"ใต้เงาตะวัน" ละครรักโรแมนติก เติมความละมุนฮีลหัวใจ

"ใต้เงาตะวัน" ละครที่พาคนดูใจฟูชวนเขินไปกับความละมุนของหนุ่มไมโครเวฟแสนซึนและสาวสวยสุดมั่น ใครที่แพ้ทางพระเอกทะเล้นแต่เปิดโหมดไมโครเวฟมามุงทางนี้

จะเป็นยังไงถ้าวันหนึ่ง เราได้เห็นมุมอีกด้านที่เป็นเหมือนเงาของแสดงสว่างที่เคยได้พบเจอมาทั้งชีวิต…

ใต้เงาตะวัน จากทางช่อง 3 ละครที่พาคนดูไปค้นหาความจริงร่วมกับตัวละคร ออกอากาศมาแล้วครึ่งเรื่องยิ่งเพิ่มความเข้มข้นน่าติดตาม จากการตายของหนึ่งคน กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่จะค่อยๆ เผยอีกด้าน ที่จะค่อยๆ ทำลายภาพจำอันงดงามสว่างสไวของผู้คนที่อยู่รอบตัว

เมื่อการตายอย่างมีเงื่อนงำของพ่อผู้เปรียบเสมือนดวงตะวันของ รีน่า (โบว์ เมลดา) ทำให้เธอไม่อาจยอมรับได้ จึงออกค้นหาความจริงเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของพ่อกลับมา และเส้นทางการสืบหาความจริงนี้เธอไม่ได้เดินทางเพียงลำพัง ยังมี กรณ์ (หมาก ปริญ) หนุ่มผู้รักอิสระและใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ ที่ต้องการสืบความจริงให้กับพ่อของรีน่าที่เป็นคนเดียวที่คอยช่วยเหลือและหวังดีกับกรณ์เสมอมา การเดินทางตามหาความจริงครั้งนี้ทำให้พวกเขาได้เห็นมุมอีกด้านของผู้คน พร้อมกับความรู้สึกที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปช้าๆ

นักแสดงเคมีใหม่ที่ได้อรรถรส

การเจอกันครั้งแรกของสองนักแสดงมากฝีมืออย่าง โบว์ เมลดา และ หมาก ปริญ ที่ไม่ว่าจะบทบาทไหนก็จะสามารถเข้าไปเป็นตัวละครนั้นอย่างดีเยี่ยม หมาก ปริญ มักจะดีไซน์ตัวละครที่ตัวเองเล่นออกมาจนเชื่อว่าเป็นตัวละครนั้นๆ สลัดภาพจำได้หมดจด ในเรื่องนี้ค่อนข้างประทับใจการแสดงของหมาก ที่ดีไซน์ตัวละคร กรณ์ ออกมาได้มีมิติและน่าสนใจ ตัวละครที่จะแสดงด้านสดใสกลบด้านขมขื่นของตัวเอง การที่เขาเป็นคนหัวขบถทำให้เขาไม่เคยได้รับความรักจากพ่อแท้ๆ ที่มักจะขับไล่ไสส่งเหมือนเป็นคนนอก จนเหมือนแกะดำของตระกูล ซึ่งหมากทำให้ตัวละครนี้มีทั้งมุมที่น่าสงสารเห็นใจและด้านที่อบอุ่นเป็นพลังบวกให้ รีน่า ที่รับบทโดย โบว์ เมลดา ตัวละครที่เหมือนเป็นตัวแทนผู้หญิงแกร่งที่มีความมั่นใจ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ กล้าชนไม่กลัวอะไรง่ายๆ ซึ่งการที่ได้เห็นตัวละครรีน่าเป็นคนสู้คน ก็เหมือนเป็นของขวัญให้คนดูเหมือนกัน ที่จะมั่นใจได้ว่าละครเรื่องนี้ คนดูจะไม่ปวดหัวกับความหัวอ่อนของนางเอกละครไทย และยิ่งพระเอกขวางโลกกับนางเอกกล้าชนมาเจอกัน คนดูจะได้เห็นตัวละครพัฒนาความสัมพันธ์กันอย่างน่าติดตาม

 

ศึกธุรกิจเข้มข้น จับตาทายาท CEO คนใหม่

ใต้เงาตะวัน ออกอากาศมาครึ่งเรื่องแล้ว ในพาร์ทครึ่งเรื่องแรก ค่อนข้างปูทางตัวละคร และเผยให้เห็นพาร์ทของธุรกิจในอาณาจักรตระกูล “เชิญอิสราชัย” ที่มีการชิงไหวชิงพริบเชือดเฉือน ชิงอำนาจระหว่างพี่น้องในแต่ละรุ่น ตั้งแต่รุ่นพ่อ มาจนถึงรุ่นลูก ซึ่งฉนวนการตายของพ่อรีน่า มือขวาท่านประธานก็เป็นอีกปมความขัดแย้ง ที่ทำให้เหล่าพี่น้องหันมาระแวงกันเอง และจับจ้องว่าทายาทของ “เชิญอิสราชัย” คนไหน จะกลายเป็น CEO คนใหม่ ระหว่าง กานต์ (ตู่ ภพธร) พี่ชายผู้เป็นเหมือนต้นไม้ใต้ต้น ลูกชายคนโตผู้เพียบพร้อมเป็นที่เชิดหน้าชูตาของพ่อ กับ กรณ์ ลูกชายคนเล็กหัวแข็งที่เป็นลูกชังของพ่อ ที่ก่อเรื่องไม่เว้นวันจนไม่มีใครคาดหวังว่าเขาจะเป็นทายาทธุรกิจของเชิญอิสราชัยคนถัดไป นอกจากป้าใหญ่ที่เชื่อมั่นว่ากรณ์มีของ เหมือนเรากำลังลุ้นเส้นทางชีวิตตัวละครของพระเอก ที่ดูเป็นคนทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันประชดชีวิตไปวันๆ แต่แท้จริงแล้วเขาคือคนที่จะมาล้มกระดานและทำให้ทุกคนประหลาดใจจนตั้งตัวไม่ทัน 

 

ความรักค่อยๆ แทรกซึม หลงรักไม่รู้ตัว

อย่างที่บอกไปว่าครึ่งเรื่องแรก จะเน้นกับเรื่องราวของธุรกิจตีคู่มากับการสืบหาความจริงการตายของพ่อนางเอก ซึ่งตัวพระ-นางของเรื่องก็เรียกได้ว่าครึ่งเรื่องแรก มาเพื่อเป็นคู่กัดบ้าง มาเพื่อซัพพอร์ตกันบ้างตามสถานการณ์ แถมแต่ละคนก็ยังมีคนของตัวเองอยู่ข้างๆ อีกด้วย แม้จะยังเป็นสถานะที่ไม่ชัดเจน แต่ก็เรียกได้ว่าแทบจะไม่เห็นเลิฟไลน์ของพระ-นาง ว่าจะมาลงเอยหรือหวั่นไหวกันตอนไหน  แต่เมื่อถึงช่วงที่ตัวละครต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อสืบความจริงเพิ่ม จะเข้าสู่เส้นเรื่องความรักอย่างชัดเจน คนดูจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละครมากขึ้น ซึ่งในพาร์ทครึ่งหลังนี้จะเข้าเส้นเรื่องความรักของตัวละครพระ-นาง เมื่อต้องมาตกระกำลำบากในต่างแดนและยังต้องช่วยเหลือกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้หัวใจของแต่ละคนค่อยๆ หวั่นไหวเริ่มก่อตัว จะมีฉากชวนเขิน อบอุ่นหัวใจ ให้แฟนๆ ได้ฟินแบบเขินตัวบิด เพราะพระเอกของเราจากเป็นพวกขี้แกล้งขี้แหย่ จะกลายเป็นพ่อหนุ่มไมโครเวฟแบบซึนๆ ปากแข็งแต่คอยดูแลนางเอกอยู่ไม่ห่าง ให้คำปรึกษาปรับทุกข์ เป็นพื้นที่ความสบายใจ แทบจะเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างนางเอกในวันที่ยากลำบาก เหมือนคนที่เป็นแสงสว่างสดใสในวันที่ใจหม่นของนางเอก บอกเลยว่าการแสดงของ หมาก-โบว์ เคมีดีมากเข้ากันแบบสุดๆ สื่ออารมณ์ตัวละครออกมาได้น่ารักและเป็นธรรมชาติละมุนเกินต้าน ใครที่คอยลุ้นหัวใจของรีน่าและกรณ์ก็เตรียมหัวใจกันไว้ให้ดี เพราะความหวั่นไหวครั้งนี้จะทำให้คุณใจพองโตไม่พักอย่างแน่นอน

 

โลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ

สิ่งที่เรื่องนี้จะเล่าชัดเจนคงเป็นการเรียนรู้และเข้าใจว่ามนุษย์ไม่ได้มีด้านสว่างอย่างเดียวเสมอไป ถึงอย่างไรก็จะมีด้านที่เป็นเหมือนเงาในอีกมุมหนึ่งอยู่ดี เพราะทุกคนคือมนุษย์ การเรียนรู้และยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของผู้คนก็เป็นความสมบูรณ์แบบอย่างหนึ่งเช่นกัน และในวันที่ได้เห็นอีกมุมที่ไม่ใช่ด้านสว่างคุณจะยอมรับและเข้าใจมันอย่างไร

 

ความรู้สึกหลังดู

เรื่องนี้เป็นแนวโรแมนติกดราม่าที่ผสมการสืบคดีฆาตกรรมเข้าไปด้วย ถึงแม้ปมเรื่องจะเปิดมาด้วยการสืบสาเหตุการณ์ตายของตัวละครหนึ่ง แต่อารมณ์ของเรื่องจะเน้นไปที่เส้นเรื่องความรักมากกว่า ทำให้มู้ดของละครเรื่อยๆ แต่น่าติดตาม ครึ่งแรกของเรื่องอาจจะยังไม่เน้นเส้นเรื่องความรัก แต่หลังจากครึ่งเรื่องหลังจัดความฟินมาแบบจุกๆ ต้องยกเครดิตให้เคมีของนักแสดงอย่าง หมาก-โบว์ จริงๆ การแสดงคู่กันครั้งแรกที่ล้างความเกร็งใดๆ ออกหมดจด สร้างบรรยากาศผ่อนคลายและสดใสให้กับตัว กรณ์และรีน่า เปร่งประกายสุดๆ ยิ่งเวลาต่อบทกันมีความเป็นธรรมชาติสูงมากๆ เพิ่มความสมจริงในแต่ละเหตุการณ์อย่างดี ฉากเศร้าๆ ก็ส่งอารมณ์จนน่าสงสาร ฉากหวานๆ ก็ทำเขินตัวบิด เป็นอีกคู่นักแสดงที่จับคู่กันลงตัวมากๆ ทำให้อยากติดตามพัฒนาการตัวละคร และบทสรุปของปมคดีฆาตกรรม ถือว่าเป็นละครอีกเรื่องที่ชวนฮีลใจได้ในช่วงเวลานี้เลย 

 

ใครอยากดูละครที่ชวนหัวใจเต้นในบรรยากาศอบอุ่นใจ ใต้เงาตะวัน ตอบโจทย์ข้อนี้ของคุณได้เลย แค่เห็นการแสดงของ หมาก-โบว์ ก็น่าดูแล้ว ออกอากาศทุกวัน พุธและวันพฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทาง ช่อง 3 

คุณกำลังดู: "ใต้เงาตะวัน" ละครรักโรแมนติก เติมความละมุนฮีลหัวใจ

หมวดหมู่: หนัง-ละคร