"เที่ยวเสมือนจริง" ผ่าน VR เทคโนโลยี

"เที่ยวเสมือนจริง" ผ่าน VR เทคโนโลยี

ต้องยอมรับว่า ภายหลังการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 ตั้งแต่ต้นปี 2020 เป็นต้นมา โลกทั้งโลกต่างตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ผู้คนไม่สามารถจะไปมาหาสู่ข้ามประเทศ หรือทำกิจกรรมสนุกๆด้วยกันได้แบบปกติอีกต่อไป

การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของ COVID-19 ก่อให้เกิดวิกฤติมหาศาล นักวิเคราะห์ประเมินว่า ตลาดของเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวตกต่ำลงประมาณ 60-80% ทั่วโลก ที่อาจกล่าวได้ว่า เป็นจุดที่เลวร้ายที่สุดของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งในระดับปัจเจกและในภาพรวมของธุรกิจท่องเที่ยวทั้งหมด

เทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้เพื่อกระตุ้นและประคับประคองตลาดด้านการท่องเที่ยวอย่างหนึ่ง คือ เทคโนโลยีเสมือนจริง หรือที่เรียกว่า VR (Virtual Reality)

แดเนียล ซากาดี้ นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยซาลบวร์ก นำเสนอแนวคิด TAMหรือ Technology Acceptance Model ในวิทยานิพนธ์ปริญญาโท เรื่องการท่องเที่ยวเสมือนจริง โดยเก็บตัวอย่างจากคนที่เคยเดินทางท่องเที่ยวในที่ต่างๆ 195 คน และพบว่าหลายคนมีความเห็นตรงกันว่า ในช่วงการระบาดของ COVID-19 ที่ผู้คนไม่สามารถเดินทางติดต่อไปมาหาสู่กันได้นั้น VR หรือเทคโนโลยีเสมือนจริง คือเทคโนโลยีที่จะเข้ามาทดแทนการท่องเที่ยวแบบปกติได้

นอกจากการท่องเที่ยวแล้ว ธุรกิจและกิจกรรมต่างๆที่ต้องมีคนเข้าร่วมเป็นจำนวนมากๆ ก็เปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี VR มากขึ้น นักวิเคราะห์ระบุว่า ในช่วงโควิด­-19 เทคโนโลยี VR ถูกนำไปใช้ในธุรกิจท่องเที่ยวถึง 40% กีฬา 19% คอนเสิร์ต 23% การซื้อสินค้าออนไลน์ 23% ภาพยนตร์ 36%ภาพถ่ายสามมิติ ระบบ 3D 34% และการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ 33%

จริงๆแล้วเทคโนโลยี VR ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงโควิด แต่เกิดขึ้นมาประมาณกว่า 5 ปีแล้ว โดยในปี 2016 การท่องเที่ยวออสเตรเลียได้ผลิตวิดีโอ VR จำนวนหนึ่งที่สามารถเข้าชมผ่านทางออนไลน์ได้ เรียกว่า Experience Australia in 360° ซึ่งผู้ใช้จะได้สัมผัสกับบางส่วนของแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศ เช่น 12 Apostles, ท่าเรือซิดนีย์, หาด White haven และ โกลด์โคสต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “ไม่มีที่ไหนเหมือนดังออสเตรเลีย” (There’s Nothing Like Australia)

แคมเปญดังกล่าวเน้นไปที่ประสบการณ์ทางน้ำและชายฝั่งทะเล เทคโนโลยีแบบ 360 องศา ทำให้ผู้ชมรู้สึกราวกับกำลังประสบกับเหตุการณ์จริง เช่น บินกับเฮลิคอปเตอร์ พายเรือคยัค ดำน้ำตื้นหรือแล่นเรือใบ โดยสามารถดูได้ผ่านเครื่องสวมหัวเพื่อดู VR รวมทั้งทางออนไลน์และผ่านทางแอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือได้

จุดมุ่งหมายก็เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่คาดหวังให้เข้ามาเยี่ยมชมและสัมผัสประสบการณ์แหล่งท่องเที่ยวทางน้ำและแหล่งท่องเที่ยวทางชายฝั่งของออสเตรเลีย เป้าหมายหลัก คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฮ่องกง

โดยหลังจากเปิดตัวแคมเปญดังกล่าว มีผู้ชม VR ของการท่องเที่ยวออสเตรเลียทั่วโลกมากกว่า10 ล้านครั้งภายในไม่กี่เดือนและผู้เข้าชมเว็บไซต์ Australia.com เพิ่มขึ้นถึง 64%

การท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าใจศักยภาพของ VR ในฐานะเครื่องมือทางการตลาดและส่งเสริมการขายสำหรับธุรกิจการท่องเที่ยว ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า ประสบการณ์ VR นำจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวมาให้คนดูและช่วยนักเดินทางพิจารณาจุดหมายปลายทางต่างๆเพิ่มขึ้น

จากการประมาณการพบว่า 25% ของนักท่องเที่ยววางแผนที่จะใช้ VR ในอนาคตเพื่อช่วยการเลือกปลายทางท่องเที่ยวในวันหยุด และนอกจากการท่องเที่ยวแล้ว กลุ่มโรงแรมบางแห่งได้ทดลองให้ประสบการณ์ในห้องพักแบบ VR เช่นกัน

ปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยี VR อย่างแพร่หลายมากขึ้น ในสหรัฐอเมริกา การแข่งขันอเมริกันฟุตบอลในหลายแมตช์ถูกถ่ายทอดผ่านระบบ VR ที่ทำให้ผู้ชมสามารถสัมผัสความสนุก ตื่นเต้นของการแข่งขัน และยังสามารถมองเห็นนักกีฬาที่ชื่นชอบได้อย่างใกล้ชิดผ่านระบบเสมือนจริง

ในฮ่องกง การท่องเที่ยวฮ่องกงเปิดตัวแคมเปญ VR Time Travel : Step in to Old Hong Kong ที่พาผู้คนกลับไปสัมผัสเรื่องราวในอดีตของฮ่องกงผ่านสถานที่ต่างๆในยุค 1960-1980 รวมทั้งยังจำลองการต่อสู้ของกังฟูไฟเตอร์ ในภาพยนตร์ดังยุคนั้นให้ได้ดูกันแบบชัดๆผ่านระบบ 3D ด้วย

เช่นเดียวกับคอนเสิร์ตต่างๆทั้งในเกาหลี ญี่ปุ่น และจีน ก็หันมาใช้เทคโนโลยี VR มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว ผู้ชมและนักท่องเที่ยวที่ทำกิจกรรมผ่านเทคโนโลยีนี้ ยังได้ประสบการณ์เสมือนกับได้เข้าไปอยู่ในแมตช์ โชว์ หรือสถานที่ท่องเที่ยวนั้นจริงๆอีกด้วย.

คุณกำลังดู: "เที่ยวเสมือนจริง" ผ่าน VR เทคโนโลยี

หมวดหมู่: เทคโนโลยีใหม่

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด