สื่อเวียดนาม วิเคราะห์ 4 ปัจจัย ที่ทำให้คุณภาพของ “ไทยลีก” ทิ้งห่าง “วีลีก” ไปไกล

สื่อเวียดนาม วิเคราะห์ 4 ปัจจัย ที่ทำให้คุณภาพของ “ไทยลีก” ทิ้งห่าง “วีลีก” ไปไกล

สื่อดังเวียดนาม วิเคราะห์ 4 ปัจจัย ที่ทำให้คุณภาพและความน่าสนใจของ “ไทยลีก” ทิ้งห่าง “วีลีก” ไปไกล

วันที่ 21 ม.ค. 66 onsports.vn สื่อชื่อดังของเวียดนาม ออกมาวิเคราะห์ 4 ปัจจัย ที่ทำให้คุณภาพและความน่าสนใจของ “ไทยลีก” ทิ้งห่าง “วีลีก” ไปไกล ทั้งที่อันดับฟีฟ่า แรงกิ้ง ของทัพ “ดาวทอง” ทีมชาติเวียดนาม อยู่เหนือ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย แต่อันดับดังกล่าวไม่ได้หมายความว่า เวียดนาม มีพื้นฐานฟุตบอลที่พัฒนามากกว่าประเทศไทย ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเมื่อดูบอลลีกของทั้งสองประเทศ

(วีลีก) ต้องการการปรับปรุงอีกมากเพื่อให้สามารถยกระดับฟุตบอลโดยรวมได้ ในขณะที่ ไทยลีก เป็นทัวร์นาเมนต์ที่น่าสนใจมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ว่ารายการนี้ยังต้องปรับปรุงอีกมาก แต่ด้วยคุณภาพในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่ผู้เล่น โครงสร้างพื้นฐาน นี่คือทัวร์นาเมนต์ที่ดีที่สุดในภูมิภาคนี้ และก่อนที่ ชนาธิปสรงกระสินธ์ จะไปเป็น A-star ในเจลีก เขาก็เป็นนักเตะที่เก่งมากๆ ในไทยลีก

คำพูดของ มาโน โพลกิง กุนซือทีมชาติไทย ที่ว่า “ผมไม่ต้องการพูดในแง่ลบ แต่ทัวร์นาเมนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ มีคุณภาพต่ำ และจำเป็นต้องปรับปรุงอย่างมากในทุกด้าน” อาจทำให้หลายคนไม่พอใจ แต่คำพูดเหล่านี้ทำให้ สมาคมฟุตบอลเวียดนาม จำเป็นต้องประเมินตัวเองอีกครั้ง หลังพลาดแชมป์ อาเซียนคัพ 2022 และข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือฟุตบอลไทยกำลังก้าวนำหน้าเวียดนามไปไกลจากรากฐานสู่ความสำเร็จ

สำหรับ 4 ปัจจัย ที่ทำให้ “ไทยลีก” ทิ้งห่าง “วีลีก” ไปไกล มีดังนี้

1. การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน

นี่เป็นปัจจัยที่แสดงให้เห็นความชัดเจนในแผนการพัฒนาการแข่งขันของไทย เมื่อเทียบกับเวียดนาม ไทยเน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างมาก สนามฟุตบอลใช้พันธุ์หญ้าที่มีคุณภาพ พร้อมด้วยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์ดูแลสนามหญ้านั่นคือเหตุผลที่พื้นหญ้าในสนามของไทยลีกไม่ด้อยกว่าสนามชั้นนำในพรีเมียร์ลีกแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในระบบสนาม เช่น ห้องน้ำ ก็มีการติดตั้งและปรับปรุงให้ทันสมัย เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แฟนบอลได้สนุกไปกับฟุตบอล

ขณะที่ สโมสรในเวียดนาม มักลงทุนในแง่ของบุคลากร รวมถึงโค้ช นักเตะ หรือสื่อ เพื่อสร้างชื่อเสียงระบบสนามใน วีลีก มีคุณภาพค่อนข้างแย่, ด้วยอุปกรณ์ที่เก่า, หญ้าหยาบ ทำให้คุณภาพของเกมลดลงเนื่องจากลูกบอลกลิ้งผิดวิถี, ประกอบกับความกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บของผู้เล่นด้วย

2. การแข่งขันภายในลีก

ไทยลีก มีทีมเข้าร่วมแข่งขันมากถึง 18 ทีม (เท่ากับจำนวนทีมในบุนเดสลีกา-เยอรมนี) โดยมีโซนตกชั้น 3 ทีม เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล ทำให้ลีกสูงสุดของพวกเขามีการแข่งขันสูงไม่ด้อยกว่าลีกฟุตบอลที่พัฒนาแล้วอย่างเกาหลี ญี่ปุ่น หรือยุโรป นอกจากนี้ ฟุตบอล ดิวิชั่น 1 ของไทยยังเป็นแหล่งกำเนิดของการพัฒนาเยาวชน พวกเขาฝึกฝนนักเตะอายุน้อยที่มีศักยภาพ แต่ก็ยินดีที่จะขายพวกเขาเพื่อทำกำไร ค่อนข้างคล้ายกับทีมในยุโรป เช่น อาแจ็กซ์อัมสเตอร์ดัม, เอฟซีปอร์โต, เบนฟิกา หรือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งกลยุทธ์นี้ช่วยให้ทีมเล็กๆ มีเงินเข้าทีม และผู้เล่นอายุน้อยก็จะได้สั่งสมประสบการณ์ และส่งเสริมศักยภาพของพวกเขาอย่างเต็มที่

ด้าน วีลีก มีแค่ 14 ทีม ส่วน First Division มีแค่ 12 ทีม อัตราการเลื่อนชั้นคือ 1.5 แต่ First Division มีคนสนใจน้อยมาก แทบไม่มีผู้ชมเลยแม้แต่นักเตะที่เตะเฟิร์สคลาสยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไรนัก

3. ตารางการแข่งขัน

ตั้งแต่ฤดูกาล 2563 เป็นต้นมา ไทยลีกใช้ตารางการแข่งขันตามมาตรฐานของยุโรป คือตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ถึงฤดูร้อนปีหน้าสิ่งนี้ส่งผลดีต่อลีกของพวกเขาอย่างมาก เพราะจะได้รับการจัดสรรตารางการพักผ่อน และเล่นในสโมสรและทีมชาติตามตารางฟีฟ่าอย่างสมเหตุสมผลในทางกลับกัน ตารางการแข่งขันยังช่วยให้เวลาโอนไทยลีก “ตรงกัน” กับทัวร์นาเมนต์ระดับสูงอีกด้วยทำให้สโมสรสามารถส่งออกผู้เล่นไปยังทัวร์นาเมนต์สำคัญ และยังสามารถซื้อผู้เล่นที่มีคุณภาพได้จากตลาดซื้อขายนักเตะอีกด้วย

ขณะที่ วีลีก คาดว่าการแข่งขันจะเป็นไปตาม ไทยลีก ในการเปลี่ยนแปลงตารางอย่างไรก็ตามนั่นเป็นเรื่องราวของอีกอย่างน้อยหนึ่งฤดูกาลปัจจุบันนักเตะยังคงต้องเล่นตามตารางเดิม โดยมีแมตช์โหดในช่วงกลางซัมเมอร์

4. นโยบายการซื้อนักเตะต่างชาติ

สโมสรต่างๆ ของเวียดนาม มักจะซื้อนักเตะจากแอฟริกา เพราะสุขภาพแข็งแรงและค่าตัวถูกในขณะเดียวกัน ไทยลีก ให้ความสำคัญกับผู้เล่นจากบราซิลเป็นขุนพลต่างชาติที่มีลูกเล่น เทคนิคต่างๆ ของพวกเขา ช่วยยกระดับคุณภาพการแข่งขันจากสถิติในปี 2563 ผู้เล่นต่างชาติ 1 ใน 3 ที่เล่นในไทยลีกเป็นผู้เล่นชาวบราซิล

นโยบายและแผนการพัฒนาต่างๆ ช่วยให้ไทยลีก เหนือกว่า วีลีก ของเวียดนามอย่างสิ้นเชิงเมื่อทศวรรษที่แล้ว วีลีก เป็นหนึ่งในลีกชั้นนำของเอเชียแม้แต่สตาร์ของไทยอย่าง "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ก็มาที่นี่เพื่อแข่งขันและหาเงิน แต่ปัจจุบัน ไทยลีก อยู่อันดับ 9 ส่วน วีลีก อยู่อันดับ 14 เท่านั้น

นอกจากนี้การยกระดับไทยลีกยังช่วยให้มูลค่านักเตะ “ทีมชาติไทย” พุ่งสูงขึ้นอีกด้วย อาทิ ชนาธิป กองกลางทีมชาติไทย ที่ราคาค่าตัวใน Transfermarkt มากถึง 2.4 ล้านยูโร ซึ่งมากกว่านักเตะเวียดนามทั้งทีม 1 ล้านยูโร.

ขอบคุณภาพจาก : ช้างศึก

คุณกำลังดู: สื่อเวียดนาม วิเคราะห์ 4 ปัจจัย ที่ทำให้คุณภาพของ “ไทยลีก” ทิ้งห่าง “วีลีก” ไปไกล

หมวดหมู่: ฟุตบอลไทย

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด