The Kliq : กลุ่มนักมวยปล้ำสุดเทพที่ทำลายทุกอย่าง เพื่อมิตรภาพของคำว่าเพื่อน
ชอว์น ไมเคิลส์, ทริปเปิล เอช, สก็อตต์ ฮอลล์ และ เควิน แนช แฟนมวยปล้ำยุค 90 คงรู้จักพวกเขาดีในฐานะผู้ถือครองความยิ่งใหญ่ของวงการมวยปล้ำ ทั้งใน WWE และ WCW
ชอว์น ไมเคิลส์ และ ทริปเปิล เอช กลายเป็นตำนานในฐานะผู้ก่อตั้งกลุ่ม D-Generation X ส่วน สก็อตต์ ฮอลล์ และ เควิน แนช สร้างชื่อจากการก่อตั้ง nWo พวกเขาคือคู่แข่งในสงครามคืนวันจันทร์ ซึ่งความพ่ายแพ้ของฝ่ายหลัง ทำลายชีวิตมวยปล้ำของพวกเขาอย่างไม่มีวันหวนกลับ
แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น ทั้งสี่คือเพื่อนรักที่ร่วมเป็นร่วมตายในวงการมวยปล้ำ ก่อนที่จะมาห่ำหั่นกันเอง พวกเขาเผชิญหน้ากับโลกมวยปล้ำ เหยียบทุกคนที่ขวางหนา ใช้วิธีการสกปรกมากมาย เพื่อถือครองความยิ่งใหญ่แต่เพียงผู้เดียว
Main Stand ขอพาคุณไปรู้จักกับ The Kliq ชื่อของกลุ่มนักมวยปล้ำหัวขบถ ที่ประกาศตนเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก เพื่อรักษามิตรภาพของเพื่อนเอาไว้
ใครคือ The Kliq?
The Kliq คือกลุ่มมวยปล้ำที่มีอิทธิพลหลังฉากของสมาคม WWF (หรือปัจจุบันคือ WWE) ในช่วงกลางยุค 1990’s พวกเขามีสมาชิกรวมทั้งหมด 5 คน ดังต่อไปนี้
Shawn Michaels (ชอว์น ไมเคิลส์) – ผู้ก่อตั้งและหัวหน้ากลุ่ม The Kliq เจ้าของฉายา "Heartbreak Kid" เริ่มต้นสร้างชื่อเสียงให้แก่ตัวเองตั้งแต่ปี 1988 เขามีพร้อมทุกอย่างทั้งหน้าตาอันหล่อเหลา และ ความสามารถบนเวทีที่โดดเด่น จากหนุ่มน้อยแท็กทีมดาวรุ่ง ภายในระยะเวลาไม่นาน ไมเคิลส์ กลายเป็นนักมวยปล้ำรุ่นใหม่ที่ถูกจับตามองมากที่สุดในยุค 90’s
Photo : thechairshot.com
ไมเคิลส์เป็นนักมวยปล้ำที่ฉลาด และเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน เขาไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากก้าวไปเป็นนักมวยปล้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เขารู้ว่าจะใช้สไตล์การปล้ำใดมัดใจผู้ชม
แม้นั่นจะทำให้ร่างกายของเขา ทรุดโทรมรวดเร็วกว่านักมวยปล้ำคนอื่นหลายเท่า ไมเคิลส์ไม่แคร์ เขาไม่สนใจร่างกายตัวเอง มากพอกับที่เขาจะไม่สนใจนักมวยปล้ำรายอื่น
นักมวยปล้ำทุกคนที่ร่วมงานกับไมเคิลส์ (ในช่วงเวลานั้น) กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า หากไมเคิลส์มีพรสวรรค์หน้าฉากมากเท่าไร หลังฉากไมเคิลส์ก็นิสัยแย่มากเท่านั้น ไมเคิลส์มีทัศนคติที่เลวร้ายต่อเพื่อนร่วมอาชีพ
เขาไม่เคยให้ความเคารพใครนอกจากตัวเอง, ไม่เคยแสดงความเป็นมืออาชีพด้วยการปาร์ตี้อย่างหนักทุกวัน, แกล้งเจ็บเพื่อจะได้รับวันหยุดยาว และที่สำคัญที่สุด เขาพร้อมเหยียบทุกคนที่เขาไม่ชอบหน้า ตัดอนาคตในวงการมวยปล้ำแบบเด็ดขาด
ถึงจุดหนึ่ง ไมเคิลส์จึงตระหนักได้ว่า เขาสร้างศัตรูไว้มากมายเกือบทั้งสมาคม ณ จุดนั้น ไมเคิลส์รู้ว่าเขาต้องการเพื่อน ต้องการใครสักคนมาอยู่เคียงข้างเขา ในขณะที่เขากำลังชนกับคนทั้งโลก ช่วงเวลานั้นเอง ชายคนหนึ่งเดินเข้ามายัง WWF ชายที่จะยืนเคียงข้างไมเคิลส์อีกหลายปีนับจากนี้ ชายคนนั้นมีชื่อว่า...
Kevin Nash (เควิน แนช) – รองหัวหน้าของกลุ่ม The Kliq ผู้เป็นด้านตรงข้ามของ ชอว์น ไมเคิลส์ แนชเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน, มีเหตุผลกับทุกฝ่าย, เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน และ เป็นสะพานระหว่าง The Kliq กับทุกคน สิ่งเดียวที่แนชมีเหมือนกับไมเคิลส์คือ เขาทะเยอทะยาน และต้องการจะเป็นใหญ่ในวงการมวยปล้ำ
Photo : www.wwe.com
ความสัมพันธ์ของไมเคิลส์และแนช เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1993 ไมเคิลส์เป็นคนชักชวนให้เควิน แนช ที่กำลังตกต่ำใน WCW ย้ายมาอยู่กับ WWF เพื่อรับบทบาท Diesel บอดี้การ์ดของชอว์น ไมเคิลส์ คำชักชวนนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ไมเคิลส์ติดตามผลงานของแนชใน WCW เขารู้ว่าผู้ชายคนนี้มีของ และเขาต้องการคว้าชายคนนี้เข้ามาเป็นพรรคพวก
การเข้ามาของ เควิน แนช เปิดทางให้นักมวยปล้ำอีกรายเข้ามาสู่ The Kliq เขาเป็นนักมวยปล้ำที่มีประสบการณ์ไม่แพ้ ชอว์น ไมเคิลส์ แถมยังเป็นนักมวยปล้ำระดับสูงที่มาพร้อมกับความสามารถ และหน้าตาอันหล่อเหลา นักมวยปล้ำที่เป็นเสาหลักคนสุดท้ายของ The Kliq ชายที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อ Razor Ramon หรือในชื่อจริง ...
Scott Hall (สก็อตต์ ฮอลล์) – นักมวยปล้ำมากประสบการณ์ ที่เริ่มต้นก้าวเข้าสู่เวทีมวยปล้ำตั้งแต่ปี 1984 ก่อนก้าวเข้าสู่ WWF ในปี 1992 เขาใช้เวลาไม่นานก้าวเป็นนักมวยปล้ำระดับสูงของสมาคม รวมถึงรุ่นใหญ่ของห้องแต่งตัว
Photo : wrestlingrumors.net
ฮอลล์ มีไลฟ์สไตล์ที่ไม่แตกต่างจากไมเคิลส์มากนัก เขาดื่มเหล้าและเสพยาอย่างหนักในทุกวันของชีวิต ฮอลล์ไม่เคยมีปัญหากับไมเคิลส์ เพราะไมเคิลส์ไม่เคยมีปัญหากับนักมวยปล้ำที่มีศักยภาพจะเป็นดาวเด่นของวงการ โดยเฉพาะคนที่เข้าใจธุรกิจมวยปล้ำ และฉลาดมากอย่าง ฮอลล์ ซึ่งซ่อนเรื่องเหล่านี้เอาไว้ภายใต้ภาพลักษณ์สุดเสเพลของเขา
ฮอลล์ถูกชักชวนเข้ามาเป็นสมาชิกของ The Kliq อย่างเป็นทางการ เนื่องจากสนิทกับ เควิน แนช มาก่อน ทั้งคู่เคยปล้ำร่วมกันใน WCW การเข้ามาของเควิน แนช จึงดึงสองรุ่นใหญ่ของ WWF ให้มาอยู่เป็นกลุ่มก้อนเดียวกันได้เสียที
Sean Waltman (ฌอน วอล์ตแมน) – หรือที่แฟนมวยปล้ำรู้จักกันในนาม X-Pac ในช่วงเวลาที่ร่วมกลุ่ม The Kliq วอล์ตแมนอายุเพียง 22 ปี เขาคือนักมวยปล้ำพรสวรรค์ ราวกับ ชอว์น ไมเคิลส์ รุ่นเยาว์ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เขาร่วมกลุ่ม The Kliq แต่อย่างใด
Photo : 411mania.com
เหตุผลที่วอล์ตแมนได้เข้าร่วม The Kliq นั่นเป็นเพราะ เขาคือไอ้ตัวแสบไม่ต่างจาก ไมเคิลส์, ฮอลล์ และ แนช วอล์ตแมนคือคนที่เคยถูกรังแกโดยนักมวยปล้ำรุ่นใหญ่ เขาเคยคิ้วหายหนึ่งข้าง ขณะนอนพักผ่อนในห้องแต่งตัว อันเป็นเรื่องปกติที่นักมวยปล้ำหน้าใหม่ทุกคนต้องเจอ
สิ่งที่ไม่ปกติคือ วอล์ตแมน พร้อมจะสู้กลับอย่างชาญฉลาด วอล์ตแมนไม่เอาเรื่องกับนักมวยปล้ำรุ่นใหญ่ที่ควบคุมห้องแต่งตัวอยู่ เขารู้ว่า Mr.Perfect (มิสเตอร์ เพอร์เฟคต์) เป็นคนที่ลงมือโกนคิ้วเขา แต่ผู้ชายคนนี้เป็นอาจารย์ของไมเคิลส์ และมันเป็นความคิดที่โง่มาก หากคุณคิดจะเอาคืนผู้ชายคนนี้
วอล์ตแมนจึงบอกผ่าน Mr.Perfect และหันไปเล่นงานผู้สมรู้ร่วมคิดอย่าง The Smoking Gunns (เดอะ สโมคกิง กันนส์) ซึ่งไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าแท็กทีมธรรมดา พวกเขาถูกวอล์ตแมนเอาคืนอย่างเจ็บแสบ ช่วงเวลานี้เองที่วอล์ตแมน ต้องหาคนมาคุ้มครองข้างหลัง
เควิน แนช และ สก็อต ฮอลล์ คือคำตอบของวอล์ตแมน เขาไปเดินไปหาทั้งคู่พร้อมกับซี่โครงหมูย่างชั้นดีหนึ่งจาน มันคือตั๋วเปิดทางให้เขาเดินเข้า The Kliq แนชและฮอลล์รับซี่โครงย่างจานนั้นไว้อย่างเต็มใจ ไม่ใช่เพราะมันอร่อย แต่พวกเขาชอบในการกระทำของวอล์ตแมน พวกเขาเห็นตรงกันว่าเด็กคนนี้มีของ และจะเสริมความแข็งแกร่งของ The Kliq หลังจากนี้
Triple H (ทริปเปิล เอช) – สมาชิกคนสุดท้ายของ The Kliq ก่อนที่เขาจะครองความยิ่งใหญ่ของ WWE ในฐานะลูกเขยเจ้าของสมาคม ทริปเปิล เอช เคยเป็นสมาชิกระดับต่ำสุดของ The Kliq มาก่อน แถมเหตุผลที่เขาถูกเลือกเข้ากลุ่ม อาจจะเรียกว่าน่าอับอายก็ว่าได้
Photo : talksport.com
ปี 1995 ทริปเปิล เอช ตัดสินใจย้ายจาก WCW สู่ WWF เขาคือเด็กใหม่ในสมาคมใหม่ และจะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับวอล์ตแมน เขาต้องหารุ่นใหญ่มาหนุนหลัง โชคดีที่ ทริปเปิล เอช รู้จักกับนักมวยปล้ำรุ่นใหญ่ใจดีอย่าง Diamond Dallas Page (ไดมอนด์ ดัลลาส เพจ) ที่ต่อสายตรงฝากฝังเขาเอาไว้กับ เควิน แนช
ทันทีที่ เควิน แนช พบเจอกับ ทริปเปิล เอช เขารู้ทันทีว่านักมวยปล้ำคนนี้ จะก้าวเป็นดาวดังของวงการมวยปล้ำในอนาคต มาถึงจุดนี้ หากเป็นนักมวยปล้ำรายอื่น ทริปเปิล เอช คงเดินเข้า The Kliq ไปเรียบร้อยแล้ว แต่แนชดันมารู้ความจริงที่ว่า ทริปเปิล เอช ไม่สูบบุหรี่, ไม่ดื่มเหล้า, ไม่เล่นยา หรือพูดอย่างง่ายคือไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกับ The Kliq เลย
แต่ด้วยศักยภาพของทริปเปิล เอช ที่แม้แต่ชอว์น ไมเคิลส์ ยังเอ่ยปากว่าเสียดาย เขาจึงถูกรับเข้ามาอยู่กับ The Kliq ในฐานะ “คนขับรถ” ของกลุ่ม ซึ่งมีหน้าที่ดูแลสมาชิกอีกสี่คนที่กำลังเมาแอ๋ และพาพวกเขาเดินทางไปยังเมืองต่างๆ เพื่อขึ้นปล้ำตามตารางต่อไปได้
ผู้ชายทั้ง 5 เดินทางจากเมืองสู่เมือง พวกเขาขึ้นปล้ำด้วยกัน กินนอนด้วยกัน และมีความสุขด้วยกัน ไม่นานพวกเขาจึงผูกพันราวกันเป็นพี่น้องกัน และที่สำคัญที่สุด พวกเขามีเป้าหมายเดียวกัน คือครอบครองวงการมวยปล้ำไว้ในกำมือเพียงผู้เดียว
อันธพาลหลังฉาก
อำนาจของ The Kliq เฟื่องฟูขึ้นมาในปี 1995 อันเป็นช่วงเวลาที่ WWF กำลังตกต่ำ ยอดคนดูในแต่ละโชว์ลดลงหลายพันคนจากปีก่อนหน้า ซ้ำรายยังเจอปัญหาสเตียรอยด์ที่ลดความน่าเชื่อถือของค่าย ส่งผลให้สปอนเซอร์หลายรายพากันถอนตัว
Photo : prowrestling.fandom.com
คนที่รับผิดชอบกับเรื่องราวทั้งหมด คือ วินซ์ แม็คแมน เจ้าของ WWF ที่ผู้คนรอบข้างเริ่มตั้งคำถามต่อการตัดสินใจ และแนวทางการบริหารสมาคมของเขา ความอ่อนแอของจักรพรรดิย่อมเปิดทางให้ขุนนางเข้ามาบริหาร ขุนนางที่ว่าในนิยายจีนฉบับ WWF เรื่องนี้ คือ The Kliq
ทันทีที่ The Kliq รวมกันเป็นกลุ่มก้อนใน WWF พวกเขากลายเป็นอำนาจที่ต่อรองไม่ได้ของ วินซ์ แม็คแมน The Kliq ใช้ความเชื่อมั่นหลอกล่อ วินซ์ แม็คแมน ว่าพวกเขาสามารถพาสมาคมกลับมารุ่นเรืองอีกครั้งได้ หากผลักดันสมาชิกของกลุ่มให้ได้รับบทบาทที่ดี
ในขณะเดียวกัน The Kliq ก็ใช้คำขู่ต่อวินซ์ว่า หากวินซ์ขัดใจ The Kliq เมื่อไร พวกเขาก็พร้อมจะยกทีมออกจาก WWF เพื่อย้ายไปอยู่กับ WCW อันเป็นคู่แข่งตัวฉกาจในเวลานั้น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ WWF จะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้
จากกลุ่มนักมวยปล้ำ The Kliq กลายร่างเป็นผู้มีอิทธิพลหลังฉากอย่างรวดเร็ว พวกเขาถือครองความยิ่งใหญ่ใน WWF ไว้เพียงลำพัง แม้พวกเขาจะสู้กันเองตามบทบาทหน้าฉาก แต่หากมองดีๆแล้ว มันคือการผลัดกันสลับถือแชมป์ เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่สมาชิกทุกคนในกลุ่มอย่างทั่วถึง
การจำกัดความสำเร็จให้แก่พวกพ้อง ย่อมสร้างความไม่พอใจแก่นักมวยปล้ำมากมายในห้องแต่งตัว แต่ถึงกระนั้น ไม่มีใครกล้าขัดใจ The Kliq เพราะทุกคนรู้ดีว่า นักมวยปล้ำทั้ง 5 นี้ มีอิทธิพลขนาดไหน คำพูดเดียวหากทำให้ The Kliq ไม่พอใจ นั่นหมายความว่า คุณไม่มีอนาคตในวงการมวยปล้ำอีกต่อไป
Jean Pierre Lafitte (ฌอน ปิแอร์ ลาฟิตต์) คือหนึ่งในตัวอย่างของเหยื่อที่ไปลองดีกับ The Kliq ในปี 1995 ลาฟิตต์ เขาคืออดีตนักมวยปล้ำแท็กทีมที่กำลังไปได้สวยในฐานะนักมวยปล้ำเดี่ยว เขาเหมือนกับ ชอว์น ไมเคิลส์ ในตอนที่แยกจาก เดอะ ร็อคเกอร์ส ซึ่งความเหมือนนี้ไม่ได้ทำให้ ไมเคิลส์ พอใจเลยแม้แต่น้อย
Photo : whatculture.com
ในที่สุด โอกาสก็ประจวบเหมาะเข้าทางไมเคิลส์ ลาฟิตต์มีโปรแกรมต้องเจอกับแนช ในบ้านเกิดของลาฟิตต์ ที่เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ไมเคิลส์ไม่ต้องการอะไรมากกว่า เห็นอริของตัวเองโดนกดนับสามโดยเพื่อนรัก ต่อหน้าเพื่อนฝูงและพ่อแม่ของลาฟิตต์ในบ้านเกิด
สิ่งเดียวที่ทำให้แผนการของไมเคิลส์ไม่เกิดขึ้นจริง คือลาฟิตต์ปฏิเสธเสียงแข็ง และยืนกรานจะไม่ยอมนอนให้กับแนชในบ้านเกิดของตัวเอง คนเขียนบทไม่มีทางเลือกนอกจากให้แมตช์จบลงแบบ ขึ้นเวทีไม่ทันทั้งคู่ (double countout)
ลาฟิตต์ได้สิ่งที่เขาต้องการในวันนั้น และมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาได้ตามต้องการใน WWF หลังจากเสมอกับ เควิน แนช บทบาทของลาฟิตต์ก็ดิ่งลงเหวอย่างไม่มีเหตุผล ก่อนที่ลาฟิตต์จะทนแรงกดดันไม่ไหว ขอลาออกเอง ในช่วงปลายปี 1995
“ย้อนกลับไปตอนนั้น The Kliq ไม่ได้เจ๋งแบบที่คนรู้สึกกันในทุกวันนี้” ลาฟิตต์ย้อนอดีตถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขา
“พวกเขาคิดถึงแต่ตัวเอง พวกเขากำลังควบคุมสมาคมอยู่ ถ้าดีเซล (เควิน แนช) ไม่ได้ถือแชมป์โลก เขากับชอว์นก็ถือแชมป์แท็กทีม รามอน (สก็อตต์ ฮอลล์) ก็ถือแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัลอยู่ หลังจากนั้นก็มี คิด (ฌอน วอล์ตแมน) และ ทริปเปิล เอช เข้ามา พวกเขาคือ The Kliq”
“ผมรู้สึกว่าตอนนั้น วินซ์ไม่ได้ครอบครองสมาคมนี้อีกต่อไปแล้ว พวกเขาต่างหากคือผู้ครอบครองสมาคมนี้”
สงครามนักมวยปล้ำ
เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับลาฟิตต์ เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเล็กน้อยที่เกิดขึ้นจากอิทธิพลของ The Kliq เท่านั้น ยังมีนักมวยปล้ำอีกมากมายที่ได้รับปัญหาจากการรวมอำนาจของคนทั้ง 5 นักมวยปล้ำบางคน ถึงกับเคยคิดฆ่าตัวตาย หลังถูกสั่งพักงาน 9 เดือน เนื่องจากมีปัญหาขัดแย้งกับ ชอว์น ไมเคิลส์
Photo : www.politeasflannels.com
นักมวยปล้ำบางราย จึงเริ่มมองเห็นตรงกันว่า ไม่สามารถที่จะปล่อยให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นต่อไปได้ ต้องมีใครสักคนขึ้นมาคานอำนาจของ The Kliq ใครสักคนที่จะกล้าเผชิญหน้าและปกป้องสิทธิของนักมวยปล้ำรายอื่นใน WWF
The Undertaker (ดิ อันเดอร์เทคเกอร์) คือใครคนนั้น นักมวยปล้ำเจ้าของฉายา The Deadman ได้รับความเคารพอย่างสูงจากเพื่อนร่วมสมาคม อันเดอร์เทคเกอร์คือผู้นำในห้องแต่งตัว ที่คอยไกล่เกลี่ยปัญหาที่เกิดขึ้น เขาไม่เคยเอาดีเข้าตัวเอง ไม่เคยเหยียบหลังคนอื่นเพื่อขึ้นสู่ระดับสูง อันเดอร์เทคเกอร์แค่ทำงานไปตามหน้าที่ของตัวเอง
Photo : thepureessenceblog.wordpress.com
ในที่สุด อันเดอร์เทคเกอร์มาถึงจุดที่ไม่สามารถวางตัวเป็นกลางได้อีกต่อไป เขารู้ดีว่า วินซ์ แม็คแมน กำลังหนุนหลัง The Kliq อยู่ วินซ์ชอบที่จะเห็นสงครามในห้องแต่งตัว เขาเชื่อว่ามันจะพัฒนาบุคลากรในค่ายได้ เมื่อหัวหน้าต้องการอย่างนั้น ลูกน้องจึงพร้อมสนอง อันเดอร์เทคเกอร์จึงจัดตั้งกลุ่มของตัวเองขึ้นมา เพื่อคานอำนาจของ The Kliq
Bone Street Krew (โบน สตรีท ครูว์) หรือ BSK คือกลุ่มที่อันเดอร์เทคเกอร์ตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้าน The Kliq ประกอบไปด้วยนักมวยปล้ำชื่อดังเช่น Yokozuna (โยโกะซูนา), The Godfather (เดอะ ก็อดฟาเธอร์), Fatu (ฟาตู) และ Paul Bearer (พอล แบร์เรอร์) ทั้งหมดคือเพื่อนรักของอันเดอร์เทคเกอร์ และพร้อมจะเข้าร่วมประกาศสงครามหลังฉากกับ The Kliq
Photo : @Maffewgregg
กลุ่ม BSK ของอันเดอร์เทคเกอร์ ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับตำรวจในห้องแต่งตัว พวกเขาคอยรับฟังปัญหาของนักมวยปล้ำที่มีต่อ The Kliq ก่อนเข้าไปพูดคุยกับวินซ์ ว่าความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่ The Kliq กำลังบอก ซึ่งทางฝั่งอันเดอร์เทคเกอร์ ก็เป็นนักมวยปล้ำที่วินซ์ให้ความเคารพอยู่แล้ว จึงทำให้อำนาจของ The Kliq ลดฮวบจากจุดนี้
เควิน แนช เปิดเผยในภาพหลังว่า ความบาดหมางของ The Kliq กับ BSK ดุเดือดไม่แพ้สงครามแก็งมาเฟียในนิวยอร์ค เรื่องราวหลังฉากเริ่มปรากฏออกมาหน้าฉาก อันเดอร์เทคเกอร์สักคำว่า B.S.K ไว้บริเวณหน้าท้อง เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของกลุ่ม ขณะที่ The Kliq เริ่มมีการใช้สัญญาณมือ Too Sweet เพื่อเป็นท่าทักทายระหว่างสมาชิกในกลุ่ม
การปรากฏของเรื่องราวหลังฉากบนเวทีมวยปล้ำ ถือเป็นเรื่องที่อันตรายมาในยุค 90’s เนื่องจากคนดูมวยปล้ำในช่วงเวลาดังกล่าว ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีเป็นบทบาทเหมือนกับทุกวันนี้ ความบาดหมางของ The Kliq กับ BSK จึงถูกเก็บเงียบไว้หลังฉาก ไม่มีนำความสัมพันธ์หรือปัญหาที่เกิดขึ้นมาเขียนเป็นบทบาท ทั้งที่มีโอกาสจะทำรายได้มหาศาล เพียงต้องการรักษาความลับของวงการมวยปล้ำเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ความลับทั้งหมดของวงการมวยปล้ำ ไม่สามารถเก็บงำไว้ได้อีกต่อไป และเป็น The Kliq ที่เปิดเผยมิตรภาพของพวกเขาให้คนทั้งโลกได้รับรู้ ในวันที่ The Kliq จะไม่ได้เดินบนเส้นทางเดียวกันอีกต่อไปแล้ว
เพื่อนกันตลอดไป
The Kliq ก้าวสู่จุดสูงสุดในศึก WrestleMania XII เมื่อหัวหน้ากลุ่ม ชอว์น ไมเคิลส์ คว้าแชมป์โลก WWE มาครองได้เป็นครั้งแรก ในอีเวนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการมวยปล้ำ มันคือสัญญาณว่าไมเคิลส์ จะก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของสมาคม และยึดครองบทบาทในเส้นแชมป์โลกอีกเป็นระยะเวลานาน
Photo : www.sportskeeda.com
การคว้าแชมป์ของไมเคิลส์ คือการประกาศชัยชนะของ The Kliq ต่อกลุ่มอื่น แต่สำหรับคนในกลุ่ม มันคือความพ่ายแพ้ของพวกเขาเอง การก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของไมเคิลส์ คือการปิดประตูเส้นทางของ แนช และ ฮอลล์ ทั้งคู่ทะเยอทะยานที่จะไปได้ไกลกว่านี้ และทุกคนที่ขวางทางเขาอยู่คือคู่แข่ง ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนรักของพวกเขาเอง
แนช และ ฮอลล์ จึงตัดสินใจย้ายออกจาก WWF สู่ WCW เพื่อจะได้ไม่ต้องแข่งขันกับสมาชิก The Kliq ด้วยกันเอง และอีกด้านมันยังช่วยให้ความฝันของพวกเขาเป็นจริง นั่นคือการทำให้ The Kliq ครองความยิ่งใหญ่ทั้งหมดในโลกมวยปล้ำ ไม่ได้จำกัดแค่ใน WWF อีกต่อไป
เส้นทางของ The Kliq จึงมาถึงจุดจบในวันที่ 19 พฤษภาคม 1996 ชอว์น ไมเคิลส์ ต้องเจอกับ เควิน แนช ในกรงเหล็ก เป็นคู่เอกของศึกเฮาส์โชว์ที่เมดิสัน สแควร์ การ์เดน ในช่วงเวลานั้น ชอว์น ไมเคิลส์ และ สก็อตต์ ฮอลล์ ถือบทบาทเป็นนักมวยปล้ำฝ่ายธรรมะ ส่วน เควิน แนช และ ทริปเปิล เอช เป็นนักมวยปล้ำฝ่ายอธรรม
ผลสุดท้าย ไมเคิลส์ เอาชนะ แนช ไปได้ในแมตช์ดังกล่าว ฮอลล์เดินเข้ามาในกรงเหล็ก เขาสวมกอดกับไมเคิลส์ มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นภาพแบบนั้น เพราะทั้งสองเป็นนักมวยปล้ำฝ่ายธรรมะเหมือนกัน แต่จากนั้นไม่นาน ทริปเปิล เอช เดินเข้ามาในกรง แล้วสวมกอดกับฮอลล์ ที่เป็นนักมวยปล้ำคนละฝ่าย สร้างความตกตะลึงให้แก่แฟนมวยปล้ำทั่ว เมดิสัน สแควร์ การ์เดน
ไม่กี่วินาทีถัดมา แฟนมวยปล้ำได้ช็อคยิ่งกว่าเดิม เมื่อทั้งสี่รวมตัวกอดกันเป็นกลุ่ม ทำสัญลักษณ์ Too Sweet เพื่อแสดงการมีอยู่ของกลุ่ม The Kliq พร้อมกับชูมือขึ้นฟ้า เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่เพื่อนนักมวยปล้ำผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาอย่างยาวนาน ที่จะแยกทางเดินนับจากนี้ต่อไป
Photo : wwe.com
เหตุการณ์ครั้งนั้นถูกเรียกว่า “Curtain Call” ครั้งแรกที่นักมวยปล้ำฝ่าฝืนบทบาทของตัวเอง ต่อหน้าผู้ชมนับหมื่น ทริปเปิล เอช ถูกลงโทษจากสมาคม จากการกระทำในครั้งนั้น เขายอมรับความผิดแต่โดยดี และนั่นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่สมาชิกของ The Kliq ได้รับความเคารพจากนักมวยปล้ำรายอื่นใน WWF
ภาพจำสุดท้ายของ The Kliq จึงเป็นภาพของลูกผู้ชายสี่คน ที่ยอมฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ทุกอย่าง เพื่อเปิดเผยมิตรภาพของพวกเขาให้โลกได้รับรู้ Curtain Call จึงเปลี่ยนภาพลักษณ์ของ The Kliq จากกลุ่มนักมวยปล้ำนิสัยแย่ (ในชีวิตจริง) เป็นกลุ่มเพื่อนนักมวยปล้ำสุดเท่ห์ ที่พร้อมแลกทุกอย่างเพื่อรักษาคำว่า “เพื่อน” เอาไว้
เรื่องราวของ The Kliq จึงส่งผลกลายเป็นจุดกำเนิดของสองกลุ่มมวยปล้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ อย่าง D-Generation X และ nWo ที่ 5 สมาชิกของ The Kliq มีบทบาทสำคัญทั้งหมด รวมถึงมีการนำตัวตนของความเป็นขบถที่พวกเขาซ่อนไว้หลังฉากมาเนิ่นนาน รวมเป็นบทบาทเพื่อเรียกเสียงเชียร์อันล้นหลามจากแฟนมวยปล้ำ
แม้ในทุกวันนี้ เส้นทางของสมาชิก The Kliq แต่ละคนจะแตกต่างราวฟ้ากับเหว บางคนได้เป็นผู้บริหารค่ายมวยปล้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก บางคนตกต่ำถึงกับต้องเล่นหนังโป๊ และ บางคนเกือบตายเพราะโลกพิษสุราเรื้อรัง แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไป คือมิตรภาพของพวกเขา
Photo : www.sescoops.com
วันนี้ สมาชิกของ The Kliq ยังคงทำงานร่วมกัน ไมเคิลส์ และ ทริปเปิล เอช กำลังปลุกปั้นนักมวยปล้ำสายเลือดใหม่ของ WWE ขณะที่อีกสามคน ยังได้มาปรากฏตัวที่ WWE เป็นระยะ ในงานคืนสู่เหย้า เพื่อรำลึกความหลังครั้งเก่าในอดีต
ทุกครั้งที่สมาชิก The Kliq ยืนรวมตัวกันบนเวที มันคือความสุขของแฟนมวยปล้ำทุกคน ไม่มีใครลืมเรื่องเลวร้ายที่พวกเขาเคยทำในอดีต สมาชิก The Kliq ทุกคนยอมรับมัน และบอกเล่าต่อออกมาเป็นบทเรียน เพื่อให้สิ่งที่พวกเขาเหลือไว้ กลายเป็นความทรงจำที่งดงามบนเวทีมวยปล้ำ ที่ก่อสร้างมิตรภาพ และบางสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนบนโลกจะค้นพบ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “เพื่อนแท้”
คุณกำลังดู: The Kliq : กลุ่มนักมวยปล้ำสุดเทพที่ทำลายทุกอย่าง เพื่อมิตรภาพของคำว่าเพื่อน
หมวดหมู่: กีฬาอื่นๆ