สรุปงาน “WWDC 2023” การเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ พร้อมเทคโนโลยีล้ำมากมาย
มาแล้วครับ บทสรุปของงาน WWDC 2023 ที่เพิ่งเปิดอย่างเป็นทางการรอบนี้ Hardware มา 4 Software มาเพียบ
Apple ได้เผย Keynote การเปิด Software ใหม่ล่าสุดแล้วอย่างเป็นทางการทั้งนี้มีหลากหลายที่มีการเผยโฉมและอัปเดตมากมาย แต่จะมีอะไรที่น่าสนใจครั้งนี้ทีม Sanook Hitech ได้สรุปให้คุณได้ดูกันครับ เริ่มจาก
MacBook Air 15 นิ้ว
ข่าวลือที่มีการเล่ามาก่อนหน้านี้ว่า MacBook Air ขนาด 15 นิ้วจะเปิดตัว ก็เป็นจริง โดยจะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.3 นิ้ว ใช้ชิป M2 พร้อมกับประสิทธิภาพที่ดีกว่า MacBook Air Intel เท่า แบตเตอรี่ใช้งานนานสุด 18 ชั่วโมง บางกว่าเดิม และน้ำหนัก 3.3 ปอนด์ ให้ลำโพงทั้งหมด 6 ตัวด้วยกัน ในราคา 1,299 ดอลล่าร์สหรัฐฯ สามารถจองได้วันนี้ส่งมอบกับกลุ่มประเทศแรก สำหรับเมืองไทยสามารถกดดูได้ที่ : เปิดตัว MacBook Air 15 นิ้วใหม่ล่าสุด จอใหญ่ เสียงดี และลดราคารุ่นเดิม
Mac Studio
ไม่ได้มีการปรับหน้าตาใหม่แต่ว่ามีการเพิ่มชิป M2 Pro, M2 Max และ M2 Ultra เข้าไปในรุ่นนี้โดยรุ่นที่ติดตั้งชิป M2 Ultra จะเพิ่มประสิทธิภาพได้ดีกว่าเดิม เคลมว่าเร็วกว่า Intel กว่า 6 เท่า และต่อเชื่อมจอ Pro-Res XDR Display ได้พร้อมกัน 8 หน้าจอ รายละเอียดที่เหลืออ่านต่อได้ที่ : เปิดตัว Mac Studio ใหม่และ Mac Pro กับขุมพลัง M2 Ultra ตัวท็อปสุดแรง
Mac Pro
หลังกจากที่ไม่ได้ปรับมานานในที่สุดได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการโดยเครื่องดีไซน์ยังคงเหมือนเดิม มีชิป M2 Ultra ที่แตกต่างคือสามารถต่อกับช่อง PCIe Gen 4 ได้ทั้งหมด 5 ช่อง รุ่นท็อปสามารถเลือกความจำได้สูงสุด 192GB มีช่อบงเสียบ HDMI และรองรับหน้าจอได้ 6 หน้าจอ และรวมถึงขุมพลังแรงแรงสุด ในราคาเริ่มต้น 6,999 ดอลล่าร์สหรัฐฯ รายละเอียดที่เหลือและราคาประเทศไทยอ่านได้ที่ : เปิดตัว Mac Studio ใหม่และ Mac Pro กับขุมพลัง M2 Ultra ตัวท็อปสุดแรง
macOS
สำหรับ macOS ใหม่นี้มีชื่อว่า Sonoma สิ่งที่เพี่มเติมมีดังนี้
- Widget สามารถใช้ Widget ลักษระเดียวกับ iPhone, iPad และยังกลมกลืนกับ Wallpaper และสามารถเติมได้ตลอดเวลา
- Game นอกจากให้จอย PS5 ต่อเชื่อมได้แล้วยังมีการเพิ่ม Game Porting API เพิ่มความเร็วในการพัฒนาเกมบนทรัพยากรของ Mac
- Video Conference สามารถให้คุณเลือกการแสดงผลพรีเซนต์ให้สไตล์อย่าทางไหนหลังคุณ หรือจะคุณแสดงผลหน้าแค่เล็กๆ และยังแสดงผล Effect เบื้องต้นใช้ได้กับ Zoom, Microsoft Team, Web Ex เป็นต้น
- Safari ยังเพิ่มระบบความปลอดภัยเข้าไปทั้งการดูแลรหัสผ่าน กำหนด Profile ในการเว็บไซต์ของเว็บไซต์เพื่อความปลอดภัย และยังมี การเชื่อมต่อกับ Web Apps สามารถกดเพื่อแสดงเก็บไว้เป็น Apps และเราสามารถแสดงผลด้านข้าง สำหรับเว็บที่ไม่หนักมาก
iOS 17
ลูกเล่นของ iOS 17 มีการเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่หน้า Phone Call ที่เราสามารถแสดงผลรูปหน้าได้เต็ม และยังมีฟีเจอร์ Live Voice Mail สามารถแสดงผลข้อความได้ด้วยแต่ได้เฉพาะบางภาษาแน่นอน
- Face Time สามารถแสดงผลหน้าจอได้เต็มและสามารถให้ส่องไปยังวัตถุเช่นสัตว์เลี้ยงของเราได้ด้วย
- Message มีการเพิ่ม Search Filter เลือกการเพิ่ม, แสดงผลข้อความเสียงเป็นข้อความได้, Check-in กิจกรรมที่ต้องทำร่วมกันรหรือดีเลย์ และยังสามารถแสดงผลแบตเตอรี่, สถานที่เฉพาะคนที่ตั้งอยู่ในกิจกรรม Check-in ได้, สามารถเพิ่มสติ๊กเกอร์ไปในข้อความที่เราสนใจ และยังสามารถเอาคลิปสั้นๆ มาทำเป็น Sticker ได้
- AirDrop : เพิ่มฟีเจอร์ NameDrop กับเพื่อนของเราตั้งแต่เบอร์โทรศัพท์ รูปภาพ, วิดีโอขนาดใหญ่, รวมไปถึง การแชร์เพลงได้ ทั้งนี้ Shareplay เปิด API ให้นักพัฒนาได้ทดลอง
- Keyboard : เพิ่มความฉลาดของการพิมพ์ หรือ Intelligent Keyboard โดยมีระบบแก้ไขข้อความให้ถูกต้องได้แค่แตะ และคาดเดาประโยคในการพิมพ์ได้ และยังสามารถเติมประโยคด้วยเสียงได้
- Journal : โปรแกรมไดอารี่ที่คุณสร้างเองหรือระบบสร้างก็ได้สามารถเลือกภาพ วิดีโอ เนื้อเรื่องสถานที่เข้ารวมกันทำให้ได้ประสบการณ์ที่ดีในการไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ
- Standby สามารถทำงานเมื่อคุณ iPhone บนแทน iPhone จะทำหน้าที่เป็นหน้าจอไว้สั่งงานเบื้องต้นและเมื่อ iPhone ชาร์จไฟจะหรี่แสงไม่ให้รบกวนสายตาคุณ
- นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงอีกทั้งใส่ชื่อคนในรูปได้, ตั้ง Offline Maps และรวมไปถึงคำสั่ง Hey Siri จะเหลือแค่ Siri เท่านั้น
iPadOS 17
นอกจาก iOS 17 จะเปลี่ยนแปลงเยอะแล้ว iPad OS 17 เปลี่ยนเยอะเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
- Widget, Lock Screen : การสั่งงานจะง่ายมากขึ้นสามารถแตะเพื่อสั่งงานได้หลากหลายและสามารถปรับได้หลากหลาย รวมถึง Lock Screen เราสามารถ สั่งงานได้หลากหลายหน้าจอ รวมถึง Live Photos สามารถสแดงผลได้ในแบบ Slowmotion หรือจะแสวดงผลตามดาวที่คุณต้องการ ปรับแต่งนาฬิกา เพิ่ม Widget อยู่ทางซ้ายมือและใส่ได้ตามใจ
- Live Activities : แสดงผลกิจกรรมที่คุณต้องทำหรือเวลาต่างๆ ไว้บนหน้า Lock Screen ได้แบบ iPhone
- Health: ครั้งแรกบน iPad สามารถเชื่อมต่อกับ iPhone, Apple Watch เมื่อหน้าจอใหญ่แสดงผลได้มากขึ้นและยังเปิด Health API สำหรับ iPad ให้นักพัฒนาเพิ่มลูกเล่นได้
- PDF : สามารถเติมข้อความ และส่งอีเมลได้ด้วย และยังสามารถให้ Note เขียนเข้าไปและยังสามารถเขียนข้อความร่วมกันกับเพื่อนคุณ ไม่ว่าอยู่ใกล้หรือไกลผ่าน Face Time ได้ด้วย
- นอกจากนี้ยังสามารถใช้กล้องบนหน้าจอภายนอกของ จออื่นๆ ได้
Audio & Home
- มีการเพิ่มลูกเล่นให้กับ AirPods ทั้งสามารถได้ยินเสียงรอบข้างอัตโนมัติ และลดเสียงรบกวนได้ด้วย
- นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับ HomePods ของคุณได้อัตโนมัติ และสั่ง Siri เล่นเพลงได้นอก Apple Music
- AirPlay in Hotel สแกน QR Code ก็ยังสามารถใช้งาน Apple TV ของคุณได้ทันที
- Car Play ยังสามารถ Share Play เข้าไปยังวิทยุในรถยนต์ได้
- tvOS สามารถเพิ่มการควบคุมอุปกรณ์ AIoT ได้ ใช้มือถือตามหา Remote TV ได้และอนาคตจะมี Face Time For ได้ด้วย แต่การทำงานคือคุณสามารถจาก iPhone แล้วพลิกกับอุปกรณ์เสริม ดึงภาพขึ้นหน้าจอและสามารถใช้ Share Play ได้
watchOS 10
เพิ่มบทบาทให้กับ Digital Crown มีบทบาทมากขึ้น สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือเรื่องการใช้งานได้สะดวกตั้งแต่ Widget ขนาดเล็กแต่ใช้สะดวก, การเพิ่มเติมในเรื่องของ การแสดงผลเวลาทั่วโลก, Health ที่สามารถเลื่อนผ่าน Digital Crown ได้ง่ายมากขึ้น ปรับดีไซน์การแสดงผล Tiles ให้แสดงผลได้ง่าย และยังมี Face Watch ให้เลือกมากมาย หนึ่งในนั้นคือ Snoopy และมีเรื่องราวของสุขภาพดังนี้
- Cycling : โปรแกรมออกกำลังกาย เชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์เกี่ยวกับการปั่นจักรยานโดยผ่านค่า FTP วัดเป็นโซนที่เหมาะสมแถมยังแสดงผลบน iPhone บอกเป็นข้อมูลขนาดใหญ่ได้ด้วย
- Hiking : ในโปรแกรมกรมการปีนเขา จะมีการบอกสัญญาณว่ามีไหมหรือใครขอความช่วงเหลือ และรวมถึงสถานที่ตั้งแคมป์ สามารถบอกเป็นช่วยความสูงและค้นหาสถานที่ต่างๆ บอกเรื่องข้อมูลความสูงได้
- และยังมี Workout API ที่สามารถพัฒนาได้เช่นมีข้อมูลเกี่ยวกับกีฬากอล์ฟ วัดวงสวิง หรือเทนนิสที่สามารถข้อมูลการออกกำลังกายได้ด้วย
- Mantal Health : โปรแกรมวัดคุณภาพของความเหมาะสมเกี่ยวกับความเหมาะสมของอารมณ์ที่เกิดขึ้น
