วันสารทจีน 2566 ไหว้วันไหน พร้อมอ่านประวัติ และของไหว้มีอะไรบ้าง
วันสารทจีน 2566 ตรงกับวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ.2566 วันสารทจีน ถือเป็นวันสำคัญที่ลูกหลานชาวจีนจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษโดยพิธีเซ่นไหว้
วันสารทจีน 2566 ตรงกับวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2566
วันสารทจีน หรือ เทศกาลสารทจีน (Sart Chin Day or Ghost Festival or Spirit Festival) ตรงกับวันที่ 15 เดือน 7 ตามปีปฏิทินทางจันทรคติของจีน ที่โดยปกติแล้วจะช้ากว่าปีปฏิทินทางจันทรคติของไทยประมาณ 2 เดือน ซึ่งตามปีปฏิทินทางจันทรคติของไทยวันสารทจีนจะตรงกับวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 9
เทศกาลสารทจีนถือเป็นวันสำคัญที่ลูกหลานชาวจีนจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ โดยพิธีเซ่นไหว้ และยังถือเป็นเดือนที่ประตูนรกเปิดให้วิญญาณทั้งหลายมารับกุศลผลบุญได้ วันไหว้สารทจีน 2566 ตรงกับวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2566
Zhongguo nongli qiyue shiwuri shi Zhongyuan
Jie.
จงกว๋อ หนงลี่ ชีเยฺว่
ฉือหวู่รื่อ ฉื้อ จงเยฺวี๋ยน เจี๋ย
วันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติจีน คือ วันเทศกาลจงเยฺวี๋ยน วันเทศกาล Zhongyuan ของจีน หรือที่เราเรียกว่า "วันสารทจีน" เป็นวันซึ่งทุกครอบครัวทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ดังนั้น บางครั้งชาวจีนจึงเรียกวันดังกล่าวว่า GuiJie กุ่ยเจี๋ย หรือ Wangren Jie หวางเหรินเจี๋ย
- Gui = ผี ซึ่งเป็นคำเรียกคนที่ถึงแก่กรรมแล้ว
- Wangren = คนที่ตายไปแล้ว
- Jie = เทศกาล
GuiJie หรือ Wangren Jie จึงแปลว่า เทศกาลเซ่นไหว้ผู้ซึ่งล่วงลับไปแล้ว
วันจ่าย วันไหว้สารทจีน 2566 ตรงกับวันไหน
วันจ่าย วันไหว้สารทจีน 2566 วันจ่าย คือ 29 สิงหาคม หรือก่อนหน้านั้น ส่วนวันสารทจีน 2566 ตรงกับช่วงก่อนวันที่ 30 สิงหาคม
ประวัติวันสารทจีน
เทศกาลสารทจีน หรือ
ประเพณีสารทจีนเป็นประเพณีที่ลูกหลานจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษซึ่งล่วงลับไปแล้ว
ยังเป็นประเพณีที่ ทุกคนในครอบครัวทำกิจกรรมร่วมกัน
บางครั้งชาวจีนจึงเรียกวันดังกล่าวว่า กุ่ย เจี๋ย หรือ หวางเหรินเจี๋ย
ซึ่งตรงกับวันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติจีน คือ
วันเทศกาลจงเยฺวี๋ยน วันเทศกาล ของจีน
การไหว้สารทจีนตรงกับวันที่ 15 เดือน 7 ซึ่งถือกันว่าเป็นเดือนผี
เป็นเดือนที่ประตูนรกปิดเปิด ให้ผีทั้งหลายมารับกุศลผลบุญ
ซึ่งในรอบหนึ่งปีชาวจีนจะมีไหว้เจ้าใหญ่ 8 ครั้ง เรียกว่าไหว้ 8
เทศกาลโป๊ะโจ่ย
และวันสารทจีนยังเป็นวันที่เช็งฮีไต๋ตี๋จะตรวจดูบัญชีวิญญาณคนตาย
ส่งวิญญาณดีขึ้นสวรรค์ และส่งวิญญาณร้ายลงนรก ชาวจีนรู้สึกสงสารวิญญาณ
จึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ นรกจึงเปิดประตู
เพื่อให้วิญญาณร้ายออกมารับกุศลผลบุญ ซึ่งชาวจีนเชื่อกันว่าวันเพ็ญ 15
ค่ำเดือน 7 เป็นวันซึ่งวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
จะได้กลับมาเยือนโลกมนุษย์เพื่อมาเยี่ยมครอบครัวของตน
จึงได้ทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษกันทุกครัวเรือน
ชาวจีนได้ถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบต่อมากันโดยตลอด ด้วยการเซ่นไหว้
และจะนำอาหารทั้งคาวหวาน
และกระดาษเงินกระดาษทองไปวางไว้ที่หน้าบ้านหรือตามทางแยก
เพื่อให้บรรดาวิญญาณเร่ร่อนที่กำลังจะผ่านมาใกล้ที่พักของตนมารับอาหาร
ส่วนในบ้านเป็นของญาติและบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว
ซึ่งหากไม่มีการไหว้วิญญาณเร่ร่อนด้วยแล้ว
อาจทำให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับถูกแย่งอาหารก็เป็นได้
ตำนานวันสารทจีน
ตำนานวันสารทจีน
ตำนานที่ 1
ตำนานนี้กล่าวไว้ว่าวันสารทจีนเป็นวันที่เงี่ยมล้อเทียนจือ (ยมบาล) จะตรวจดูบัญชีวิญญาณคนตาย ส่งวิญญาณดีขึ้นสวรรค์และส่งวิญญาณร้ายลงนรก ชาวจีนทั้งหลายรู้สึกสงสารวิญญาณร้ายจึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ ดังนั้นเพื่อให้วิญญาณร้ายออกมารับกุศลผลบุญนี้จึงต้องมีการเปิดประตูนรกนั่นเอง
ตำนานวันสารทจีน
ตำนานที่ 2
มีชายหนุ่มผู้หนึ่งมีนามว่า “มู่เหลียน”
(พระมหาโมคคัลลานะ) เป็นคนเคร่งครัดในพุทธศาสนามาก
ผิดกับมารดาที่เป็นคนใจบาปหยาบช้าไม่เคยเชื่อเรื่องนรก-สวรรค์มีจริง
ปีหนึ่งในช่วงเทศกาลกินเจนางเกิดความหมั่นไส้คนที่นุ่งขาวห่มขาวถือศีลกินเจ
นางจึงให้มู่เหลียนไปเชิญผู้ถือศีลกินเจเหล่านั้นมากินอาหารที่บ้านโดยนางจะทำอาหารเลี้ยงหนึ่งมื้อ
ผู้ถือศีลกินเจต่างพลอยยินดีที่ทราบข่าวว่ามารดาของมู่เหลียนเกิดศรัทธาในบุญกุศลครั้งนี้
จึงพากันมากินอาหารที่บ้านของมู่เหลียนแต่หาทราบไม่ว่าในน้ำแกงเจนั้นมีน้ำมันหมูเจือปนอยู่ด้วย
การกระทำของมารดามู่เหลียนนั้นถือว่าเป็นกรรมหนัก
เมื่อตายไปจึงตกนรกอเวจีมหานรกขุมที่ 8
เป็นนรกขุมลึกที่สุดได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส
เมื่อมู่เหลียนคิดถึงมารดาก็ได้ถอดกายทิพย์ลงไปในนรกภูมิ
จึงได้รู้ว่ามารดาของตนกำลังอดอยากจึงป้อนอาหารแก่มารดา
แต่ได้ถูกบรรดาภูตผีที่อดอยากรุมแย่งไปกินหมดและเม็ดข้าวสุกที่ป้อนนั้นกลับเป็นไฟเผาไหม้ริมฝีปากของมารดาจนพอง
แต่ด้วยความกตัญญูและสงสารมารดาที่ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างสาหัสมู่เหลียนได้เข้าไปขอพญาเหงี่ยมล่ออ๊อง
(ยมบาล) ว่าตนของรับโทษแทนมารดา
แต่ก่อนที่มู่เหลียนจะถูกลงโทษด้วยการนำร่างลงไปต้มในกระทะทองแดง
พระพุทธเจ้าได้เสด็จลงมาโปรดไว้ได้ทัน
โดยกล่าวว่ากรรมใดใครก่อก็ย่อมจะเป็นกรรมของผู้นั้นและพระพุทธเจ้าได้มอบคัมภีร์อิ๋ว
หลันเผิน
ให้มู่เหลียนท่องเพื่อเรียกเซียนทุกทิศทุกทางมาช่วยผู้มีพระคุณให้หลุดพ้นจากการอดอยากและทุกข์ทรมานต่าง
ๆ ได้ โดยที่มู่เหลียนจะต้องสวดคัมภีร์อิ๋ว
หลันเผินและถวายอาหารทุกปีในเดือนที่ประตูนรกเปิดจึงจะสามารถช่วยมารดาของเขาให้พ้นโทษได้
นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ชาวจีนจึงได้ถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบต่อมากันโดยตลอดด้วยการเซ่นไหว้
โดยจะนำอาหารทั้งคาวหวาน
และกระดาษเงินกระดาษทองไปวางไว้ที่หน้าบ้านหรือตามทางแยกที่ไม่ไกลนัก
มีนัยว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของบรรดาวิญญาณเร่ร่อนที่กำลังจะผ่านมาใกล้ที่พักของตน
การไหว้ในเทศกาลสารทจีน แบ่งออกเป็น 3 ชุด ดังนี้
-
ชุดสำหรับไหว้เจ้าที่
