามปกติแล้วความเข้าใจของคนทั่วไปคือการเริ่มเล่นเนื้อเรื่องใหม่ เจอบอส เจอศัตรูตัวเดิมด้วยพลังที่มากขึ้น สเกลตัวเลขที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่ไม่ใช่กับเกมนี้ เมื่อคุณเริ่มเล่น New Game+ นอกจากจะยากขึ้น ตัวเราเก่งขึ้นแล้ว ศัตรูยังเปลี่ยนหน้าไปอีกด้วย นั่นคือในจุดๆ หนึ่งศัตรูอาจจะเป็น Orc ตัวหนึ่ง แต่ใน New Game+ มันจะกลายเป็นศัตรูตัวใหม่ มูฟเซ็ตใหม่ ต้องรับมือด้วยวิธีที่ต่างกันออกไปเลย ทำให้คุณค่าการเล่นซ้ำสองรอบของเกมนี้สูงขึ้น เรียกว่าทีมงานจัดหนักจัดเต็ม ทุ่มเทให้กับเกมนี้มากจริงๆ ครับ

 

Review Score: 9.5/10

ก้าวกระโดดแห่งความเสี่ยงของเกมซีรีส์ Final Fantasy โดยการปรับเปลี่ยนตัวเองจาก Turn-based RPG สู่เกมสไตล์ Action RPG เต็มตัว และทีมงานกระโดดก้าวนี้ไม่พลาด สามารถทำเกมเพลย์ใหม่ของ Final Fantasy XVI ให้สนุก ตื่นเต้น และไม่ยากจนเกินไปกับผู้เล่นที่ไม่คุ้นชิน เรียกว่าอยู่ในจุดกึ่งกลางที่น่าชื่นชม และสามารถพัฒนาต่อยอดไปได้อีกแน่นอน

จุดสำคัญอันเป็นเอกลักษณ์ของเกมซีรีส์นี้ พวกเขาก็รักษามาตรฐานไว้ได้ดี ทั้งเนื้อเรื่องที่จัดหนักจัดเต็ม มีทั้งซึ้งกินใจ ทั้งดาร์คดราม่า และมีความสุขความหวัง เพลงประกอบก็ยอดเยี่ยมสมราคาทีมงานที่ประสบความสำเร็จกับเกม Final Fantasy XIV มาแล้ว ฉากสู้ก็สนุกเร้าใจ ฉากคัตซีนก็เล่นเพลงประกอบได้เหมาะสมเข้ากับเรื่องราว แถมยังสอดแทรกรายละเอียดไว้มากมาย ช่วยกลบ plot-hole หรือสิ่งที่เราคิดว่าไม่สมเหตุสมผลในเรื่องราวหากสัมผัสแค่คัตซีนหลักๆ ได้ครบถ้วนสมบูรณ์

อาจมีข้อเสียบ้าง เช่นเฟรมเรทที่จะตกไปเล็กน้อยในบางช่วงจังหวะคัตซีน หรือเกมเพลย์ที่ไม่สุดไปด้านใดด้านหนึ่ง อาจไม่ถูกใจแฟนๆ สุดขั้วจากทั้งฝั่ง Turn-based และ Action ได้

*ภาพประกอบที่ใช้มาจากเกมเวอร์ชั่น Demo และ Trailer เพื่อหลีกเลี่ยงการสปอย

*ในวันที่เกมเปิดให้เล่นได้จะมี Day-One Patch แก้ไข bug เล็กน้อย

คุณกำลังดู: รีวิว Final Fantasy XVI เกมเพลย์แอคชั่นเดือด สุดยอดทั้งเนื้อเรื่องและเพลงประกอบ

หมวดหมู่: เกมส์

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด