สัตว์ประหลาดที่โลกรอ : นาโอยะ อิโนะอุเอะ นักชกที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
นานมาแล้วที่วงการญี่ปุ่นไม่มีนักมวยสากลเก่งๆ ให้แฟนหมัดมวยแดนซามูไรได้ภูมิอกภูมิใจ แม้แดนอาทิตย์อุทัยจะสามารถสร้างแชมป์โลกได้อย่างต่อเนื่อง แต่นักชกรุ่นหลังๆ ก็ไม่ใคร่จะสร้างชื่อสั่นสะเทือนวงการในระดับโลกนัก
ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน ไม่เคยมีใครทำให้คนญี่ปุ่นที่บ้ากีฬาการต่อสู้ได้ชื่นใจจริงๆ สักที จนกระทั่งมาถึงยุคสมัยของราชาคนใหม่ในยุคปัจจุบัน ที่ว่ากันว่า ณ นาทีนี้ เขาเล็งไปที่เป้าใหญ่อย่าง วาซิลี่ โลมาเชนโก้ แชมป์โลกจากยูเครนเลยทีเดียว
ชื่อของเขาคือ นาโอยะ อิโนอุเอะ เจ้าของฉายา "สัตว์ประหลาด" เพราะสไตล์ที่เดินหน้าชกและว่องไวเหมือนในระดับเดียวกับที่ แมนนี่ ปาเกียว เคยสร้างปรากฎการณ์เมื่อครั้งอดีต "อิโนะอุเอะ" มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร และเขาถูกคนมวยทั่วโลกให้คำจำกัดความแบบไหน? ติดตามได้ที่นี่
พระเอกการ์ตูนญี่ปุ่น
"เป้าหมายของผมคือการเป็นนักมวยและการคว้าแชมป์โลกหลายๆครั้ง หลายๆรุ่น และถือเข็มขัดเหล่านั้นไว้ให้นานที่สุด" นี่คือสิ่งที่เด็กชาย นาโอยะ อิโนะอุเอะ บอกกับเพื่อนๆหน้าชั้นเรียน และมันปรากฎในบทความ "12 เรื่องที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับ อิโนะอุเอะ" ของเว็บไซต์ ringtv.com
Photo : Boxeadores
หากคุณเป็นคอการ์ตูนญี่ปุ่นสักหน่อยคุณคงจะนึกภาพออก ภาพของพระเอกของเรื่องในวัยเด็กที่เป็นเด็กชายบ้าพลัง มีพลังงานในตัวเหลือล้น
นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ อิโนะอุเอะ ไม่ชอบอยู่กับบ้าน เขามักจะหาเรื่องออกไปเล่นกีฬากลางแจ้งกับเพื่อนๆตลอดเวลา ไม่ว่าจะฟุตบอล เบสบอล ซึ่งในตอนนั้นเขายังไม่ได้ลองชกกับใครจริงๆเสียที เพราะยังเด็กมาก แต่พื้นฐานการเป็นคนพลังเหลือนี้คือ "รากฐาน" ที่จะทำให้เขาเหมาะกับการเป็นนักมวยแบบไม่รู้ตัว
มันคือเรื่องปวดหัวของคนที่เป็นพ่อและแม่อย่างยิ่ง เมื่อมีลูกที่ไม่ค่อยสนใจเรียน ชินโงะ อิโนะอุเอะ พ่อของเขาบอกว่าตอนแรกที่ นาโอยะ เกิดมาหน้าตาน่ารักน่าชังจนตัวของ ชินโงะ และ ภรรยา มักจะเรียก นาโอยะ (ในแบบที่รู้กันแค่ 2 คน) ว่า "เทวดาน้อย" แต่ทั้งคู่ก็ต้องปวดหัวเมื่อ นาโอยะ ทั้งซนทั้งแสบจนแทบไม่เหลือฉายาเดิมเลยเมื่อเขาเริ่มรู้ความ
แม้เขาจะชอบเล่นกีฬา และหัดชกมวยตั้งแต่สมัยเรียนประถม แต่ความโชคดีของ อิโนะอุเอ คือ พ่อและแม่ของเขาเปิดโอกาสให้เขาทำมันอย่างเต็มที่