จะไหว้ในตอนเช้า มีอาหารคาวหวานขนมกุยช่าย|กุยช่าย ส่วนขนมไหว้พิเศษที่ต้องมีซึ่งเป็นประเพณีของสารทจีนคือขนมเทียน ขนมเข่ง ซึ่งต้องแต้มจุดสีแดงไว้ตรงกลาง เนื่องจากชาวจีนมีความเชื่อที่ว่าสีแดงเป็นสีแห่งความเป็นศิริมงคล นอกจากนั้นก็มีผลไม้ น้ำชา หรือเหล้าจีน และกระดาษเงินกระดาษทอง -
ชุดสำหรับไหว้บรรพบุรุษ
คล้ายของไหว้เจ้าที่พร้อมด้วยกับข้าวที่บรรพบุรุษชอบ ตามธรรมเนียมต้องมีน้ำแกงหรือขนมน้ำใส ๆ วางข้างชามข้าวสวย และน้ำชาจัดชุดตามจำนวนของบรรพบุรุษ ขาดไม่ได้ก็คือขนมเทียน ขนมเข่ง ผลไม้และกระดาษเงินกระดาษทอง -
ชุดสำหรับไหว้สัมภเวสี
วิญญาณเร่ร่อนหรือวิญญาณไม่มีญาติ เรียกว่า สัมภเวสี หรือ ไป๊ฮ๊อเฮียตี๋ แปลว่า ไหว้พี่น้องที่ดี เป็นการสะท้อนความสุภาพและให้เกียรติของคนจีน เรียกผีไม่มีญาติว่าพี่น้องที่ดีของเรา โดยการไหว้จะไหว้นอกบ้านของไหว้จะมีทั้งของคาวหวานและผลไม้ตามต้องการและที่พิเศษคือมีข้าวหอมแบบจีนโบราณ คอปึ่ง เผือกนึ่งผ่าซีกเป็นเสี้ยวใส่ถาด เส้นหมี่ห่อใหญ่ เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทองจัดทุกอย่างวางอยู่ด้วยกันสำหรับเซ่นไหว้
พิธีไหว้สารทจีน
การไหว้เจ้าที่ จะไหว้ก่อนในตอนเช้า เผากระดาษเงินกระดาษทองจนเรียบร้อย สายๆ จึงตั้งโต๊ะไหว้บรรพบุรุษและไหว้ฮ้อเฮียตี๋ บางบ้าน นิยมไหว้ตอนบ่าย ถ้าไหว้พร้อมกัน ให้ตั้งโต๊ะแยกจากกัน แต่เผากระดาษเงินกระดาษทองร่วมกันได้
ขนมที่ใช้ไหว้ในเทศกาลสารทจีน
สำหรับการไหว้ขนมเข่งขนมเทียนในเทศกาลสารทจีนนี้ ที่เมืองจีนไม่มี ในสมัยโบราณชาวจีนใช้ขนมไหว้ 5 อย่าง เรียกว่า โหงวเปี้ย หรือเรียกชื่อเป็นชุดว่า ปัง เปี้ย หมี่ มั่ว กี
- ปัง คือขนมทึงปัง เป็นขนมที่ทำมาจากน้ำตาล
- เปี้ย คือขนมหนึงเปี้ย คล้ายขนมไข่
- หมี่ คือขนมหมี่เท้า ทำมาจากแป้งข้าวเจ้าข้างในไส้เต้าซา
- มั่ว คือขนมทึกกี่ เป็นขนมข้าวพองสีแดงตรงกลางมีไส้เป็นแผ่นบาง
- กี คือขนมทึงกี ทำเป็นชิ้นใหญ่ยาวเวลาจะกินต้องตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ
เนื่องจากที่เมืองไทยหาส่วนผสมที่ใช้ทำขนมทั้งห้านี้ไม่ได้ครบถ้วน จึงงดไป แต่ชาวไทยเชื้อสายจีนใช้ขนมเทียน ขนมเข่งในการไหว้ โดยหลักของที่ไหว้ก็จะมีของคาว 3 หรือ 5 อย่าง เช่น ไก่ หมู เป็ด ไข่ หมึก ปลา เป็นต้น ของหวาน 3 หรือ 5 อย่าง เช่น ขนมเทียน ขนมมัดไต้ ขนมถ้วยฟู หรือขนมสาลี่ปุยฝ้าย ขนมเปี๊ยะ ส้ม หรือผลไม้ตามใจชอบ
กิจกรรมวันสารทจีน
ชาวจีนเชื่อกันว่าวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว จะได้กลับมาเยือนโลกมนุษย์เพื่อมาเยี่ยมครอบครัวของตน ซึ่งตรงกับวันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 7 ซึ่งเป็นวันสารทจีน และในวันนี้ชาวจีนจะทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษกันทุกครัวเรือนโดยทำกิจกรรมหลักๆร่วมกัน
ประเพณีสารทจีน นอกจากจะเป็นประเพณีที่ลูกหลานจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษซึ่งล่วงลับไปแล้ว ยังเป็นประเพณีที่มีกุศโลบายในการสนับสนุนให้ทุกคนในครอบครัวทำกิจกรรมร่วมกันอย่างพร้อมหน้าและมีความสุข
- ของไหว้วันสารทจีน อาหารคาว-หวาน มีอะไรบ้าง กับความหมายมงคล
- ข้อห้ามที่ไม่ควรปฏิบัติในวันสารทจีน มีอะไรบ้างที่ไม่ควรทำ
คุณกำลังดู: วันสารทจีน 2566 ไหว้วันไหน พร้อมอ่านประวัติ และของไหว้มีอะไรบ้าง
หมวดหมู่: ดูดวง