สไมล์ เดอะสตาร์ กับมรสุมชีวิตตั้งแต่เด็กจนโต พ่อติดคุก โดนกดขี่-หาว่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะ

18 ก.ย. 2566 | 20:15 น.

มรสุมชีวิตของ สไมล์ ภาลฎา หรือ สไมล์ เดอะสตาร์ ที่ชีวิตรันทดยิ่งกว่าในละคร

หลังจากมีประเด็นในข่าวล่าสุดว่าเคยถูกผู้จัดการหลอก และยังถูกกดดันให้ทำรายงานให้กับนักแสดงรุ่งพี่สมัยเรียน ชีวิต สไมล์-ภาลฎา ฐิตะวชิระ หรือ สไมล์ เดอะสตาร์ ก็เป็นที่พูดถึงในวงกว้างมากขึ้นเกี่ยวกับมรสุมในชีวิตที่เธอเจอมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต

พ่อติดคุก เพิ่งมาอยู่กับแม่หลังเข้าวงการ

ชีวิตของสไมล์เป็นที่พูดถึงตั้งแต่เริ่มเข้าวงการด้วยการเป็นผู้เข้าแข่งรายการ The Star 8 เมื่อเธอเปิดเผยว่าครอบครัวของเธอไม่ได้กินอยู่อย่างสบายนัก พ่อกับแม่ของสไมล์ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เธอต้องหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่เด็ก ทำงานจ่ายเงินค่าเทอมเอง และเธอใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวฝั่งพ่อมาโดยตลอด แต่ชีวิตของเธอต้องสะดุดเมื่อพ่อของเธอติดคุก เธอเลยต้องมาอยู่กับแม่หลังจากเธอเริ่มเข้าวงการบันเทิงจากการเป็นเดอะสตาร์

ลูกที่เกิดจากความไม่ตั้งใจ

แม่ของสไมล์ตั้งท้องสไมล์ตั้งแต่อายุ 16 ปีเท่านั้น เมื่อสไมล์เข้าสู่วัยรุ่นอายุ 19 ปี แม่ของสไมล์อายุ 35 ปีและยังใช้ชีวิตติดเพื่อน สไมล์เคยพูดถึงแม่ว่า "เค้ายังมีเพื่อน มีการมีตติ้งอยู่ทุกวัน หนูเข้าใจว่าวัยรุ่นบางทีไม่สามารถเสียสละได้" "การที่เค้ามีลูกเร็ว ทำให้เค้าเลี้ยงเราไม่ได้"

ขายครีม ทำงานทุกอย่างที่ได้เงิน

แม้ว่าจะหน้าตาสะสวย แต่เส้นทางในวงการบันเทิงก็ไม่ได้สวยหรูหรือสบายอย่างที่คิด หลังจากเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงของเอ็กซ์แซ็กท์หลังจบรายการเดอะสตาร์ สไมล์ก็ต้องออกจากที่นี่เพราะไม่มีงาน สไมล์บอกว่าไม่มีงาน และทางช่องก็ไม่สามารถหางานให้เธอได้ เธอยังเคยขายครีมจากการเก็บหอมรอมริบเงินของตัวเอง เพราะเธอเคยชินกับชีวิตที่ต้องดิ้นรนด้วยตัวเองเพราะทางบ้านไม่สามารถให้เงินกับเธอได้ แต่สไมล์ก็บอกว่า แม้ว่าเธอจะไม่เคยได้รับอะไรเหมือนกับครอบครัวอื่น แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองขาด เพราะเคยชินกับการต้องดิ้นรนด้วยตัวเองมาตลอด

โดนผู้จัดการหลอก-คิดไปในทางชู้สาว

สไมล์เปิดเผยในรายการ De - Talk EP.17 ว่า เธอเคยโดนผู้จัดการส่วนตัวหลอก ผู้จัดการที่ดูแลเธอในวงการบันเทิง และเธอเรียกว่า “แม่” มาโดยตลอด แต่กลับคิดกับเธอในทางชู้สาวแม้ว่าตอนนั้นสไมล์จะอายุได้เพียง 15 ปี เรียกได้ว่าเป็นฝันร้ายของสไมล์ที่ทำให้เธอหวาดกลัววงการบันเทิง และเป็นแผลในใจที่แค่คิดถึงก็ร้องไห้ออกมาได้ กว่าเธอจะกลับมายิ้มและพาตัวเองเข้าสู่วงการบันเทิงได้อีกครั้ง ทั้งใช้เวลาและใช้ความกล้าอย่างมาก

ถูกกดขี่ ขอให้ทำรายงานให้ดารารุ่นพี่

นอกจากนี้ สไมล์ในวัยนักศึกษาอนาคตไกล ยังถูกผู้จัดการขอให้ทำรายงานให้กับดารารุ่นพี่อีกคนที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน ทั้งๆ ที่ตัวสไมล์เองก็เรียนหนักพอๆ กัน แต่ด้วยความที่เป็นผู้น้อย และเป็นเด็กใจดี สไมล์ก็ยอมทำให้ และจริงๆ แล้วยังมีอีกหลายๆ เหตุการณ์ที่สไมล์รู้สึกว่าตัวเองถูกปฏิบัติในฐานะที่เป็นเบี้ยล่าง

ถูกหาว่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะ

ไม่ใช่ว่าสไมล์จะทนเป็นเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว แต่ด้วยสไมล์ที่เด็กอายุยังน้อย เมื่อเทียบกับผู้จัดการของเธอที่มีหน้ามีตาในสังคม อยู่ในวงการมานานกว่ามาก และยังมีนิสัยใจคอภายนอกที่เป็นคนดี จึงทำให้ไม่มีใครเชื่อเธอ และมองว่าเธอโกหกอีกต่างหาก สุดท้ายเธอจำใจปล่อยผ่าน และตั้งใจเล่าเรียนจนจบ แถมยังเรียนต่อปริญญาโทได้เกรดเฉลี่ย 4.00 สมใจ

เข้าสู่วงการบันเทิง บทเล็กๆ น้อยๆ ก็เอา

ด้วยความรักในงานวงการบันเทิง สไมล์พาตัวเองกลับเข้ามาอีกครั้ง หลังจากที่เคยเครียดจนถึงขั้นหนีกองถ่ายไปบวช หรือเคยคิดฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายด้วยจิตใจที่คิดดีทำดีและเข้มแข็ง ความสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กเพียงลำพังของเธอ ทำให้เธอคิดได้และตั้งใจเรียน และกลับมารับงานบันเทิงอีกครั้ง เป็นช่วงพิสูจน์ตัวเองอย่างแท้จริง บทเล็กบทน้อยตัวประกอบสไมล์รับหมด และตั้งใจแสดงกลับมาเป็นสไมล์คนเก่าที่รับผิดชอบในหน้าที่การงานได้ดีเหมือนเดิม ผู้ใหญ่จึงค่อยๆ ให้โอกาสกับบทที่ใหญ่ขึ้นๆ และกลับมาโลดแล่นในวงการบันเทิงได้อย่างเต็มตัวอีกครั้ง

ในปัจจุบัน ชีวิตของสไมล์มีความสุขมากขึ้น มีคนที่รัก มีงานที่ดี ครอบครัวของสไมล์อบอุ่นขึ้น และยังคงรับงานแสดงอยู่เรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน

"จริงๆ แล้วโลกนี้มีคนดีๆ และพลังงานบวกอีกเยอะมาก เลยทำให้สไมล์กลับมาสู้อีกครั้ง และบอกตัวเองว่า จริงๆ เราเองยังมีอะไรอีกหลายอย่างมากที่ถือว่าเป็นข้อดีในชีวิต ส่วนข้อไม่ดีต่างๆ ต้องใช้เวลาในการปรับ"

"ณ วันนี้สไมล์กับครอบครัวเราดีขึ้นกันมากๆ มันเปลี่ยนได้จริงๆ สไมล์ก็เลยคิดว่า สิ่งที่เราคิดว่าจะเปลี่ยนไม่ได้เลย มันกลับกลายเป็นว่า วันนึงถ้ามันจะเปลี่ยนมันก็เปลี่ยนของมันเอง ครอบครัวของสไมล์เองทุกคนต่างใจเย็นลงและเสียสละให้กันมากขึ้นทุกๆ วัน ทุกอย่างก็เลยลงตัวค่ะ เราอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาแต่เมื่อเราทุกข์เราก็โทรหากัน เจอกันในวันที่เราต้องการความสุขร่วมกันแบบนี้มากกว่าค่ะ"