โดยปกติแล้วค่านิยมของสังคมญี่ปุ่นนั้น มักจะเน้นไปที่การให้ลูกมีฝันเป็นเจ้าคนนายคนในบริษัทใหญ่มากกว่าการเป็นนักกีฬาหรือนักมวย ที่จะมีผู้ชนะได้เพียงแค่ 1 เดียวในโลกเท่านั้น ในแต่ละรุ่น นั่นเท่ากับว่าจะมีคนล้มเหลวอีกมากมายนับไม่ถ้วนที่ไปไม่ถึงจุดนั้น
แต่ ชินโงะ ผู้เป็นพ่อรู้ดีว่าทำไมลูกชายเขาจึงอยากเป็นนักสู้
เพราะมันคือเรื่องราวของลูกไม้ตกไม่ไกลต้น ในอดีต ชินโงะ
เคยเป็นนักมวยสมัครเล่นมาก่อน แต่อาชีพนักชกก็ไปไม่ถึงไหน
เพราะว่าเขาไม่มีความสามารถและฝึกหัดช้าไป
ดังนั้นหากลูกชายของเขาอยากจะเป็นนักมวย
เขาเชื่อว่าตนเองควรเปิดโอกาสให้ลองวัดดวงกับมันดูสักตั้งว่าสุดท้ายและ
นาโอยะ จะไปได้ไกลแค่ไหน
เมื่อพระเอกได้รับไฟเขียวจากที่บ้านให้เลือกเดินในทางที่ตัวเองมั่นใจ เขาจึงทำในสิ่งที่เหมือนกับเกิดขึ้นในการ์ตูนกีฬาหลายๆเรื่อง นั่นคือเอาจริงกับมันซะ และบอกให้พ่อกับแม่รู้ว่าพวกเขาจะไม่เสียใจที่ปล่อยให้ลูกชายเลือกเป็นนักมวย
ถ้าหากเป็นในการ์ตูน ตามหลักการเดินเรื่องนั้น พระเอกจะต้องเป็นคนที่ฝีมือไม่เอาไหนแต่ใช้ความพยายามเข้าแลกก่อน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับ นาโอยะ อิโนะอุเอะ
คือเขาเก่งเลยทันทีไม่รอให้ใครต้องมาลุ้นอะไรเลย เพราะ อิโนะอุเอะ
คว้าแชมป์รุ่นจูเนียร์ระดับประเทศ 2 ปีติดต่อกันในปี 2009 และ 2010
...
แต่เรื่องมันจะสนุกได้อย่างไรถ้าเขาเก่งที่สุดในโลกเลยตั้งแต่เวลานี้
เรื่องนี้มีรสชาติขึ้นเมื่อการชิงแชมป์เยาวชนโลกในปี 2011
เขาไปไม่ถึงฝันด้วยการแพ้ ยอสวานี่ ไวเทีย นักชกชาวคิวบา ตกรอบที่ 3
ไปอย่างน่าผิดหวัง ...
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด
Photo : ringtv.com
หากไม่แพ้เสียก่อน ไม่พลาดเสียก่อน ก็จะไม่รู้เลยว่าตัวเองมีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง? การพ่ายแพ้ครั้งนั้นทำให้ อิโนะอุเอะ กลับมาทบทวนและทำอะไรหลายอย่าง
เขาพบว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือพื้นฐาน เมื่อพื้นฐานดีแล้วจะเพิ่มอะไรจะเติมตรงไหนเข้าไปมันก็เป็นเรื่องง่ายกว่ามุ่งฝึกด้านใดด้านเดียวจนเผยจุดอ่อนด้านอื่นๆให้คู่ต่อสู้เห็น
"มันคือเรื่องของแรงบันดาลใจตลอดช่วงการฝึกซ้อมและปรับปรุงความคิดของตัวเองในทุกๆวัน ผมไม่ได้ทำอะไรที่มหัศจรรย์เลย แต่สไตล์ของผมมันก่อตัวขึ้นจากการฝึกขั้นพื้นฐานทุกวัน" อิโนะอุเอะ ว่าถึงหลักการฝึกที่ตนเองยึดถือมาตลอด
ปล่อยน้ำหนัก 3 รุ่น คว้า 3 แชมป์
"กุญแจสำคัญคือความทุ่มเท
สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างคนๆหนึ่งที่พยายามฝึกหนักในยิม 2
ชั่วโมงทุกๆวันเป็นระยะเวลาหลายปี
กับคนที่สู้แค่ครึ่งๆกลางมันต่างกันลิบลับ...ไม่ใช่แค่เรื่องมวยหรอกจะเรื่องไหนในชีวิตมันก็ได้ทั้ง
และผมใช้แนวคิดนี้ในการซ้อมของผมทุกๆวัน" อิโนะอุเอะ
กล่าวถึงตัวตนที่เขาเป็นมาตลอด
การเป็นเด็กเก่งไม่สุดก็ดีไปอีกอย่าง... เพราะเมื่อเทิร์นโปรแล้วมันทำให้ อิโนะอุเอะ กลายเป็นคนที่มีความกระหายในความสำเร็จมากจนที่ทำให้ตัวเขาเองยอมฝึกซ้อมหนักและทิ้งชีวิตวัยรุ่นไปได้แบบไม่ต้องลังเล
อิโนะอุเอะ เปิดตัวการชกอาชีพในรุ่น ไลท์ฟลายเวต 108 ปอนด์
หรือรุ่นเกือบเล็กสุดโดยได้รับการเซ็นสัญญากับค่าย Ohashi Boxing Gym
เหตุผลที่เขาเลือกค่ายมวยนี้เพราะในสัญญาระบุว่า
"เขาจะไม่ได้เจอกับมวยส้วม" หรือนักมวยไร้ฝีมือที่ชกกันไปอย่างนั้น
ชนะก็ไม่ได้อะไร
Photo : Japantimes
ซึ่งเจ้าของค่ายที่เคยเป็นแชมป์โลกรุ่นมินิมั่มเวต 105 ปอนด์ หรือเล็กสุดๆ อย่าง ฮิเดยูกิ โอฮาชิ ตัดสินใจมอบอภิสิทธิ์นั้นให้กับ อิโนะอุเอะ อย่างเต็มใจ
อิโนะอุเอะ ยังคงเป็นคนเดิม ถึงแม้จะหยิ่งผยองชอบเรียกร้องอะไรที่ทำให้คนอื่นต้องลำบากใจ แต่สุดท้ายเขาจะแสดงให้เห็นว่าทำไมจึงควรให้โอกาสเขา
บทแรกของอาชีพนักชก อิโนะอุเอะ เก็บนักชกฟิลิปปินส์อย่าง ไครสัน โอมาเยา ด้วยการน็อคเอาต์ในยกที่ 4 ก่อนที่จะจัดการกำปั้นไทยอย่าง เงาพระจันทร์ ชูวัฒนา ปิดท้ายด้วยการสอยนักสู้เพื่อนร่วมชาติอย่าง ยูกิ ซาโนะ ...
นักชกจาก ฟิลิปปินส์, ไทย, ญี่ปุ่น ทั้งหมดนี้โดนดาวรุ่งพุ่งแรงสอยเกลี้ยงภายในระยะเวลาแค่ 6 เดือนเท่านั้น
สิ่งสำคัญของการเป็นนักมวยคือ ห้ามอยู่กับที่ บนเวทีเท้าของคุณต้องเล่นฟุตเวิร์กตลอดเวลาเพื่อหลบหลีกและหาจังหวะโจมตีครั้งสำคัญ ส่วนนอกสังเวียนก็ไม่ต่างกัน เมื่อมีโอกาสขยับรุ่นที่จะทำให้ได้ทั้งเงินและได้ชื่อเสียงมากกว่ายังไงก็ต้องทำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ อิโนะอุเอะ ที่เป็นคนเลือกเอง ทุกครั้งที่ชนะเขาจะไม่หันมองกลับไปข้างหลัง หรือเสียเวลาให้กับนักชกหางแถวที่ต่อให้ชนะแล้วก็ไม่ทำให้ตัวเขาเก่งขึ้นมาได้
หลังจากต่อยรุ่น ไลท์ฟลายเวต อยู่ 2 ปี อิโนะอุเอะ ท้าข้ามทีเดียว 2 รุ่นด้วยการขอชิงแชมป์กับ โอมาร์ อันเดรส นาวาเอซ เจ้าของแชมป์โลกรุ่นจูเนียร์แบนตัมเวต 115 ปอนด์ (ที่ส่วนใหญ่เราจะคุ้นกับชื่อ ซูเปอร์ฟลายเวต มากกว่า) ของ WBO ทันที
