รีวิว The 1975 Live in Bangkok 2023 ดิบแต่ไม่เถื่อน จัดหนักเต็มทุกอารมณ์

05 เม.ย. 2566 | 18:16 น.

The 1975: At Their Very Best Live in Bangkok 2023 คอนเสิร์ตที่นักร้องนำ Matty Healy ดื่มแอลกอฮอล์ไป สูบบุหรี่ไป เล่นดนตรีไป ชิลล์ๆ เหมือนดูเพื่อนเล่นดนตรีตามผับ แต่เพอร์ฟอร์มเต็มที่ทั้งศิลปินและนักดนตรี The 1975 เข้าถึงอารมณ์ทุกท่วงจังหวะจริงๆ

ไม่ใช่เรื่องที่เห็นกันได้บ่อยๆ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาหลังช่วงโควิด ที่จะได้เห็นวงดนตรีฝั่งตะวันตก และยังเป็นวงแนวป็อปร็อค ที่จะสามารถขายบัตรได้หมดเกลี้ยงในฮอลล์ในร่มขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอย่างอิมแพ็ค อารีน่า โดยที่โซนพื้นเปิดเป็นโซนยืนทั้งหมดอีกด้วย

The 1975 ทำได้ และน่าจะเป็นไม่กี่วงที่ทำได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

จากธันเดอร์โดม (2 รอบ) ในปี 2019 สู่อิมแพ็ค อารีน่า ในปี 2023 ที่บัตรยังขายหมดเกลี้ยงเหมือนเดิม เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความโด่งดัง หรือภาษาอินเตอร์เน็ตว่าเป็นวงที่ “แมส” มากๆ วงหนึ่งในไทย ใครๆ ก็อยากมาดูพี่แมตตี้ร่ายมนต์พร้อมๆ กับเพื่อนร่วมวงฝีมือฉกาจบนเวที และในครั้งนี้มาในสเกลโชว์ที่ใหญ่กว่าเดิมด้วย

The 1975 ชวนแหกปาก ดำดิ่ง และเปลี่ยนโลกไปพร้อมกัน ในทัวร์คอนเสิร์ตล่าสุด

ชื่อทัวร์ The 1975: At Their Very Best ทำให้เราคาดหวังไปโดยปริยายว่าในทัวร์ครั้งนี้จะเต็มไปด้วยเพลงฮิต และการแสดงที่รวมเอาทุกอย่างที่ “พีค” ของ The 1975 มาให้เราได้ชม บอกตามตรงว่าโชว์ครั้งที่แล้วเราค่อนข้างประทับใจมากอยู่เหมือนกัน ครั้งนี้เราจึงตั้งความหวังเอาไว้สูง

คอนเสิร์ต The 1975: At Their Very Best Live in Bangkok 2023 จัดขึ้นในวันที่ 4 เม.ย. 2023 ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี โดยผู้จัด Mangosteenfest หลังจากโชว์ของน้อง Wallice ศิลปินเปิดเวทีของ The 1975 เล่นจบ ช่วงเวลา 21.15 น. ตามเวลาที่แจ้งเป๊ะๆ The 1975 ก็ขึ้นเวทีด้วยการเปิดกล้องให้เห็นบรรยากาศหลังเวที ที่เหล่าสมาชิกเดินออกมาจากห้องแต่งตัว Matty จุดบุหรี่สูบ 1 มวน ก่อนจะเดินเอามือมาปิดกล้อง แล้วโผล่ขึ้นมาตัวจริงเสียงจริงกลางเวที ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้สนามที่วางอยู่กลางเวที พร้อมกับกระถางต้นไม้ และโต๊ะเล็กๆ ที่มีเครื่องเล่นไวนิล Matty เปิดแผ่นไวนิลสูบบุหรี่ผุยๆ ยกขวดแอลกอฮอล์ขึ้นดื่ม บรรยากาศสุดชิลล์ตั้งแต่เริ่มโชว์ ก่อนจะเข้าสู่เพลงแรกอย่างเรียบง่ายด้วย “Looking For Somebody (To Love)” เพลงจากอัลบั้มที่ 5 ล่าสุด Being Funny in a Foreign Language ก่อนจะเข้าสู่เพลง “The Ballad of Me and My Brain” และ “Part of the Band”

อุ่นเครื่องกันพอหอมปากหอมคอ Matty ทักทายแฟนๆ ชาวไทย พร้อมกับแนะนำสมาชิกในวง และนักดนตรีแบ็กอัพที่ยืนอยู่บนสเต็ปสูงเหนือไหล่ด้านหลังอีก 5 ชีวิต ซาวด์ดนตรีเจ๋งๆ แน่นๆ อยู่ที่นี่มากมาย โดยเฉพาะเครื่องเป่าที่มาถูกที่ถูกเวลา เพิ่มสีสันให้กับดนตรีได้ดีมากๆ

ที่บอกว่าเป็นโชว์รวมเพลง ก็อาจจะไม่ผิดนัก เพราะแต่ละเพลงที่ The 1975 เลือกมาแสดง แฟนเพลงต่างคุ้นหูและร้องตามได้มากมาย เหมือนเพลงต่อเพลงจะต้องมีคนยกมือถือมาถ่ายกันตลอดเวลา ทั้ง “Oh Caroline”, “If You’re Too Shy (Let Me Know)”, “I’m in Love With You”, “fallingforyou”, “Happiness”, “It’s Not Living (If It’s Not With You)” และ “About You” เรียกว่าเป็นเซ็ตลิสต์รวมเพลงรักในแบบฉบับของ The 1975 เลยก็ว่าได้

หนึ่งในไฮไลต์ของงาน อยู่ที่แฟนเพลงชาวไทยที่เรียกได้ว่าเป็น Lucky fan ตัวจริง ชูป้ายขอเล่นกีตาร์เพลง “Robbers” แล้ว Matty ก็เรียกให้ขึ้นไปเล่นกีตาร์เพลงนี้ให้จริงๆ ได้เล่นกีตาร์ในเพลงโปรด ยืนเคียงข้างศิลปินคนโปรด และได้ยืนคุยกันอย่างใกล้ชิด ก่อนจะกอดลากัน 2-3 ครั้ง เป็นช่วงเวลาที่แฟนๆ ต่างอิจฉาแต่ก็ร่วมยินดีให้กับเขาด้วยจริงๆ

ช่วงหลังเซ็ตลิสต์เพลงเริ่มร้อนแรงเพราะเริ่มมีแต่เพลงฮิตจัดๆ แต่สลับอารมณ์ช้า-เร็วไม่ให้ง่วงจนเกินไปได้เป็นอย่างดี ทั้ง “A Change of Heart”, “Be My Mistake”, “Somebody Else”, “Inside Your Mind” และ “Love It If We Made It” ที่แค่อินโทรแฟนๆ ก็ส่งเสียงกรี๊ดดังสนั่น ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ทั้งเสียงร้องของ Matty และเสียงดนตรีจากนักดนตรีที่เล่นได้แน่นดีสุดๆ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายอย่างจริงจังด้วยเพลงที่ทุกคนร้องตามกันได้เป็นอย่างดีกับ “I Always Wanna Die (Sometimes)” พากันดำดิ่งเสร็จก็ลุกขึ้นมาเต้นกับ “The Sound” ตามด้วย “Sex” และปิดท้ายโชว์แบบไม่รออังกอร์ด้วย “Give Yourself a Try” ที่แม้ว่าจะเสียดายที่ไม่มีช่วงอังกอร์ตามธรรมเนียมคอนเสิร์ตทั่วไป แต่ก็ถือว่าหลายๆ เพลงที่ The 1975 เลือกมาแสดงก็คอมพลีทในระดับหนึ่งแล้ว บวกกับเวลาแสดงเกือบ 2 ชั่วโมง 20 เพลง ถือว่าเป็นโชว์ที่เต็มที่ทุกเพลงทุกนาทีแล้วเรียบร้อย (แม้ในใจอาจจะแอบโหยหา “Chocolate” นิดหน่อยก็ตาม)

จากโปรดักชั่นเรียบง่ายแต่แสนเท่ในทัวร์ครั้งที่แล้ว สู่เวทีที่ใหญ่ขึ้น เปิดภาพขึ้นจอ LED มากขึ้น แสง สี เสียงที่ทำได้ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะแสงที่อยากชื่นชม lighting engineer มากๆ ว่าจัดไฟได้ตรงจังหวะและอารมณ์ของเพลงได้แบบทุกวินาที ทุกคำร้อง ส่งอารมณ์ไปพร้อมกับเพลงได้ดีมาก ทางด้านของเสียงในช่วงแรกๆ ย่านเสียงแหลมแสบหูไปหน่อย ในตำแหน่งโซนยืนด้านหน้าเวที แต่ช่วงหลังปรับได้ดีขึ้น ชื่นชมนักดนตรีแบ็คอัพที่มืออาชีพมากๆ สลับบทกับ Matty ที่แสดงอย่างชิลล์ๆ ในช่วงแรกๆ ก่อนที่บุหรี่ (ที่เปลี่ยนมวนจุดเอาๆ) และแอลกอฮอล์จะบิวด์พี่เขาจนใส่เต็มแมกซ์ในช่วงหลังๆ ช่วงที่คิดว่าพี่เขาดูตาลอยๆ ก้มหน้าก้มตาเกาะขาไมค์ต่องแต่ง พี่เขาเมาหรือยังนะ แต่จู่ๆ พอเพลงมาก็ร้องและเล่นเครื่องดนตรีต่างๆ อย่างคล่องมือ เพอร์ฟอร์มได้ดีจนไม่ได้มีอะไรให้ติ

เสน่ห์เฉพาะตัวของ Matty และดนตรีแน่นๆ ของสมาชิกที่เหลือและนักดนตรีแบ็คอัพที่ขนกันมาหลายชีวิตจนยึดพื้นที่บนเวทีของอิมแพ็ค อารีน่าจนหมด ทำให้คอนเสิร์ตในครั้งนี้ครองพื้นที่ในใจของใครหลายๆ คนในค่ำคืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นครั้งแรกหรือครั้งที่ 2-3 ที่ได้ดูโชว์ของ The 1975 มาก็ตาม และคิดว่ากระแสนิยมของ The 1975 ในปัจจุบัน ครั้งหน้า The 1975 อาจจะมีโอกาสได้ขยับขยายไปสู่ฮอลล์ที่ใหญ่ขึ้นได้อีกในอนาคต