10 รถทดสอบ ลองแล้ว ประทับจิตติดใจแห่งปี 2022
ขับแล้วเลิฟ รวมรถทดสอบปี 2022 ลองแล้วติดใจอยากได้สักคัน....
10 รถทดสอบ ลองแล้ว ประทับจิตติดใจแห่งปี 2022
กว่าบทความนี้จะออก ก็น่าจะเป็นอรุณแรกของปี 2023 แล้ว พวกเราทั้งหลายจะพุ่งตัวเข้าสู่ปีต่อไป กับความเหนื่อยล้ากายใจที่จะอยู่กับเราไปตราบที่เรายังหายใจ ชีวิตของเราคนทำมาหากินก็มีแค่นี้ล่ะครับ เอางานมาโบยหลังตัวเองซะ 360 วัน เหลืออีก 5 วันไว้นั่งยกแก้วแล้วบอก Happy new year แต่ก่อนหน้าจะเปิดสู่วันทำงานเต็มตัว ก็ขออนุญาตพาย้อนหลังไปดูสิ่งที่ผมรู้สึกแฮปปี้ในปีที่ผ่านมาก่อนแล้วกันนะครับ
ในโลกของนักทดสอบรถยนต์ การเจอรถที่ตัวเองชอบนั้นก็เหมือนกับการนั่งกินข้าวซอยเชียงใหม่แล้วจู่ๆ ก็มีสาวในสเปกคุณมานั่งสั่งอาหารกินอยู่ในโต๊ะฝั่งตรงกันข้าม มันคือความรู้สึกดีๆที่ผ่านเข้ามาให้สัมผัสชั่วครู่ชั่วคราว แต่คุณไม่ได้อยู่กับมันนาน และแน่นอนโอกาสที่คุณจะได้เปิดบทสนทนาดีๆ ก็คือ 50% ส่วนโอกาสในการชวนไปดู Avatar 2 นั้น ก็จะเหลือ 5% และถ้าคุณหวังจะควบรวบคู่สู่ประตูความเป็นแฟนกันนั้นน้อยเกือบ 0% แต่จุดที่รถกับคนต่างกันคือ รถทดสอบไม่สนครับว่าคุณจะหุ่นซูเปอร์ไซส์ แก่ หัวหงอก ดูหน้าแล้วนึกถึงหมีบ้ากาม ตราบใดที่คุณมีกุญแจและค่ายรถเขาไว้ใจให้คุณขับ
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมมีบทความเขียนให้คุณอ่านในวันนี้ ซึ่งต้องเรียนให้ทราบก่อนว่า เป็นการเขียนที่ถูกจำกัดจำนวนให้มีแค่ 10 คันเนื่องด้วยโควตาหน้ากระดาษ เขียนเฉพาะรถที่ได้ขับจริง และผมตั้งใจว่าใน 1 ค่ายจะมีรถที่ผมถูกใจได้มากที่สุดแค่ 1 คันพอ ไม่เช่นนั้นแล้วจะดูเหมือนว่าเราอวยค่ายใดค่ายหนึ่งจนเกินงาม และไม่ได้มีครบทุกคันทุกค่าย เพราะไม่ใช่ทุกคันที่ขับแล้วรู้สึกว่า “เชร้ดด..อยากให้เพื่อนเราได้ขับคันนี้ว่ะ!” สิ่งที่เขียนไปนั้น เป็นความเห็นส่วนตัวมากกว่าข้อเท็จจริงหรือข้อมูล ให้นั่งจิบน้ำสบายๆ อ่านประหนึ่งผมเล่าให้ท่านฟัง เผื่อท่านอาจจะเกิดไอเดียอยากไปขอลองดีลเลอร์เขาขับ แบบนั้นจะดีกว่า
Audi Q8 60 TFSI e quattro S-Line Plug-in Hybrid
เจ้าวาฬเพชฌฆาต หน้าตาดุ ปนขี้เล่น นิสัยจริงก็เอาดีได้ทั้งในยามเล่นและในยามต้องใช้กำลัง ถ้าคุณไม่รู้ลึกเรื่องรถเลยแล้วมาลองนั่งลองขับเจ้า Q8 นี้ในเมือง มันก็คือ SUV กึ่ง Coupe หลังคาเตี้ยลาดคันนึงที่ดูทรงก็รู้ว่าไม่ใช่รถราคาถูกๆ ภายในผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างการมีปุ่มกดแบบดั้งเดิม กับการย้ายบางฟังก์ชั่นไปอยู่บนจอทัชสกรีน แต่ในภาพรวมดูพรีเมียมล้ำสมัย ช่วงล่างนุ่มนวลนั่งสบายทั้งหน้าและหลัง แต่สำหรับคนที่ศึกษารถมาพอควร คุณจะรู้ว่า ภายใต้เปลือกสไตล์ Audi ลงไป รถคันนี้แชร์พื้นฐานทางวิศวกรรมร่วมกับ Porsche Cayenne เครื่องยนต์ V6 เสียงหวาน ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแล้ว ได้พลังขับระดับ 462 แรงม้า กับแรงถีบ 700 นิวตันเมตร จงนึกถึงพลังช้างถีบของกระบะดีเซลที่โมดิฟายมา แล้วนึกภาพว่าแรงดึงระดับนี้ไหลสู่รอบสูงได้ระดับหกพัน
ผมนั่งขับกับนักข่าวอีกท่าน มีสัมภาระและของฝากอยู่ท้ายรถ เจ้า Q8 นี่สามารถเร่งจาก 0-200 กม./ชม. ได้ภายใน 19 วินาที พูดง่ายๆ คือถ้าคุณขับ C43 หรือ M340i แล้วบรรทุกหนักเท่ากัน ที่ความเร็วระดับนั้นแม้คุณจะไปไวกว่า Q8 แต่เจ้าวาฬจะตามติดตูดคุณพร้อมสายตาอันหงุดหงิดของมันอยู่ไม่ห่างอย่างที่คาด ช่วงล่างถุงลมเซตมาทำงานดีกว่า Porsche Cayenne สำหรับการใช้งานทั่วไปที่ต้องบาลานซ์ความนุ่มและความเกาะ ส่วนเรื่องความสามารถของระบบ Plug-in ผมกลับเฉยๆ กับพิสัย EV Mode 40 กิโลเมตร รวมถึงระบบชาร์จรองรับ 7.4 kW ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้น รวมถึงอุปกรณ์ที่มาครบทั้งของสวยและของอำนวยความสะดวกแต่ในราคาห้าล้านปลายยังขาด Blind Spot Monitoring และ Adaptive Cruise Control อยู่
BMW 530e M Sport
ถึงแม้เวอร์ชันนี้จะออกมานานแล้ว และคุณยังต้องคอยสอบถามลิสต์ของอุปกรณ์ติดรถ ซึ่งบางอย่างเดี๋ยวมาเดี๋ยวหายไปตามลอต แต่ในภาพรวม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือ Executive Saloon ที่พยายามมอบทุกสิ่งอย่างให้คุณมากที่สุด แน่นอนว่าในวันที่เราถวิลหาความแรงที่คุ้มค่า คุณย่อมเลือก M340i แต่ในวันที่ แรงน้อยลงบ้างก็ได้แต่อยากสบายขึ้นมากกว่า 530e M Sport จะยึดอกเดินเข้ามาพร้อมรับใช้คุณ อย่าคิดว่ารถใหญ่เสียบปลั๊กแล้วจะขับไม่สนุก นี่คือรถ 292 แรงม้าที่มาพร้อมช่วงล่าง Adaptive ซึ่งเซตมารองรับทุกงาน ไม่ว่าจะเป็นการรับลูกหลังเลิกเรียน พาแม่ยายไปโรงพยาบาล หรือแอบไปสนุกกับเพื่อนที่สนามแข่งชานเมือง..ซึ่งคุณจะไปได้ไม่เร็วเท่า 3 Series แต่งซิ่งของเพื่อนคุณหรอก แต่การโผล่มาทักทายบนกระจกมองหลังสักโค้งสามโค้งให้เพื่อนขนลุกเล่นๆ ก็สนุกพอแล้ว
นอกจากมากความสามารถแล้ว ยังเป็นรถที่ยัดอุปกรณ์ให้ท่วมคัน ไม่ว่าจะเป็นชุดแต่ง M Sport ล้อ 19 นิ้ว ไปจนถึงประตู Soft-close ระบบความปลอดภัยขั้นสูง BMW Driving Assistant และ Cruise Control ที่เป็นแบบ Adaptive และอื่นๆ อีกมากจนพูดได้ว่าครบที่สุดในรถคลาสเดียวกัน แต่ราคายังน่าคบจบที่สามล้านปลาย ครบทุกสิ่งที่คุณอยากได้จากสปอร์ตซาลูนสไตล์ผู้บริหาร เสียบปลั๊กวิ่งในเมืองไปมาขำๆ ได้ 45-50 กิโลเมตร ซึ่งเยอะในวันที่มันเปิดตัว แต่ในวันนี้บางค่ายคุยกันหลักร้อยกิโลเมตรแล้ว ระบบชาร์จกลับยังรองรับแค่ 3.7 kWh ทำให้เวลาวิ่งทางไกลนั้น ลืมๆ เรื่องแวะชาร์จที่ปั๊มไปเสียเถอะ แต่ข้อดีก็คือหากจำเป็นจะต้องชาร์จไฟไว้เตรียมใช้เมื่อถึงปลายทาง ระบบชาร์จกลับด้วยเครื่องของ BMW เติมไฟกลับได้เร็วมาก
BYD Atto3
ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อเปิดรับจองแค่ 2 เดือน ตั้งใจว่าจะขายรถแค่ 5,000 คัน แต่พอเอาเข้าจริง จัดไปหมื่นคันเบาะๆ และยังมีคนรอคิวอยู่อีกเยอะจน BYD ต้องปิดรับจองโดยให้เหตุผลว่าต้องการให้มั่นใจว่าคนที่จองจะได้รับรถแน่นอน (คงกลัวรอรถนานแล้วเดี๋ยวจะมีดราม่า) ตัวรถนั้น มีเหตุผลหลายอย่างให้ผู้คนชื่นชอบ สิ่งที่ผมชื่นชมเป็นการส่วนตัวคือการออกแบบภายนอกที่เลือกเส้นสายลงตัวระหว่างส่วนที่ควรจะดูหล่อเรียบ กับส่วนที่ควรจะมีความกวนๆ แฝงไว้ เช่นเดียวกับภายในซึ่งมีสไตล์รถ EV สมัยใหม่ที่เน้นจอ แต่ยังแคร์ที่จะเหลือปุ่มกดจริงๆ เอาไว้ให้ใช้งานได้สะดวก แล้วยังเป็นรถแดนมังกรรุ่นหนึ่งที่ไม่ตัดเข็มขัดนิรภัยแบบปรับระดับให้พาดผ่านไหล่ได้พอดีออกไป พิจารณารอบคันแล้วรู้ได้ว่า วิศวกรไม่ได้พยายามออกแบบเอาสวยเข้าว่า แต่ยังคำนึงถึงการใช้งานและความปลอดภัยอยู่
และมันเป็นรถที่เร็ว..คุณอาจจะไม่ได้เอารถแบบนี้ไปซิ่งเล่นส่งท้ายปี แต่เรี่ยวแรงการออกตัว การแซง การตอบสนองนั้น เมื่อมองว่าคุณจ่ายแค่ล้านต้น แลกกับรถที่ขนาดตัวเกือบเท่า Corolla Cross แล้วยังมีช่วงล่างที่แม้จะไม่ใช่สเปกซิ่ง แต่ก็มีความนุ่มนวล ลดอาการโคลงด้วยการใช้ช่วงล่างหลังอิสระมัลติลิงค์ซึ่งคู่แข่งระดับเดียวกันส่วนใหญ่ไม่ใช้ เพราะต้นทุนการผลิตสูงกว่า นี่คือรถที่สร้างมาดี คิดมาดี มีความสร้างสรรค์เป็นตัวของตัวเอง สมแล้วที่ ผู้แทนจำหน่ายในไทยเลือกรุ่นนี้มาปลุกตลาดเป็นตัวแรก รถลอตแรกๆ ยังไม่สามารถเล่น CarPlay/Android Auto ได้ แต่น่าจะอัปเดตให้ใช้งานได้ภายในปี 2023 การออกแบบภายในบางส่วนเช่นพื้นที่ผู้โดยสารตอนหน้าอาจจะนั่งแหกขาไม่ได้กว้างมาก แต่ก็ไม่ได้แย่ไปกว่า MG ZS EV ส่วนข้อเสียอื่นๆ อาจจะต้องมอบให้เจ้าของผู้ใช้ระยะยาวช่วยกันดู ถ้าใช้ทนใช้ดี BYD ก็เตรียมบันไดสู่ดวงดาวรอได้เลย
Ford Ranger Raptor 3.0 V6
ใครมันจะอยากได้? รถกระบะที่ทำมาเพื่อวิ่งบนถนนลูกรังด้วยความเร็วระดับหาพระแสง? รถกระบะแต่กินน้ำมันดุน้องๆ ซุปเปอร์คาร์? ใครซื้อก็..ก็..ก็เป็นเรื่องและเป็นเงินของเขาไงครับ! ถ้าคุณทราบเรื่องโครงสร้างสรรพสามิตที่รถกระบะช่วงล่างหลังแหนบเสียภาษีถูกกว่า แล้ว Raptor ซึ่งใช้ช่วงล่างหลังคอยล์สปริงต้องเสียในอัตราใกล้เคียงกับ Ford Everest คุณไม่งงบ้างเหรอว่า อุปกรณ์ตั้งมากมาย ระบบขับเคลื่อนก็มีโหมด 4A ใส่ขับสี่วิ่งทางยางมะตอยไกลๆ ได้ เครื่องยนต์นั้นถ้าเอามือปิดชื่อผู้ผลิตไว้ คุณจะนึกว่าเป็นขุมพลังเทอร์โบโหดๆ จากเยอรมันด้วยซ้ำ แล้วทั้งหมดนี้ เอามาขายในราคาที่ไม่ข้าม 1.9 ล้านบาท? เมื่อเทียบราคากับสิ่งที่ได้ คนเล่นรถที่ไหนจะสนครับว่ามันล็อกความเร็ว 185 หรือเอามาเน้นวิ่งถนนแบบไหน