ถือว่าเป็นอะไรที่กล้าและซ่ามากพอดู เพราะตัวของ นาวาเอซ ป้องกันแชมป์รุ่นนี้มาได้ถึง 11 ครั้ง รวมถึงเคยเป็นแชมป์รุ่นฟลายเวต 112 ปอนด์ ของสถาบันเดียวกันนานถึงเกือบ 8 ปี ซึ่งเป็นรุ่นที่อิโนะอุเอะข้ามไปเลยอีกด้วย แม้จะมีข้อกังขาอยู่บ้างตรงที่ว่า เขาจงใจหนียอดมวยรุ่นฟลายเวตในตอนนั้นอย่าง โรมัน กอนซาเลซ กับ ฮวน ฟรานซิสโก เอสตราด้า หรือไม่
Photo : Boxrec
ทุกอย่างเป็นไปตามวัฎจักร คลื่นลูกใหม่มักจะไล่คลื่นลูกเก่าเสมอ นาวาเอซ แก่ตัวลงและรอวันจะเจอกับคนที่เก่งพอจะมาเข็มขัดแชมป์โลกของเขาไป หลังจากรอมา 12 ปี เขาก็ได้เจอคนที่เฝ้ารอแล้ว
เพราะผู้ท้าชิงในวันนั้นใช้การชกลำตัวหลังจากระฆังยกแรกดังไม่กี่วินาที ความหนักหน่วงนั้นทำให้ นาวาเอซ ออกอาการ และสุดท้ายก็ตามมาเก็บงานในยกที่ 2 คว้าแชมป์โลกเส้นที่ 2 ได้สำเร็จ แม้เพิ่งเคยชกอาชีพไปเพียง 8 ไฟต์เท่านั้น
และหลังจากนั้นเขาป้องกันแชมป์ได้ 7 สมัย ก่อนจะขยับรุ่นและท้าชิงกับ เจมี่ แม็คดอนเนลล์ เจ้าของแชมป์โลกรุ่นแบนตัมเวต 118 ปอนด์ ของสถาบัน WBA ซึ่งในไฟต์นี้ถือว่าเป็นไฟต์สำคัญมาก
แม็คดอนเนลล์ เป็นแชมป์ที่ชกมาในเวทีหลายประเทศทั้ง สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และเป็นแชมป์ที่ทุกคนเห็นๆ กันว่ามีฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดา หาก อิโนะอุเอะ คว่ำ แม็คดอนเนลล์ ได้มันจะเป็นการพิสูจน์ตัวเองครั้งสำคัญของเขาเลยทีเดียว
ไฟต์นั้นจบลงไวแต่ทำให้ทุกคนเห็นภาพชัดเจนมากที่สุดไฟต์หนึ่งว่า อิโนะอุเอะ เป็นมวยฝีมือ เนื่องจากเขาใช้เวลาแค่ยกเดียวน็อคใส่ แม็คดอนเนลล์ โดยหมัดที่ทำให้แชมป์โลกหมดสภาพคือหมัดที่เล็งไปที่กระโหลกอย่างตั้งใจ ซึ่งไม่ใช่ของง่ายแน่นอน จบไฟต์นั้นเขาได้ฉายาจากสื่อว่า มอนส์เตอร์ หรือ สัตว์ประหลาด ทันที
สก็อตต์ กราเวอสัน (Scott Graveson) กูรูจาก Boxing Prospects
ถึงกับเอาสิ่งที่เขาเห็นในวันนั้นไปวิจารณ์และเขียนลงเว็บไซต์ในหัวข้อที่ชื่อว่า
"นาโอยะ อิโนะอุเอะ
จะเป็นแชมป์โลกดาวรุ่งที่ดีที่สุดได้หรือไม่?" (Is Naoya
Inoue the World’s Brightest Prospect?)
Photo : ringtv.com
"จากที่ผมเห็น อิโนะอุเอะ เป็นคนที่มีเนื้อตัวดีมาก ทักษะถือว่าครบเอาเรื่อง เป็นมวยบ็อกซิ่งที่กอดเก่งเทคนิคดี ที่สำคัญหมอนี่ควบคุมพื้นที่รอบตัวได้ดีมาก เขากดดันให้คู่ชกก่อความผิดพลาด และเมื่อเขาเห็นรอยปริแตกเพียงเล็กน้อย เขาจะใช้ประโยชน์จากได้ในท้ายที่สุด ...”
“จริงอยู่มีนักมวยแบบนี้เยอะ และมีหลายคนประสบการณ์มากกว่าเขา แต่ผมรู้สึกได้ว่าหมอนี่จะมีอะไรที่พิเศษหากได้รับการพัฒนาที่ถูกต้อง เขาจะกลายเป็นนักชกที่สมบูรณ์แบบ โดยมีทั้งความสมดุลของความสามารถและร่างกายที่จะเป็นกุญแจสำคัญ" สก็อตต์ กราเวอสัน บรรยายถึงสิ่งที่เขาสัมผัสได้จากการดูมวยไฟต์นั้น
ตอนนี้เขาปล่อยน้ำหนักจนกลายเป็นแชมป์โลก 3 รุ่นแล้ว แต่ก็ยังไม่พอ
หลังจากคว่ำทั้ง นาวาเอซ, แม็คดอนเนลล์ เรียบร้อย อิโนะอุเอะ
ขยับระดับไปลงแข่งขันในรายการ World Boxing Super Series
ที่รวมยอดนักมวยรุ่นแบนตัมเวตไว้ด้วยกันถึง 8 คน ต่อยกันแบบแพ้คัดออก
ที่สำคัญ หลายคนมีเข็มขัดแชมป์อยู่กับตัว หากมีใครเอาชนะได้
ก็จะกลายเป็นแชมป์โลกทันที
รอบ 8 คน ชนะน็อก ฮวน คาร์ลอส ปายาโน่ ตั้งแต่ยกแรก ป้องกันแชมป์โลก WBA ของตัวเองได้สำเร็จ ก่อนเข้าสู่รอบ 4 คนสุดท้าย ชนะน็อก เอ็มมานูเอล โรดริเกซ ยกสอง คว้าแชมป์รุ่นเดียวกันของ IBF มาอีกเส้น และสุดท้ายรอบชิงชนะเลิศ เขาจะต้องเจอกับบอสของรุ่นอย่าง โนนิโต้ โดแนร์ เจ้าของฉายา "ฟิลิปปินส์ แฟลช" ซูเปอร์แชมป์รุ่นแบนตัมเวตของ WBA ที่ทุกคนให้การยอมรับว่า "เก่งจริง"
อิโนะอุเอะ ค่อยๆ ไต่ขึ้นมาเรื่อยจนได้เจอกับของจริง นัมเบอร์ วัน ของรุ่นเสียที ศึกนี้เป็นศึกที่หลายคนมองว่า อิโนะอุเอะ จะได้เจอกับอะไรที่แปลกใหม่ เพราะก่อนหน้านี้เขาเป็นฝ่ายไล่ชกคู่แข่งมาโดยตลอด แต่ โดแนร์ เป็นมวยที่ทั้งหนักทั้งเร็ว มีดีกรียืนยันต่างมากๆมาย ทุกคนอยากจะเห็นว่าหาก อิโนะอุเอะ ที่เคยแต่ต่อยคนอื่นได้ลองกินหมัดของ โดแนร์ สักทีจะเป็นอย่างไร
ผลก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ อิโนะอุเอะ มีแผลแตกเหนือตาขวาเป็นแผลฉกรรจ์จากฤทธิ์หมัดของ ฟิลิปปินส์ แฟลช เลือดกำเดาไหลไม่หยุด ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับนักมวย เพราะมันทำให้เขาหายใจลำบาก จะหายใจทางปากก็ติดฟันยางอีกต่างหาก
Photo : TalkSport
แต่สิ่งหนึ่งที่เขาทำได้อย่างยอดเยี่ยมคือการมีสมาธิและการปล่อยหมัดที่แม่นยำ สวนได้หลายจังหวะ ออกแต่ละมัดทำเอาโดแนร์ซวนไปเซมา ทั้งสองวัดใจกันว่าใครจะลงและยื้อกันไปได้ถึงยก 11 อิโนะอุเอะ ที่มีหมัดต่อยลำตัวที่เป็นอาวุธหนักกดสูตรติดและจัดใส่ โดแนร์ ไปเต็มๆ และได้นับ
ณ นาทีนั้นคนดูเฮกันทั้งสนามแล้ว(ชกที่ญี่ปุ่น) เพราะหมัดแบบนี้ถือเป็นไพ่ตายของ อิโนะอุเอะ ถ้าลองได้ปล่อยใส่ใครจังๆ ยังไงก็จบเกม ในวันนั้น โดแนร์ กลับทนได้และไว้ลายดีกรีแชมป์ลุกขึ้นมาสู้จนครบยก ถึงแม้ว่าจะแพ้แต่ก็แพ้แบบสมศักดิ์ศรี....
อิโนะอุเอะ ยังคงเป็นสัตว์ประหลาดเหมือนเช่นเคย และหลังจากจบไฟต์นี้เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่หลายคนอยากเห็น นั่นคือไปเป็นมวยแม่เหล็กที่อเมริกาเพื่อลบข้อสงสัยที่ว่าเขาเป็นนักมวยที่เก่งในบ้านเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาเคยไปชิมลางป้องกันแชมป์รุ่นจูเนียร์แบนตัมเวตของ WBO ที่แดนลุงแซม 1 ครั้งเมื่อปี 2017 โดยเอาชนะ อันโตนิโอ นีเวส ยกที่ 6 ในศึกเดียวกับที่ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ย้ำแค้น โรมัน กอนซาเลส นั่นเอง
คาเย เซาเออร์แลนด์ (Kalle Sauerland) โปรโมเตอร์ผู้จัดแข่งขันรายการ WBSS ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าพลังหมัดของ อิโนะอุเอะ หากเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์นั้นหนักกว่า แอนโธนี่ โจชัว ในรุ่นเฮฟวี่เวต, เกเนดี้ โกลอฟกิ้น และ ซาอูล อัลวาเรซ ในรุ่นมิดเดิลเวตด้วยซ้ำไป
Photo : www.boxingscene.com
"นักชกที่ผมเอ่ยชื่อมาทั้งหมดต่างก็น่านับถือ แต่อิโนะอุเอะเป็นมวยหมัดหนักที่น่าจะเก่งที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่แค่ในญี่ปุ่น,ในเอเชีย หรือในอเมริกา ผมว่าน่าจะเก่งที่สุดในโลกแล้ว" คาเย ว่าเอาไว้แบบนั้น ... เพียงแต่มันยังต้องรอการพิสูจน์ ซึ่งโชคดีที่ อิโนะอุเอะก็ต้องกันบททดสอบนี้พอดี
นักชกที่แบกศักดิ์ศรีมวยญี่ปุ่น
“คุณตั้งใจจะเป็นแชมป์โลกแบนตัมเวต 4 สถาบันเลยหรือเปล่า” มีนักข่าวถามเขาอย่างนั้นหลังจากเอาชนะ โดแนร์ ได้ ก่อนที่ อิโนะอุเอะ จะตอบกลับว่า “แน่นอน ผมจะทำมัน"
19 ไฟต์ไร้พ่าย สอยแชมป์โลกร่วงตั้งแต่ยกแรก 2 คน เอาชนะแชมป์ที่หลายคนยอมรับอย่าง โดแนร์ แบบเป็นเอกฉันท์ ตอนนี้ อิโนะอุเอะ กลายเป็นนักมวยที่หลายคนรอจะเห็น โดยเฉพาะในอเมริกา เวทีเอกแห่งมวยโลกที่เปิดรับเฉพาะของจริงเท่านั้น และเขาเองก็รอที่จะสร้างปรากฎการณ์ในฐานะเมนอีเวนท์ หรือ "มวยคู่เอก" ให้ได้
"นี่คือช่วงเวลาที่ควรทำให้ทุกสิ่งลื่นไหลไปตามระบบ ผมคิดว่าผมสามารถชกกับใครก็ได้ ณ ตอนนี้ผมจะยังไม่ปีนน้ำหนักไปอีกรุ่น ผมจะอยู่ในแบนตัมเวตไปก่อน แฟนๆชาวอเมริกันส่วนใหญ่รู้จักเรื่องหมัดมวยกันดีอยู่แล้ว ผมหวังว่าผมจะได้เอาชนะคู่ชกให้พวกเขาได้ตื่นเต้นไปกับความเร็วของผม...น็อคเอาต์คือเป้าหมายที่ผมตั้งใจไว้ให้มันเป็นแบบนั้น"
Photo : www.mirror.co.uk
ไม่ใช่แค่แชมป์เพื่อตัวเอง แต่การไปอเมริกาหนนี้เป็นเหมือนการตามรอยนักชกอย่าง แมนนี่ ปาเกียว ที่ไปอเมริกาและเขย่าวงการมวยโลกเมื่อหลายปีก่อน นอกจากนี้ อิโนะอุเอะ ยังหวังว่าเขาจะกลายเป็นผู้แบกศักดิ์ศรีมวยญี่ปุ่น หลังจากซบเซามาเป็นเวลานานอีกด้วย
"ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองแบกความหวังทั้งหมดไว้บนบ่า หากผมไปอเมริกาแล้วแพ้ สิ่งที่ผมจะได้คือผมจะเป็นนักมวยที่ดีขึ้น แต่ถ้าผมเอาชนะได้ มวยจะกลับมาเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นอีกครั้ง และการทำเช่นนั้นคือหนึ่งในความฝันที่ผมตั้งเป้าหมายไว้"
เดิมที ณ เวลานี้ อิโนะอุเอะ จะต้องเตรียมตัวเจอกับ จอห์น รีล คาซิเมโร (John Riel Casimero) แชมป์โลกรุ่นแบนตัมเวตจากสถาบัน WBO และเป็นการชกที่อเมริกาแบบที่หวัง (มันดาเลย์ เบย์ รีสอร์ท ลาส เวกัส กำหนดวันที่ 25 เมษายน 2020) แต่น่าเสียดายที่แมตช์นี้ต้องเลื่อนไปแบบไม่มีกำหนด เพราะสถานการณ์ โควิด-19 ที่หยุดโลกกีฬาทุกชนิดลงพร้อมๆ กัน
สำหรับ อิโนะอุเอะ การชกกับ คาซิเมโร เป็นอีกหนึ่งไฟต์ที่เขาจะต้องโฟกัส อย่างไรก็ตามความทะเยอทะยานของเขานั้นสูงส่งนัก เพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาจะหยุดการไต่น้ำหนักไว้ที่กี่รุ่น โดยสถิติไต่น้ำหนักและเป็นแชมป์ก่อนหน้านี้ถูกทำไว้โดย แมนนี่ ปาเกียว ที่ไต่น้ำหนัก 8 รุ่นและคว้าแชมป์โลกได้ทั้งหมด
นั่นคือหนทางที่ อิโนะอุเอะ ต้องพิสูจน์ และด้วยวัยแค่ 25 ปี คงต้องบอกว่าเส้นทางของเขายังอีกไกล เขาอาจจะเก่งสุดขอบ หรือไม่ก็ตกตราชั่ง และสู้คนอื่นไม่ไหวก็ได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้หมด ... ใครจะไปรู้เขาอาจจะไต่ระดับไปถึงรุ่นไลท์เวต 135 ปอนด์ของ วาซิลี่ โลมาเชนโก้ ก็เป็นได้ เพราะเจ้าตัวก็เปรยให้ฟังอยู่บ่อยๆ
Photo : TrendsMap
ผมดูเทปของ โลมาเชนโก้ เพราะต้องการศึกษาสไตล์ของเขา วีดีโอการซ้อมก็ด้วยเช่นกัน แต่มันไม่มีเหตุผลอะไรมากไปกว่าการศึกษาเพื่อสร้างพื้นฐานให้กับตัวเอง ผมดูรูปแบบการชก การเคลื่อนไหวของเท้าและร่างกายส่วนล่างว่าพวกเขาทำกันอย่างไร และแน่นอนผมจะปรับมาใช้กับการฝึกซ้อมของตัวเอง"
ถึงตอนนี้ อิโนะอุเอะ คงได้แต่ภาวนาให้เหตุการณ์กลับมาเป็นปกติ เพราะเขากำลังอยู่ในช่วงที่พีกที่สุด และเป็นช่วงที่จะได้เจอกับยอดมวยในอเมริกา
ดังนั้นเขาควรจะรีบจัดการบันไดขั้นแรกให้สำเร็จก่อนนั่นคือการกวาดแชมป์รุ่นแบนตัมเวตครบทุกสถาบัน และจากนั้นค่อยมาดูกันว่าเขาจะไปได้ไกลสักเท่าไหร่ ไม่แน่เราอาจจะได้เห็น นิว ปาเกียว ก็เป็นได้
คุณกำลังดู: สัตว์ประหลาดที่โลกรอ : นาโอยะ อิโนะอุเอะ นักชกที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
หมวดหมู่: มวย