- Vision Health : สามารถดูเกี่ยวกับสุขภาพได้ทั้งแบบครอบครัว หรือ ตัวคุณเองเช่นการใช้งาน iPad หรือ iPhone ใกล้เกินไปหรือเปล่าสำหรับเด็ก และยัง ตั้ง Family
Apple Vision Pro / Vision OS
เซอร์ไพรส์ของแท้ แว่น Mixed Reality แค่สวมใส่ก็จะสามารถกดสั่งงานได้ วิธีการสั่งแค่จีบ! และยงสให้มุมมองภาพวิดีโอได้ไกลมากขึ้นและสามารถขยายใหญ่และ Interface คล้ายกับ iPhone ผสมกับ Apple Watch แถมยังขยายใหญ่เลื่อนขึ้นลง เพิ่มเติมพื้นที่ได้ผ่าน Digital Crown ได้ด้วย
การสั่งงาน Apple Vision Pro เรียกว่า ใช้การมองนิ้วขยับสั่งงานและยังสามารถสั่งงาน Siri ให้พูดพิมพ์ข้อความได้ด้วย และยังเพิ่ม Eye Sight เมื่อเพื่อนคุณหรือคนในบ้านเข้าใกล้จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการมองในฉากได้
การทำงาน Vision Pro สามารถเชื่อมต่อ File กับอุปกรณ์ Apple ได้ครบและสามารถแสดงผลได้ละเอียด และเชื่อมต่อกับ Mac ย้ายหน้าจอขึ้นมาได้ และ ทำงานกับ Magic Keyboard ได้ และยังสามารถเพิ่ม Folder ดูวิดีโอความทรงจำแสดงผลเสียงแบบรอบๆ นอกจาสกนี้ยังสามารถบันทึกวิดีโอและภาพนิ่งในแบบ Spatial Video และยังให้คุณเล่นเกมได้เพลิดเพลินอีกด้วย
ภายในของ Vision Pro จะมาประกอบด้วย กล้องทั้งหมด 12 ตัว 5 เซนเซอร์ และมีลำโพงเสียงรอบเทศ จำเป็นต้องมีชิปทั้ง M2 และ R1 รุ่นใหม่ ซึ่งการออกแบบจะทำให้ใส่ได้สบาย ทั้งนี้ปุ่มกดและการสั่งงานสามารถกดผ่านแว่นได้หรือจะใช้ Digital Crown อยู่ทางด้านบน ทำงานผ่าน Vision OS ที่เหมือนก็นการยก macOS, iOS และ iPad OS ไว้บนที่ตาคุณ การแสดงผลใช้เทคโนโลยี Micro OLEDที่สามารถเปิดปิดเฉพาะส่วนที่ต้องการแสดง มิน่า ทำไมถึงให้คนลอดออกมาได้เพราะแบบนี้นี่เอง
ด้านความปลอดภัยมีการใช้ Optic ID สแกนตาผ่านแว่น "โดยใช้ม่านตาดำของคุณ" เพื่อปลดล็อคความปลอดภัย และยังรักษาความเป็นส่วนตัวได้ด้วย หากคุณมองเพียงคนเดียวไม่ได้มีเกี่ยวกับใครก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
แต่แว่น VR เปิดราคามาที่ 3,999 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 120,000 บาท และวางจำหน่ายอีกไม่นานหลังจากนี้ เหลือเพียงแค่เก็บเงินและเตรียมหา Software ใหเพื่อมาใช้เจ้าสิ่งนี้กันนะครับ (ถ้ามีตังค์) สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แอปเปิล เปิดตัว "Vision Pro แว่น AR" กระโจนเข้ากลุ่มเทคโนโลยีเสมือนจริง ในราคา 1.2 แสนบาท
คุณกำลังดู: สรุปงาน “WWDC 2023” การเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ พร้อมเทคโนโลยีล้ำมากมาย
หมวดหมู่: เคล็ดลับ