Raptor เป็นรถกระบะจากโรงงานที่เร็วที่สุดที่เคยมีขายในประเทศไทย อัตราเร่งของมันในช่วงต่ำกว่า 140 นั้นสามารถเจอกับรถยุโรปตัวเล็กๆ เบาๆ 250 แรงม้าได้ และแม้หน้าตาจะโหดร้าย แต่การขับในเมืองจริงๆก็มีแค่ขนาดตัวกับความสูงที่จะทำให้ขาดความคล่องตัวในที่แคบ แต่พวงมาลัยเบาจนคุณแม่ผมยังเลื่อนเข้าถอยออกจากบ้านได้สบาย และช่วงล่าง Fox Live Valve ปรับความแข็งได้นั้น ผมว่าผมประทับใจมากกว่าแรงเครื่องเสียอีก โช้คอัพระดับหลักแสนทำงานของมันได้เลิศ นุ่มนวลสบาย แต่กลับหักหลบหมาตัดหน้าได้แบบมั่นใจ ส่วนการทิ้งโค้งนั้น ถ้าจับ Raptor ใส่ยางทางเรียบได้ ก็อาจจะเกาะมั่นใจกว่านี้ แต่ในแบบเดิมๆ ของมันก็ไม่กระจอกแล้ว ภายในยังหรูในระดับที่ใกล้รถยุโรปสองล้านกลางๆ หน้าปัดจอสี จอกลางขนาดใหญ่ ลูกเล่นและความปลอดภัยครบ มาตกม้าตายเอาในรถทดสอบผม ระบบไฟรวน ไฟห้องโดยสารเปิดไม่ติดถ้าปิดระบบ Auto Start/Stop (ยังงงอยู่ว่าเกี่ยวกันยังไง) และระบบขับสี่โชว์ Error บนจอตอนที่ขับในสนาม ซึ่งพอทิ้งไว้สักพักสตาร์ตใหม่ก็หายเอง
Haval H6 Plug-in Hybrid
รถครอบครัวคันไม่เล็ก ให้อุปกรณ์มาค่อนข้างดี ช่วงล่างบู๊แล้วหน้าเหย แต่ขับแบบปกติแล้วสบายทวารทั้งห้า แถมเบาะหลังหลายคนบอกว่านั่งแล้วสบายตัวกว่าเบาะหน้าเสียอีก ทั้งหมดนี้คือ Haval H6 ซึ่งในปี 2022 มีการเพิ่มรุ่น Plug-in Hybrid เข้ามา ราคาพุ่งจากรุ่นไฮบริดปกติไปอยู่ที่ 1,699,000 บาท ซึ่งทำให้คนซื้อคิดหนักว่าจะเซฟเงินหลายแสนแล้วไม่ต้องเอารุ่นเสียบปลั๊กจะดีกว่าหรือไม่ ในเมื่ออุปกรณ์ต่างๆ ก็ให้มาเท่ากัน หน้าตาก็ดูแล้วเกือบเหมือนกัน อัตราเร่งช่วงออกตัวแม้รุ่นไฮบริดจะมีแรงม้าดูน้อยกว่า แต่ของจริงก็ดีดออกไปได้ดีพอกัน
ความน่าสนใจของรุ่น Plug-in Hybrid อยู่ตรงที่แบตเตอรี่ขนาดโต 34 kWh แล้วยังรองรับการชาร์จแบบ DC ที่นั่งจิบกาแฟรอ 30 นาที เติมไฟจากเกือบเกลี้ยงหม้อให้กลายเป็น 80% ได้ และถ้าหัวชาร์จ DC โดนจองจนเต็ม คุณหาหัว AC เสียบสักชั่วโมงนึงก็ได้ไฟกลับมา 40% วิ่งไปขำๆ ก่อนได้ แม้ว่าระยะทางวิ่งด้วย EV Mode ผมกับคุณน้าเต้ย นิธิ ท้วมประถมลองแล้วจะไม่ได้ 201 กิโลเมตร แต่การได้ 140 กิโลเมตรจากการวิ่งแบบ 90-120 กม./ชม. ผมว่านั่นก็น่าเคารพแล้ว ในการขับแบบชีวิตประจำวัน คุณอาจใช้ EV Mode วิ่งไปได้ 3-5 วันกว่าจะชาร์จสักครั้ง ได้ฟีลความเป็นรถ EV วิ่งเงียบๆ ไม่มีไอเสียปลายท่อ จอรอแฟนซื้อของเปิดแอร์ได้ ครั้นออกวิ่งทางไกล ถ้าสมมติไปเชียงใหม่ คุณแวะชาร์จสักสองที่ ก็ได้ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าเกินครึ่งของระยะทางไปเชียงใหม่แล้ว ช่วงเทศกาลที่ชาร์จเต็ม ก็เติมน้ำมันขับไปสิ นี่คือข้อดีของรถ PHEV แต่คุณยังต้องจ่ายค่าบำรุงรักษาทั้งเครื่อง แบตเตอรี่และมอเตอร์ รวมถึงการตอบสนองคันเร่งของ H6 PHEV ที่อมพลังมากจนนึกว่าไม่แรง แต่จู่ๆ จะแรงก็ทะลึ่งพรวดพราดทั้งที่กดคันเร่งคาไว้เท่าเดิม ระบบจอต่างๆ ใช้งานดีกว่าปีแรกที่จำหน่ายแล้ว ตอบสนองเร็วขึ้น แต่ปุ่มกดและตัวอักษรยังไม่ถูกใจอาม่าเหมือนเดิม
Mazda CX-8 2.5 SP Exclusive
คุณมีครอบครัวแล้ว และอายุเริ่มเฉียดหลักสี่พลาซ่า คุณไม่มีที่จอดเหลือให้รถเสียงดังพลังสูงหลายร้อยม้า มีแต่ลูกเมียกับความซุกซนนิดๆ ในจิตในจะแสดงออกมาในวันที่มีโอกาสขับรถคนเดียว CX-8 นั้นมีจำหน่ายหลายรุ่นย่อย แต่ผมเลือก 2.5 SP Exclusive ได้หลังจากที่ได้ลองขับจากหาดใหญ่ไปเบตงเทียบชัดกับรุ่นท็อป 2.2 ดีเซล XDL Exclusive พบว่ารุ่นดีเซลนั้น วิ่งทางยาว เร่งแซง และขึ้นเขาได้อย่างมีพลังโดยไม่ต้องกดคันเร่งเยอะ และยังมีไฟตัดหมอก ไฟหน้าแบบ Adaptive รวมถึงเบาะแถวสองที่ปรับด้วยไฟฟ้า มีระบบระบายลมและอุ่นเบาะให้ที่ตอนหนึ่งกับตอนสอง แถมยังเป็นรุ่นเดียวที่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้ส่วนต่างของราคารถเพิ่มมากถึง 500,000 บาท
นั่นก็ทำให้รุ่น 2.5 SP Exclusive น่าสนขึ้นมาเพราะอุปกรณ์ความปลอดภัยเกือบเท่ากัน มองภายนอกเกือบเหมือนกัน จุดบำรุงรักษาที่ต้องลุ้นในระยะยาวดูเหมือนจะน้อยกว่ารุ่นดีเซล เครื่องยนต์แรงบิดแค่ 258 นิวตันเมตร น้อยกว่ารุ่นดีเซลเกือบ 200 นิวตันเมตร ทำให้คุณต้องลากรอบแถวๆ 3500-5500 อยู่ตลอด เพื่อให้มีแรง แต่มันยังดันตัวเองขึ้นเขาไปได้ และยังขับคล่องไม่เหมือนรถครอบครัวตัวเขื่อง ช่วงล่างไม่แข็งเกินและยังกระชับไม่เวียนหัวเวลานั่งทางไกล ระบบเกียร์และการเซตคันเร่งทำงานสนองเท้าไวกว่ารุ่นดีเซล และจะยิ่ง Alert หนักขึ้นเมื่อกดโหมด Sport มันเป็นเพื่อนเดินทางไกลที่คนขับสบาย คนนั่งก็สบาย แต่ควรติดฟิล์มกันร้อนดีๆเพราะช่องแอร์แถวสองเป่าได้แค่ส่วนล่างของลำตัว และผู้โดยสารแถวสามไม่มีช่องแอร์เป่าจากด้านบนเช่นกัน มองว่าการโดยสารแบบ 6 คน ใช้ได้กับเส้นทางสั้นๆ แต่ถ้าวิ่งข้ามจังหวัดยาวๆ ให้มองเป็นรถ 4 ที่นั่งที่ได้เนื้อที่เหยียดแขนขาเยอะ แล้วข้างหลังนั่นไว้สัมภาระจะดีกว่า
Mercedes-AMG GLA 35 4 MATIC
ถ้าคุณทำรถคันนึงให้ทำได้ทุกอย่าง มันก็จะทำได้ดีไม่สุดสักอย่าง นั่นเป็นความจริงเสมอ แต่ถ้าหากคุณต้องการรถสักคันที่ขับใช้งานได้ทุกวัน เจอถนนปูดๆ ลูกระนาดยักษ์ หรือทางขึ้นลานจอดรถที่เหมือนออกแบบให้วัวควายเดินขึ้นมากกว่าเป็นทางรถ แล้วยังอยากได้รถที่ขับสนุกทั้งทางตรงทางโค้ง มีขนาดตัวรถไม่โตแต่แม่ยายกับพ่อตานั่งเบาะหลังแล้วไม่ด่าแรง GLA 35 คือรถที่ตอบสนองคุณได้ดีในแง่นั้น ถึงแม้ความจุเครื่องจะเล็กเท่าปอดแมวแง้วๆ และตัวเลข 306 แรงม้าก็ไม่ได้ทำให้แม่ยายของบางท่านกลัวแล้วในสมัยนี้ แต่มันคือรถที่มีพลังสำรองเหลือเฟือสำหรับการขับบนถนน การทำงานของช่วงล่าง พวงมาลัย และเกียร์ ขับแล้วลืมภาพเบนซ์เมื่อ 10 ปีก่อนไปได้เลย ทีม AMG เข้ามาช่วยปรุงจนขับสนุกขึ้นเยอะ ผมได้ลองหวดมันเต็มๆ ในสนามบุรีรัมย์ มันเป็นรถที่ปรับนิสัยตัวเองตามสไตล์คนขับได้ดี ถ้าคุณขับแบบเร็วแต่เซฟ รถจะไม่ประพฤติตัวนอกกรอบ แต่ถ้าคุณพยายามเลี้ยวแรง ตอกคันเร่งหนัก ครอสโอเวอร์หน้าตาน่ารักจะสะบัดท้ายออกโค้งงามๆ ให้คุณรับผิดชอบสิ่งที่เกิดหลังจากนั้นเอาเอง
รถโมเดลปี 2022 จะได้ล้อขนาดโตขึ้นเป็น 20 นิ้ว สีเทาดำขอบเงิน ตัดระบบจอ Head-Up Display ซึ่งก็น่าเสียดาย แต่ได้ระบบ Blind Spot Assist ระบบช่วยประคองรถให้อยู่ในเลน ปุ่มปรับโหมดแบบติดพวงมาลัยเวอร์ชั่นใหม่และ Wireless Charger เข้ามา ทำให้เรื่องอุปกรณ์นั้นถึงยังไม่ครบ 100% แต่ไม่น่าเกลียด ถูกล่ะ C 43 เป็น AMG ที่คุ้มเงินสุดอยู่ดีถ้ามองเรื่องเงินกับความแรง และ CLS 53 ก็ให้ทั้งความหรู แรง กับความป๋า แต่ GLA 35 คือรถที่ราคาถูกกว่าพวกนั้นเป็นล้าน และคุณสามารถใช้มันเป็นรถคันเดียวในชีวิตได้ มีความสบายพอเพียง มีความสนุกให้เกินพอ เป็นรถที่ผมคาดไว้แค่ 75 แต่สนองกลับได้ 95% ในแง่การขับสนุก แต่ถ้าคุณอยากได้เบาะหลังกว้างนั่งสบาย กรุณาเอาเงินสามล้านกว่าๆ ไปหารถคันใหญ่กว่านี้ครับ
MG4 Electric
ถ้าคุณไม่ได้สนเรื่องการขับขี่ คุณไม่ทราบว่าทำไมบางคนชอบรถขับหลัง และคุณมีเงินมากเกินล้านสบายๆ กำเงิน..แล้วเดินไปหา BYD ครับ เพราะบางอย่างที่คุณไม่ได้รับทราบในความดีของมัน คุณอาจไม่จำเป็นต้องใช้มันก็ได้ แต่เราจะไม่เขียนถึง MG4 ก็คงจะอคติกับแบรนด์เกินไป เพราะที่ผ่านมา MG จะทำรถที่อุปกรณ์แพรวพราว ราคาดี แต่ขับแล้วไม่ได้มีอะไรประทับใจเป็นพิเศษ ตอบสนองไม่เต็มร้อย แต่คราวนี้กลับกัน นี่คือหนึ่งใน MG ไม่กี่รุ่นที่จะไม่มีซันรูฟมาให้แม้ว่าคุณจะสั่งตัวท้อป ภายในดูเรียบๆ ธรรมดา มีแดชบอร์ดทรงผาชะนะไดอำเภอโขงเจียมยื่นออกมาขวางทางเสียบ USB อีกต่างหาก อุปกรณ์ต่างๆ ถือว่าดีและครบสำหรับราคาของมัน แต่เด่นกว่ารถแปดเก้าแสนคันอื่นไหม? ผมว่าไม่
มันต้องหาสนามสักแห่งเพื่อที่จะสาธิตให้คุณดูว่าการออกแบบพื้นฐานโครงสร้างกับระบบขับเคลื่อนที่ดีนั้นส่งผลกับความมั่นใจในการขับยังไง MG4 กับ Nebula Platform คือโครงสร้างใหม่ที่ลืมพื้นฐานรถสันดาปจนหมดสิ้น เอามอเตอร์ไปวางหลัง ขับเคลื่อนล้อหลัง ย้ายตู้แอร์มาอยู่ใต้กระโปรงหน้า บวกกับจุดศูนย์ถ่วงต่ำจากการเป็น EV สิ่งที่ได้คือ MG ที่แรงทางตรงพอยิ้มได้ แต่เล่นโค้งสนุกมาก จุดที่คิดว่าหน้ารถจะแหกโค้ง MG4 จิกแล้วไปเหมือนวิ่งอยู่บนราง ถ้าคุณเปิดโหมด Sport แล้วทะลึ่งกดคันเร่งตอนอยู่ในโค้ง มันจะกวาดท้ายออกแต่กู้คืนง่ายขอแค่อย่าปิดระบบความปลอดภัย ช่วงล่างก็ไม่ได้แข็งสะเทือนบนถนนขรุขระมาก แต่กลับขับดี คุณลองนึกถึง Subaru XV ที่ตัดเหลือขับหลังแล้วโหลดลงสักสามนิ้ว แล้วเพิ่มแรงถีบแบบ EV เข้าไป แต่พวงมาลัยจะไม่ส่งต่อความรู้สึกดีเท่า..นั่นล่ะคือ MG4 รถไฟฟ้าหลักแสนที่แรงพอได้ สนุกซนๆ ได้ ลุกนั่งเข้าออกก็ง่าย แต่ถ้าจะทำเป็นรถวิ่งสนามแข่ง คงต้องปรับเรื่องระบบไฟฟ้าเพราะหลังจากทำ 0-100 กับขับในสนามแค่ 3-4 รอบ อัตราเร่งและพลังก็ลดลงอย่างชัดเจน จุดเด่นของรถนั้น สายใช้งานจะเทใจไป Atto3 แต่สายขับจะชอบ MG4 และนี่คือหนึ่งในไม่กี่ครั้งหรอกที่สายขับ จ่ายเงินถูกกว่า
Nissan Kicks e-Power Autech
ถ้ามีรางวัลประเภท การปรับปรุงรถประจำปี/ไมเนอร์เชนจ์ยอดเยี่ยมที่สุดของปี ก็คงขอมอบให้ Kicks เพราะแม้รูปทรงภายนอกของรถจะดูเหมือนเดิมมาก (รุ่นล่างๆ แทบไม่ต่างจากโฉม 2021) แต่ Nissan ลงเหงื่อลงแรงไปหลายอย่างเพื่อปรับรถให้มีความน่าเล่น บางคนอาจจะบอกว่า อ๋อ แค่ราคาถูกลง เดิมรุ่นท็อปราคาเกือบ 1.1 ล้านบาท ตอนนี้ รุ่นท็อปสไตล์ตกแต่งพร้อมอย่าง Autech กลับมีราคาแค่ 949,000 บาท แต่อันที่จริง เราจะมีเรื่องพูดให้เจ้าของรถลอตแรกรำคาญได้มากกว่านั้นไปอีก
เพราะนอกจากค่าตัวถูกลงแล้ว แบตเตอรี่ของ Kicks 2022 ยังสามารถจุไฟเพิ่มขึ้นจาก 1.56 เป็น 2.06 kWh เครื่องยนต์รหัสเดิมแต่ปรับจูนการทำงานใหม่ เพียงแค่สองอย่างนี้ก็ให้ผลในเรื่องอัตราสิ้นเปลืองมากแล้ว ในการเดินทางไกล ณ จุดที่ผมลองว่ารุ่นเดิม ขับแบบนี้ บรรทุกแบบนี้ได้ไม่ดีไปกว่า 15 กิโลเมตรต่อลิตร รุ่นใหม่กลับทำได้ 17 แบบไม่ยาก หรือได้ 16 แต่ได้ความเร็วเฉลี่ยในการเดินทางสูงกว่า อัตราเร่งแซงก็เร็วกว่ารุ่นเดิมนิดหน่อยเป็นของแถม คอนโซลกลางที่เคยเป็นบั้งเบียดเนื้อที่ขา ก็ปรับใหม่จนแหกแข้งขานั่งขับทางไกลได้สบายขึ้น Kicks เคยเป็นรถที่คนมองข้าม กลับกลายเป็นรถที่ขับในเมืองก็ประหยัดน้ำมันมาก ขับทางไกลก็กินกว่าอีโคคาร์นิดหน่อยแต่แรงถีบเหลือพอ ช่วงล่างไม่นุ่มแต่หักหลบหมาได้มั่นใจ วิ่งเร็วๆไม่โคลงร่อน มีอุปกรณ์ติดรถให้ครบ Adaptive Cruise Control เตือนรถในจุดบอด และกล้องรอบคัน เทียบกับคู่แข่งไฮบริดด้วยกัน คุณขาดแค่ฝาท้ายไฟฟ้า กับเบาะหลังที่สบายหน่อยพร้อมช่องแอร์ นอกนั้นอุปกรณ์คุณได้เทียบชั้นคู่แข่งตัวท้อป แต่จ่ายเงินเท่ารุ่นถูกสุดของคู่แข่ง จุดเสียเรื่องเบาะหลังยังอยู่ แต่ความสามารถกับราคาแบบนี้ คนที่ไม่เน้นเบาะหลัง น่ามองไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือกครับ
Toyota Yaris ATIV
รถเล็กของ Toyota นั้นมีภาพลักษณ์เป็นรถไข่เจียวมาแต่ไหนแต่ไร คือราคามันไม่ได้ถูก และไม่มีความหวือหวาใดๆ แต่เป็นสิ่งที่ง่ายกับชีวิตคุณและเข้าใจหัวอกของคนทำงานหาเช้ากินค่ำที่เหลือเวลาว่างน้อย แล้วลองนึกดูว่าในที่สุด Toyota ก็อยากจะเปลี่ยนแนว ครั้งนี้จากไข่เจียว คุณได้ไข่เจียวหมูสับและคะน้าหมูกรอบเพิ่มโดยที่พ่อค้าคิดราคาคุณเกือบเท่าเดิม นั่นคือสิ่งที่ทำให้ Yaris ATIV ใหม่ได้รับความนิยม ยอดจองถล่มทลายชนิดที่คน Toyota มีเรื่องให้ฉลองยิ่งใหญ่สมกับครบรอบ 60 ปี Toyota ในประเทศไทยจริงๆ มันไม่ใช่รถที่ทำให้คุณประทับใจจากการขับขี่หรอกนะครับ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ATIV ยังเป็นรถระดับเล็กที่ขนาดตัวไม่ได้เล็ก แต่ยังใช้เครื่องยนต์ 1.2 ลิตรดั้งเดิมไม่เสริมหอย พละกำลังจึงไม่ได้เด่นเลยหากเทียบกับรถ 1.0 ลิตรเทอร์โบของคู่แข่ง ช่วงล่างขับบู๊แล้วไม่สนุก แต่ขับใช้งานแล้วสบาย ปลอดภัยยามหักหลบหมาแมวหรือคนที่ขับรถหมาๆ เพราะรถคันนึง ไม่สามารถคงราคาให้เท่าเดิมได้หรอกครับถ้าทุกด้านของรถมันดีขึ้นหมด
สิ่งที่ทำให้เราเห็นในความดีของ ATIV คือ การพยายามออกแบบภายในให้ดูหรูหรา มีสไตล์มากขึ้นชนิดลืมภาพรถรุ่นเดิมไปได้เลย วัสดุตกแต่ง ปุ่มต่างๆ และลูกเล่น พัฒนาไปอีกขั้นจนทำให้ผู้ซื้อรู้สึกว่าคุ้มราคา สำหรับเรื่องความปลอดภัย แม้แต่รุ่นเริ่มต้นตัวถูกสุดราคา 539,000 บาท ก็ยังได้เบรก ABS ระบบช่วยการทรงตัวและถุงลม 6 ใบ และถ้าใครเล่นรุ่นสูงๆ คุณก็ได้หน้าปัดจอสี จอกลางโตๆ ระบบ Auto Brake Hold เบาะหนัง Adaptive Cruise Control ด้วย เตือนชนหมาด้านหน้า เตือนชนแมวด้านหลัง เตือนกันเป๋ไปชนรถป้าข้างๆ เบรกอัตโนมัติ ไฟสูงอัตโนมัติ เบรกมือไฟฟ้าพร้อมจับเบรกอัตโนมัติ เตือนรถในจุดบอดกระจกมองข้าง เตือนแม้กระทั่ง หากคุณจอดบนทางชันแล้วบิดพวงมาลัยเลี้ยวไว้ ทั้งหมดนี้ บวกกับห้องโดยสารขนาดปานกลาง เนื้อที่ศรีษะเบาะหลังไม่เท่า Honda City แต่ยังมีพื้นที่มากกว่า Mazda 2 และตัวเบาะหน้ากับพื้นที่ด้านหน้ากว้างขวาง พลัสไซส์ขับสบาย ในโลกที่มีทั้งคนบ้าพลัง และกระแส EV รวมถึงน้าๆรถกระบะ ATIV ใหม่ คือรถที่ยังไม่ลืมว่าประชากรไทยจำนวนมากอยากได้รถเก๋งธรรมดาคันไม่ใหญ่ใช้งานง่าย และมาคราวนี้พร้อมสไตล์และเซฟตี้ครบๆ คิดเงินเพิ่มจากรุ่นเดิมแค่ 15,000 บาท สิ่งที่ยิ่งใหญ่จาก Toyota จึงไม่ใช่รถสปอร์ตอย่าง Supra หรือรถไฟฟ้าอย่าง bz4x แต่เป็นรถธรรมดา ราคาซื้อง่าย ที่ไม่ลืมเรื่องการใช้งานและความปลอดภัย.
Pan Paitoonpong
คุณกำลังดู: 10 รถทดสอบ ลองแล้ว ประทับจิตติดใจแห่งปี 2022
หมวดหมู่: รถยนต์