อิน สาริน กับแม่สายซัพพอร์ต เลี้ยงลูกไม่ตามกรอบ

ในช่วงเวลาพิเศษวันแม่ปีนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักมุมมองการเลี้ยงดูของคุณแม่ และการเติบโตของอิน สาริน กับแม่สายซัพพอร์ต เลี้ยงลูกไม่ตามกรอบ จะเป็นอย่างไรมาติดตามบทสัมภาษณ์พิเศษนี้กัน

อิน สาริน กับแม่สายซัพพอร์ต เลี้ยงลูกไม่ตามกรอบ

อิน-สาริน รณเกียรติ นักแสดงหนุ่ม-นักธุรกิจมากความสามารถ ผู้เติบโตมาบนความรักและความเพียบพร้อมของครอบครัวมั่งมี ซึ่งหลายอาจจคนมองว่า อิน สาริน เป็นลูกคุณหนูที่เกิดมาโชคดีได้พ่อแม่ร่ำรวยทำให้เขากลายเป็นคนที่ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ

อิน สาริน

ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งในพื้นฐานการเติบโตของนักแสดงหนุ่มคนนี้ แต่นอกจากนั้นการต่อยอดและการแสวงหาความสำเร็จมาจากน้ำพักน้ำแรงของเขาล้วนๆ ซึ่งหากย้อนไปรู้จักวัยเด็กของหนุ่มคนนี้ บุคคลที่ส่งเสริมปูพื้นฐานแวดวงสังคมให้อิน สาริน ให้เขาได้เผชิญโลกกว้างอย่างในทุกวันนี้ ก็คือคุณแม่ของเขาเอง ที่เขาถึงกับเอ่ยปากให้เครดิตแม่ของตัวเอง ว่าการที่ทำให้หนุ่มคนนี้กลายเป็นหนุ่มสังคม เข้ากับคนได้ทุกรูปแบบ เป็นเพราะคุณแม่เขาซัพพอร์ตและพาไปเจอสังคมวงกว้างตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาซึมซับและเรียนรู้ที่จะทำให้ตัวเองอยู่ในวงสังคมได้อย่างสง่างาม

ในช่วงเวลาพิเศษวันแม่ปีนี้ เราเลยจะพาคุณไปรู้จักมุมมองการเลี้ยงดูของคุณแม่ และการเติบโตของอิน สาริน จะเป็นอย่างไรมาติดตามบทสัมภาษณ์พิเศษนี้กัน

 อิน สาริน กับคุณแม่

  • พูดถึงความสนิทกับคุณแม่หน่อย แม่กับอินสนิทกันมากน้อยขนาดไหน

สนิทมากครับ คุณแม่อินเป็นแม่บ้าน ก็จะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บ้านไม่ได้ออกไปทำงาน เราก็จะรู้สึกว่าเราโตมากับการมีแฟมิลี่ไทม์ค่อนข้างเยอะ ในหนึ่งวัน อย่างน้อยที่สุดก็จะได้นั่งดูซีรีส์ด้วยกัน ได้ทานข้าวด้วยกันตลอด 28 ปีที่อินโตขึ้นมาครับ ถ้าจะมีใครที่ยุ่งก็คงจะเป็นเราที่ต้องออกไปทำงานเยอะ 

  • คุณแม่เลี้ยงดูอินสไตล์ไหน 

คุณแม่ให้อิสระอินเต็มที่มากๆ อินจำได้เลยตอน ป.1 ยังเด็กมากๆ แต่แม่พาเราไปเลือกโรงเรียนเอง (หัวเราะ) ตอนนั้นพาเลือกระหว่างกรุงเทพคริสเตียน กับ อัสสัมชัญฯ ก็พาดูโรงเรียน ตึกเป็นยังไง ห้องเป็นยังไง อะไรเป็นยังไง เขาให้เราเลือกเอง สุดท้ายเราเลือกกรุงเทพคริสเตียนเพราะว่าโรงเรียนมันใหญ่ สหกรณ์มันใหญ่ (หัวเราะ) เราเลือกเองแล้วเขาก็ไปคุยต่อให้ เขาจะพยายามให้เราเป็นเด็กที่ 2.48 มีความรู้สึกนึกคิด เลือกเองได้คิดเองได้ ต้องรู้ว่าชอบ และรู้ว่าไม่ชอบอะไร ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว คือไม่ใช่ว่า “อะไรก็ได้ครับๆ” นั่นจะไม่ใช่สไตล์ของเด็กบ้านนี้ เด็กบ้านนี้จะถูกสอนให้รู้เลยว่าชอบอะไร และจงรู้เลยว่าไม่ชอบอะไร สามารถบอกออกมาได้ (เขาสอนค่อนข้างให้เราเลือกสิ่งที่เราต้องการเอง) ใช่ครับ ตอนเข้ามหาวิทยาลัยก็เลือกเอง เลือกเรียนสิ่งที่ชอบเอง อย่างพี่อินเรียนสายนึง อินเรียนสายนึง เขาก็โอเค ยังไงก็ได้แฮปปี้หมด แม้กระทั่งอินเรียนสถาปัตย์จุฬาฯ จบมาแล้วไปเป็นดาราเลย เขาก็โอเค เขาแฮปปี้กับทุกๆ อย่างที่เราเลือกครับ แต่เราก็รู้ว่าเขาค่อนข้างไว้ใจ เพราะว่าเวลาเราเลือกอะไร เราไม่เคยทำออกมาไม่ค่อยดี

 อิน สาริน กับคุณแม่

  • มีวีรกรรมตอนเด็กๆ ที่ทำให้คุณแม่ต้องมาโรงเรียนเลย

ตอนมัธยมก็มีเรื่องจนต้องเรียกผู้ปกครอง อินน่ะตัวมีเรื่องเลย (หัวเราะ) บางทีก็โดดเรียน ไปงานโรงเรียนของคนอื่น อย่างโรงเรียนเพื่อนมีกีฬาสีก็โดดเรียนไปโรงเรียนเพื่อนครับ (หัวเราะ) ฝ่ายปกครองโรงเรียนนู้น ก็โทรมาโรงเรียนนี้ (ปฏิกิริยาที่คุณแม่ถูกเชิญไปที่โรงเรียนเป็นยังไง) เราไม่รู้เพราะเราอยู่ในห้องเรียน แต่เราก็เป็นเด็กถูกสปอยล์คนนึง เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ คิดว่าเขารู้ ว่าสุดท้ายแล้ว เราอาจไม่ได้ทำตามกฎ เราเป็นแก๊งหลังห้อง เราโดดเรียน แต่เกรดเราไม่เคยต่ำเลย เราไม่เคยมีพฤติกรรมที่มันสุดโต่งกว่าการโดดเรียนทั่วไป สำหรับแม่เรา การโดดเรียนเป็นเรื่องปกติด้วย เขารู้ว่าสิ่งนี้มันเป็นช่วงวัยของวัยรุ่น กลายเป็นว่าเพื่อนเราเวลาโดดเรียน จะโดดเรียนมาบ้านเรา (หัวเราะ) เพราะแม่ไม่ว่า (เคยมีหนักจนแม่ต้องจับเข่าคุยไหม) ไม่ค่อยมีนะครับ ตอนเด็กเราก็เป็นเด็กดื้อนี่แหละ ชอบขวางกฎ อย่างเราไม่ยอมตัดผมเลย เขาก็ไปหาทาง ให้เราไปถ่ายโฆษณาให้บริษัทญาติที่เป็นห้างสรรพสินค้า เพื่อที่จะได้ไม่ต้องตัดผม (หัวเราะ) ฟังดูอาจจะไม่ค่อยดี แต่ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่กฎน้อยครับ 

  • คำสอนของคุณแม่ที่จำได้ขึ้นใจ

 จริงๆ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เขาก็จะบอกว่า เป็นคนดีคบคนดีนะ กับแม่แทบจะไม่เคยบอกเลยว่า ต้องเป็นคนเก่งนะ ไม่มีเลย ตลอดจะ 30 ปีแม่ไม่เคยพูดเลย แม่จะเน้นแค่สุดท้ายแล้วขอให้เป็นคนดี คบคนดี อย่าว่าร้ายใคร จะเป็นสไตล์ของแม่ผม ‘อย่าว่าเขาสิลูก’ อะไรแบบนี้ครับ ถ้าเข้าสังคม ต้องพูดกันดีๆ ไม่พูดคำหยาบต่อหน้าแม่ 

อิน สาริน กับคุณแม่

  • อยากให้เล่าถึงคุณแม่หน่อย คุณแม่ในสายตาอิน เป็นแบบไหน

 แม่จะเป็นคนอินโนเซนท์กับโลกใบนี้ เนื่องจากแม่ไม่ได้ทำงานบริษัท ก็จะอยู่กับบ้านเยอะ อยู่กับเพื่อนๆ เยอะ เขาก็เป็นลูกคุณหนูอะ แม่จะโตมาแบบ พ่อแม่เขารวย ครอบครัวเขารวย ไม่ใช่แฟมิลี่เรานะ แฟมิลี่เขา แล้วเขาได้สามีรวยอะ (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นเขาก็จะเป็นแม่บ้านที่สปอยล์คนหนึ่ง อยากได้อะไรก็ได้ อยากทำอะไรก็ได้ อยากไปเที่ยวไหนก็ได้ เขาก็จะเลี้ยงลูกในแบบของเขาเหมือนกัน ลูกของเขาเขาก็อยากให้ลูกได้ทุกอย่างเหมือนกัน จะไม่มีการแข่งขัน ไม่มีใครต้องเป็นคนเก่ง ต้องแย่งชิง เพราะเขาไม่ได้ทำงาน เขาจะเน้นแค่ว่าขอให้เป็นคนดี พอเขาเห็นเราทำงานเยอะมากๆ เขางง (หัวเราะ) งงว่าทำไมลูกๆ ทุกคนทำงานหนักมาก เขาก็อยากให้พักผ่อน แม่จะเหมือนที่พึ่งทางใจ ถ้าเราออกไปทำงานมาเหนื่อยๆ ก็กลับมากินข้าวกับแม่

อิน สาริน กับคุณแม่

  • อยากให้นิยามคุณแม่ของเราหน่อย

 ไม่เคยคิดเลยแฮะ ก็เป็นแม่ที่ไม่ใช่แม่ typical mom ที่ต้องทำอาหารเช้าให้ลูก ส่งลูกไปเรียนตอนเช้า แบบนั้นจะไม่ใช่แม่เรา แม่เราจะเป็นสไตล์แบบ คนขับรถไปส่ง แม่บ้านประกบเลย ก็คือเป็นห่วงนะ และแบบนี้แหละเป็นแม่ที่เราชอบ คือเป็นห่วงลูกแต่ฉันก็ยังมีชีวิตของฉัน แม่ไม่อยากตื่นเช้าไปส่งลูก ซึ่งไม่เป็นไร อินก็เห็นด้วย (หัวเราะ) หรือถ้าไม่อยากทำข้าวเย็น ก็จ้างสิ เราก็เห็นด้วย ก็คิดเมนูแล้วให้แม่บ้านไปทำ ก็รู้สึกว่าเขาเป็นแม่ที่อาจไม่ได้ตามอุดมคติของใครหลายคน แต่เป็นแม่ในแบบที่เราก็คิดว่าดี “แม่ที่ยังมีชีวิตของตัวเอง” แต่ยังสามารถดูแลลูกได้อย่างเต็มที่ เขาเป็นแม่ที่ลูกไม่มีทางซื้อได้ ซึ่งถูกต้องแล้ว แม่ของเราเราต้องเคารพ เขามีชีวิต มีสังคมของเขา ซึ่งมันดีมาก เพราะสิ่งที่อินได้จากแม่แบบอินต้องให้เครดิตเขาเลย คืออินเป็นคนเข้าสังคมเก่งมาก เพราะว่าแม่พาไปทุกที่ทุกเวลา แม่พาไปเจอคนที่โคตรไฮโซเลย มาสิบคน นั่ง Rolls-Royce ทุกคน บิน Private Jet ไปจนถึง Local เพื่อนของแม่ที่บวชเป็นแม่ชี แม่ก็จะ local มากถึงมากที่สุด อยู่แบบสมถะไปอยู่วัดอะไรแบบนี้ อินจะเจอคนทุก Range เลยในชีวิตเลย ได้เจอสังคมที่กว้างมากๆ สิ่งหนึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่อินได้มาใช้ในการทำงานทุกวันนี้ คือการพูดและการเข้าสังคม เวลาไปคอนเน็กชั่นกับใครจะค่อนข้างง่าย เราจะรู้ว่าคนประมาณนี้ต้องพูดยังไง ต้องเข้าหายังไง ใช้โทนเสียงยังไง แล้วเราก็จะเข้ากับเขาได้ง่ายมากๆ เราจะไม่ค่อยโดนใครกดครับ  

อิน สาริน กับคุณแม่

  • ความประทับใจที่ยังจำได้ดีเกี่ยวกับคุณแม่ ที่ทำให้เรารู้สึกว่า โชคดีจังเลยที่ได้เป็นลูกแม่

จริงๆ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ถ้าจะให้พูดจริงๆ ก็คงเป็นช่วงวัยรุ่น ที่เราดื้อๆ เกเรเยอะ แต่แม่ก็ยังซัพพอร์ตตลอด มันไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเป็นพิเศษ แต่ตั้งแต่เด็กจนโตเรารู้ว่าเรามีช่วงชีวิตที่ดีเพราะพ่อกับแม่ มันมีเหตุการณ์วันเกิดตอนอนุบาลสาม เขาปิดทั้งอนุบาลวันนึง แล้วพาทั้งครูและเด็กอนุบาลไปเลี้ยงวันเกิดเรา เหมือนในหนังเลย ทำให้ทุกคนรักเรามาก เขาไปจ้างอีเวนท์ออแกไนซ์มาทำให้เลย อินจำได้เลยมีเป่าแป้งแข่งกิจกรรมกัน ซุ้มวันเกิดเรา เราเป็นเด็กที่โตมาได้รับความรักจากพ่อแม่และสังคมของเขา และทุกๆ คนเยอะมากๆ เขาจะเลี้ยงเราแบบให้เต็มที่มาตลอด อย่างช่วงป.1-ป.3 อินเคยเป็นภูมิแพ้ เขาก็พาเราไปเรียนว่ายน้ำ มันต้องแก้เรื่องภูมิแพ้ ทุกศุกร์-อาทิตย์ เขาจะพาเราไปหัวหินตลอดไม่เคยขาด เป็นเวลาสามปี ไม่ให้อยู่กรุงเทพเพราะว่าจะได้ไม่ต้องสูดมลภาวะ หลังจากนั้นเราก็หายเลย อินเคยเป็นหนักถึงขั้นต้องคลาน ไปให้เครื่องทุกอาทิตย์ คลานไปกินข้าวตอนเด็กๆ เพราะเราไม่ไหว เขาก็หาวิธีแก้ในแบบของเขา ความเป็นเด็กได้ไปเที่ยวทุกสัปดาห์ ได้เล่นอะไรหลายอย่าง แล้วเราก็สนุกด้วย

อิน สาริน กับคุณแม่

  • คุณแม่เป็นสายซัพพอร์ตสำหรับเรามากๆ แล้วมีเรื่องที่กดดันเราด้วยมั้ย

อันนี้เป็นสิ่งที่เรารู้สึกของเราเอง มันไม่ได้มาจากเขาโดยตรง เคยได้ยินไหมครับคำว่า “ถ้าพ่อแม่เรารวย เราจะสบาย เงินจะไปตกที่ลูก” สำหรับอินมันเป็นแกนสลับครับ ของเราอากงอาม่าปู่ย่ารวย พ่อแม่สบาย… เราก็ยังรวยอยู่แหละ แต่ว่าเราจะเห็นคนที่ไม่ทำงานเท่าไร เราเลยมีความคิดที่ว่าอยากทำงาน มันก็เลยจะสลับกัน อย่างคนที่เขาทำงานมาตลอดเขาก็ไม่อยากทำงาน หนึ่งสิ่งที่คนไม่ค่อยรู้ว่าทำไมอินกับพี่สาวเราถึงทำงานกันตลอด 7 วันเราไม่เคยมีวันหยุดมาเป็นปีแล้วตั้งแต่เรียนจบมา เพราะว่าเราเห็นภาพคนที่ไม่ได้ทำงานเราเลยอยากสลับกัน อย่างอินเห็นคุณแม่ไม่ได้ออกไปทำงาน เราเลยอยากทำงาน อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง สุดท้ายมันก็กลายเป็นความกดดัน ถ้าเราโตขึ้นเราก็อยากจะ success ไวๆ สามารถที่จะเลี้ยงดูเขาได้บ้าง มันก็มองได้นะ สมมติว่าถ้าแม่ไม่รวย ตอนนี้เราถือว่าเป็นลูกที่เจ๋งมากนะ ซื้อบ้าน อะไรให้แม่ได้แล้ว แต่กลายเป็นว่าเราทำอะไร แม่เขาก็ดีใจนะ เขายินดีทุกอย่างกับเรา แต่มันไม่ได้เซอร์ไพรส์เขา เรายังไม่ทันเขา เราก็เลยพยายามจะถีบตัวเอง อยากเป็นแบบลูกตามข่าว ที่ทำนู่นนี่นั่นให้พ่อแม่ได้ เราว่ามันก็เท่ดี เป็นแพชชั่นของอิน เราอยากเป็นเจนฯ ต่อไปที่ไม่ใช่ต่อยอด แต่พัฒนาขึ้นไปอีก มันก็เลยกลายเป็นความกดดันของเราเอง  

 อิน สาริน กับคุณแม่

  • ครอบครัวเราเป็นนักธุรกิจ​ ซึ่งเราก็เข้าวงการ เรามีแพลนรับช่วงทำธุรกิจครอบครัวไหม

ปัจจุบันช่วยเต็มตัวแล้วนะครับ ทำมา 2-3 ปีแล้ว แต่คนไม่รู้ จันทร์-ศุกร์ เราเข้าออฟฟิศนะ แต่คนไม่รู้ อินมีห้อง มีออฟฟิศ มีลูกน้อง ทำงานเช้าจรดเย็นเหมือนทุกคนแต่คนไม่รู้ บางคนจะเข้าใจว่าเราเป็นดารา แต่เดือนนึงอินทำดาราอยู่ 4 วัน ที่เหลืออินเข้าออฟฟิศทำงาน ซึ่งเราก็จะมีทีมผู้ช่วยส่วนตัวในการแยกร่างรับงานทั้งสองอย่าง ตอนนี้ก็ขยายธุรกิจต่างๆ เพิ่มเรื่อยๆ ครับ และปลายปีก็เตรียมกลับไปถ่ายซีรีส์แล้วเหมือนกัน  

อิน สาริน กับคุณแม่

  • สุดท้ายอยากบอกอะไรถึงคุณแม่

เราอยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว คงจะขอบคุณแล้วกัน เพราะเราไม่เคยขอบคุณเขา ก็จะมีกอดหอมกันเรื่อยๆ อยู่แล้ว ก็ขอพูดผ่านทางนี้ ขอบคุณที่เป็นซูเปอร์มัมสำหรับเรา เรารู้ว่าแม่อาจจะไม่ใช่ typical mom เหมือนกับคนอื่น แต่ว่าแม่เป็นซูเปอร์มัมสำหรับเรา เรารู้ว่าที่เราโตขึ้นมา ทำทุกอย่างได้ มีแรงแข่งขัน มีความรู้สึกนึกคิดได้ก็มาจากแม่ มาจากการซัพพอร์ตของแม่ ความรักของแม่ และการที่เขาพาเราไปเจอโลกภายนอกตลอด ทำให้เราเป็นคนที่พร้อมแบบนี้

คุณกำลังดู: อิน สาริน กับแม่สายซัพพอร์ต เลี้ยงลูกไม่ตามกรอบ

หมวดหมู่: หนัง-ละคร

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด