ใหม่หมดหัวจดท้าย เข้าไทยกลางปีนี้ MERCEDES-BENZ THE NEW GLC 2023

MERCEDES-BENZ THE NEW GLC 2023 เข้าไทยเร็วสุดกลางปีนี้ เครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร ปลั๊กอินไฮบริด....

ใหม่หมดหัวจดท้าย เข้าไทยกลางปีนี้ MERCEDES-BENZ THE NEW GLC 2023

การออกแบบและคุณสมบัติของ Mercedes GLC ปี 2023
ในด้านการออกแบบ ในขณะที่ GLC เจเนอเรชันแรกที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2016 แตกต่างจาก GLK อย่างมาก แต่ GLC เจเนอเรชันที่สองรุ่นใหม่ ประจำปี 2023 นั้นเป็นวิวัฒนาการของยานยนต์อเนกประสงค์ไซส์กะทัดรัด ตัวถังทั้งหมดเป็นของใหม่ งานตกแต่งภายในก็ใหม่ new GLC และมีระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น และตำแหน่งนั่งขับที่ต่ำลงเล็กน้อย เพื่อความแตกต่างที่ชัดเจนจาก Mercedes-Benz GLB

Mercedes GLC เจเนอเรชันที่สอง มีดีไซน์ไฟหน้าแบบโปรดักชั่นที่โฉบเฉี่ยว ทรงของไฟ LED มีเหลี่ยมมุมมากขึ้น เอียงมากขึ้นเหมือน Mercedes EQS แต่ปลายด้านนอกไม่แคบเท่า ไฟหน้าเชื่อมต่อกับกระจังหม้อน้ำผ่านแถบไฟหรี่กลางวัน DRL ที่ขอบด้านบน งานออกแบบที่เน้นความกว้างของตัวถัง กระจังหน้าหม้อน้ำแบบใหม่ มีโครเมียมล้อมรอบและบานเกล็ดแบบสปอร์ตสีเทาด้าน พร้อมขอบโครเมียม เมื่อมองจากด้านข้าง Mercedes GLC ปี 2023 แทบไม่แตกต่างจากรุ่นแรก ขอบเข็มขัดที่เพิ่มขึ้นช่วยให้สไตล์สปอร์ตดีขึ้นเล็กน้อย นอกจากนี้ เป็นครั้งแรกใน GLC ที่มีแถบสีซุ้มล้อสีเดียวกับตัวรถในรุ่น AMG Line

แทนที่จะใช้กระจกมองข้างแบบก้านเหมือนรุ่นแรก รุ่นที่สองมีกระจกที่ติดอยู่กับบานประตูเหมือน C-Classทำให้รถ new GLC SUV มีประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์มากขึ้น ช่วยลดเสียงลมที่อาจดังเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องโดยสาร เส้นด้านข้างตัวถังมีความคมชัดมากขึ้นและเห็นเส้นนำสายตาได้อย่างชัดเจน มีการออกแบบล้ออัลลอยด์ใหม่หลายแบบ เส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 18 ไปจนถึง 20 นิ้ว บั้นท้ายหรือด้านหลังของ Mercedes GLC ปี 2023 มีรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยไฟท้ายแบบสองส่วนที่บางลง ซึ่งชวนให้นึกถึงไฟท้ายของ C-Class

การตกแต่งภายในของ GLC เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ภายในที่คล้ายกับ new C-Class W206 ดูหรูหราและน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น ห้องโดยสารโดดเด่นด้วยแดชบอร์ดใหม่ที่มีรูปทรงคล้ายปีกของอากาศยาน ช่องลมระบบปรับอากาศ ทรงกลมแบบใหม่ที่แบนราบ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากส่วนควบคุมเครื่องยนต์ของเครื่องบิน คอนโซลกลางแบบลอยตัวที่สง่างามคล้าย new S-Class ห้องโดยสารให้ความรู้สึกแบบมินิมัลลิสต์ และหรูหรามากขึ้นจากการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูง ซันรูฟแบบพาโนรามาที่เป็นอุปกรณ์เสริมได้รับการปรับปรุงให้ทำงานได้ดีขึ้น ผู้โดยสารสามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ในแบบที่เกือบจะไม่มีสิ่งกีดขวาง เนื่องจากสตรัทกลางหลังคานั้นถูกออกแบบให้บางกว่ารุ่นแรก

Digital Light & MBUX เจเนอเรชันที่สอง
คุณสมบัติภายนอกที่สำคัญของ new GLC 2023 คือไฟหน้าแบบ Digital Light พร้อมฟังก์ชั่นการฉายภาพที่เน้นความคมชัดและกำลังในการส่องสว่างไกล 600 เมตร ไฟหน้ามีหลอด LED ที่ทรงพลังมากถึงสามดวงต่อข้างกระจกขนาดเล็ก ให้ความคมชัดในระดับ 1.3million micro-mirrors หักเหและกำหนดทิศทางแสงในไฟหน้า Digital Light แต่ละดวง ความละเอียดรวมจึงมากกว่า 2.6 ล้านพิกเซล ไฟหน้าแบบใหม่ที่ประจำการใน EQS และ new GLC เป็นตัวเลือกระดับพรีเมียม มีประสิทธิภาพการทำงานเหนือกว่าไฟหน้า LED แบบมาตรฐาน ออปชั่นเสริมเป็นฟังก์ชั่นการฉายภาพที่แสดงทิศทางหรือสัญลักษณ์เตือนของถนนข้างหน้า

GLC ใหม่ ติดตั้งระบบปฏิบัติการ MBUX เจเนอเรชันที่สองพร้อมเครื่องสแกนลายนิ้วมือและผู้ช่วยเสียงแบบโต้ตอบหรือ AI ที่เปิดใช้งานโดยคำสั่ง "Hey Mercedes" ฟังก์ชัน MBUX Smart Home ยังรวมอยู่ใน MBUX เจเนอเรชันใหม่ ช่วยให้ผู้ขับ ตรวจสอบและควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมที่ติดตั้งในที่พัก

ภาพจำลองฝากระโปรงโปร่งใส
เมื่อคนขับเปิดใช้งานโหมดออฟโรด จอแสดงผลส่วนกลางจะแสดงภาพเสมือนจริงใต้ด้านหน้ารถ ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นล้อหน้าและตำแหน่งบังคับเลี้ยวได้บนหน้าจอสัมผัส ภาพจากกล้อง 360 องศา แสดงภาพใต้ท้องรถที่ความเร็วสูงสุด 5 ไมล์ต่อชั่วโมง และภาพข้างหน้าที่ความเร็ว 5-12 ไมล์ต่อชั่วโมง

แผงหน้าปัดดิจิทัลเต็มรูปแบบขนาด 12.3 นิ้ว จอแสดงผลมอนิเตอร์กลางแนวตั้งขนาด 11.9 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน Mercedes GLC ปี 2023 การวางแนวตั้งของจอแสดงผลกลาง ช่วยให้ใช้งานฟังก์ชั่นสาระบันเทิงได้ง่ายขึ้น MBUX ใหม่ทั้งหมดมีโหมด Off-Road เพื่อให้การปรับโหมดขับเคลื่อนในเส้นทางวิบากเร็วขึ้นและในลักษณะที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น

การแสดงข้อมูลล่วงหน้า
หน้าจอสี HUD เป็นออปชั่นเสริมใน GLC ปี 2023 มันฉายข้อมูลเหนือพื้นที่ขนาด 9 x 3 นิ้ว 10 ฟุตด้านหน้ากระโปรงหน้ารถ คล้ายกับการรับชมบนจอภาพขนาด 25 นิ้ว โมดูลการแสดงผลของ HUD มีความละเอียดที่ 720 x 240 พิกเซล

การอัปเดต OTA
MBUX รองรับการอัปเดตแบบ over-the-air (OTA) ซึ่งหมายความว่าลูกค้าสามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ล่าสุดในนั้นได้โดยไม่ต้องมีขั้นตอนที่ยุ่งยากใดๆ การดาวน์โหลดและการติดตั้งจะเกิดขึ้นในพื้นหลัง จากนั้นผู้ใช้จะต้องยอมรับการเปิดใช้งานการอัปเดต สามารถเปิดใช้งานคุณสมบัติใหม่ได้ทุกเมื่อ หลังจากการอัปเดตทางอากาศ การปรับปรุงหลายอย่างเพื่อดูแลความเป็นอยู่ที่ดีของผู้โดยสาร เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงภายในห้องโดยสารของ GLC ปี 2023 คุณสมบัติต่างๆ เช่น Air-Balance Package น้ำหอมประจำรถของ Mercedes-Benz ให้กลิ่นหอมที่ต้องการในห้องโดยสารเพื่อความรู้สึกสดชื่น

ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง
นับเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าสามารถสั่งออปชั่นพิเศษของ new Mercedes GLC พร้อมระบบบังคับเลี้ยวที่เพลาล้อหลัง (ทำมุม 4.5 องศา) ซึ่งเป็นคุณสมบัติเสริม ช่วยลดวงเลี้ยวให้แคบลง 80 ซม. ถึง 11.0 เมตร คนขับต้องหมุนพวงมาลัยน้อยลงเพื่อให้ล็อกได้เต็มที่เมื่อกลับรถหรือจอดรถ ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. หรือสูงกว่า ระบบบังคับเลี้ยวที่เพลาล้อหลังจะบังคับล้อไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้า ทำให้การควบคุมรถมีเสถียรภาพและความปลอดภัย

ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมแบบ Airmatic
ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม Airmatic เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น Plug-in Hybrid อย่างไรก็ตาม รุ่นที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเหล่านี้อาจประสบกับข้อเสียเปรียบโดยทั่วไปของพื้นที่บรรทุกสัมภาระที่ต่ำกว่า เนื่องจากตำแหน่งของชุดแบตเตอรี่ GLC ปี 2023 ได้รับระบบกันสะเทือน 4 link แบบใหม่ที่ด้านหน้าและระบบกันสะเทือนอิสระแบบ Multi Link ที่ด้านหลัง

ระบบอ่านป้ายจราจร
Traffic Sign Assist ตรวจจับการจำกัดความเร็วตามป้ายบอกทางตามปกติ เช่นเดียวกับป้ายงานซ่อมถนน คำแนะนำแบบมีเงื่อนไขและคำเตือนไม่ให้ขับรถผ่านป้ายหยุดและไฟแดงจะเป็นส่วนหนึ่งของ Traffic Sign Assist

ระบบความปลอดภัยใหม่
คุณสมบัติด้านความปลอดภัยแบบแอคทีฟและพาสซีฟจำนวนมาก ถูกติดตั้งมาใน Mercedes GLC ปี 2023 พร้อมเทคโนโลยีใหม่ ที่อัปเกรด และยกมาเพื่อให้เป็นรถ SUV ที่ปลอดภัยที่สุด หนึ่งในไฮไลต์ของระบบความปลอดภัย คือ Pre-Safe Impulse Side ซึ่งก่อตัวเป็นโซนย่นเสมือนจริงในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารด้านหน้าเคลื่อนตัวออกจากโซนอันตรายก่อนการชน เมื่อระบบตรวจพบการชนด้านข้างที่ใกล้จะเกิดขึ้น มีช่องอากาศอยู่ที่หมอนข้างของพนักพิงเบาะหน้า และจะพองออกภายในพริบตาเมื่อเกิดการชนด้านข้าง

ระบบช่วยรักษาระยะห่างแบบแอคทีฟ DISTRONIC ที่ได้รับการปรับปรุง รักษาระยะห่างจากรถคันข้างหน้าที่ความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเดิม 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การตรวจจับเลนเป็นคุณสมบัติใหม่ของ Active Steering Assist และทำงานที่ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะรับรู้ช่องทางโดยเพิ่มเติมด้วยกล้อง 360 องศา และให้ข้อได้เปรียบเป็นพิเศษในช่วงความเร็วต่ำ เพิ่มการอยู่กึ่งกลางเลนบนทางหลวงเป็นข้อได้เปรียบของ Active Steering Assist

new GLC ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักในด้านมิติของตัวถัง มันยาวกว่ารุ่นก่อน 60 มิลลิเมตร นอกจากนี้ ยังมีความกว้างของแทร็ก 6 มิลลิเมตร ที่ด้านหน้าและ 23 มิลลิเมตร ที่ด้านหลัง ระยะโอเวอร์แฮงก์ยื่นยาวขึ้นทั้งด้านหน้า (14 มิลลิเมตร) และด้านหลัง (33 มิลลิเมตร) มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศที่ต่ำกว่า 0.29 Cd (2016-2022 GLC: 0.31 Cd) Mercedes-Benz แก้ไขข้อบกพร่อของ GLC บริเวณพื้นที่สำหรับผู้โดยสารเบาะหลังและห้องเก็บสัมภาระ การเพิ่มระยะฐานล้อ 23 มิลลิเมตร เป็นขั้นตอนแรก โอเวอร์แฮงก์หลังที่ยาวขึ้นทำให้ความจุของห้องเก็บสัมภาระหลังเพิ่มขึ้น 2.5 ลบ.ม. ft. ซึ่งเป็นการปรับปรุงที่สำคัญสำหรับพื้นที่เก็บของ

เครื่องยนต์และเกียร์
Mercedes-Benz เริ่มถอยห่างจากเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ในเอสยูวีขนาดกลาง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ระบบขับเคลื่อนจะถูกเสียบแทนด้วยพลังงานไฟฟ้า สำหรับคนที่ต้องการประสิทธิภาพควรเลือกใช้ระบบส่งกำลังแบบปลั๊กอินไฮบริด ในช่วงเปลี่ยนผ่านMercedes-Benz ใช้เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริดในรถยนต์หลากหลายรุ่น เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการวิ่งด้วยไฟฟ้าที่สูงขึ้น (100 กิโลเมตร) และบรรลุเป้าหมายการปล่อยมลพิษดีขึ้น

เบนซิน/ปลั๊กอินไฮบริด เป็นเครื่องยนต์สแตนดาร์ทในกลุ่มผลิตภัณฑ์ GLC ปี 2023 คาดว่าจะมีให้เลือกสองรุ่นคือ GLC 300 (RWD) และ GLC 300e 4MATIC (AWD) Plug in Hybrid

GLC 300 และ GLC 300e 4MATIC ใช้เครื่องยนต์เบนซิน M254 แถวเรียง 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 255 แรงม้า ที่ 5,800 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร (295 ปอนด์-ฟุต) ที่ 2,000-3,200 รอบต่อนาที ชุดแบตเตอรี่ Mild Hybrid ขนาด 48 โวลต์ และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสตาร์ตเตอร์เจเนอเรเตอร์ในตัว ช่วยให้สามารถใช้งานเทคโนโลยี Mild Hybrid ได้ เช่น Auto start stop การเร่งความเร็ว และการสะสมพลังงานไฟฟ้า ISG ช่วยเพิ่มพลังด้วยกำลังพิเศษ 23 แรงม้า กับแรงบิด 200 นิวตันเมตร (148 ปอนด์-ฟุต) ระบบส่งกำลังยังคงใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC เป็นชุดส่งกำลังมาตรฐานของ new GLC ปี 2023 มอเตอร์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้กำลังอยู่ภายในตัวเรือนเกียร์ การจัดการระบายความร้อนของส่วนประกอบทั้งสองนี้เกิดขึ้นผ่านระบบระบายความร้อนของเกียร์

Mercedes-Benz Group หยุดพัฒนาเครื่องยนต์พลังงานผสม ระบบปลั๊กอินไฮบริดใหม่ แต่ยังขายรถยนต์ PHEV โดยใช้เครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร ที่พัฒนามาจนเกือบจะสุดทางMarkus Schafer กล่าวในงานมิวนิกมอเตอร์โชว์ (IAA 2021) ปี 2021 ว่า Mercedes-Benz “ไม่มีแผนพัฒนาใหม่เพิ่มเติม” เกี่ยวกับเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดดังนั้น GLC PHEV ในอนาคต จะใช้ระบบส่งกำลังที่มีอยู่

new GLC Plug-in Hybrid รุ่นปี 2023 มีเครื่องชาร์จออนบอร์ด (3 เฟส) ขนาด 11 กิโลวัตต์ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สามารถชาร์จแบตเตอรี่ด้วยอุปกรณ์เสริมเครื่องชาร์จ DC ขนาด 60 กิโลวัตต์ได้อย่างรวดเร็วในเวลาประมาณ 30 นาที

การเปิดตัว Mercedes GLC ปี 2023 ในสหรัฐฯ จะมีขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี ในเดือนเมษายน 2023 ด้วย GLC รุ่น 300 ขับเคลื่อนล้อหลัง และ GLC 300e 4MATIC ขับเคลื่อนสี่ล้อ

Mercedes GLC Coupe เจเนอเรชันที่สอง?
Mercedes GLC Coupe ปี 2023 จะเปิดตัวในฐานะทางเลือกแบบสปอร์ตเอสยูวีระดับหรูขนาดกลางในฤดูใบไม้ผลิปี 2023 ความสัมพันธ์ทางสุนทรียภาพและเทคนิคของระบบขับเคลื่อนระหว่าง new GLC ตัวถัง SUV รุ่นมาตรฐาน และ new GLC รุ่น coupe น่าจะเหมือนกับรุ่นแรก ภาพสปายชอตแรกของ Mercedes GLC Coupe ปี 2023 ปรากฏขึ้นทางออนไลน์เมื่อต้นปีนี้ ซึ่งเผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงการออกแบบที่สำคัญที่ภายนอก รุ่นใหม่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ปราดเปรียวยิ่งขึ้น ด้วยเส้นสายที่เฉียบคมยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ไฟท้ายยังมีความโฉบเฉี่ยวและมีกราฟิกที่แตกต่างจากรุ่นปัจจุบัน เรายังไม่เห็นภายในห้องโดยสาร แต่เราสามารถสรุปได้อย่างปลอดภัยว่าการออกแบบภายในจะคล้ายกับรุ่น SUV หากไม่เหมือนกัน

Mercedes-AMG GLC 2023
AMG GLC ที่เน้นสมรรถนะ ตามรายงานของ Autocar AMG GLC 43 และ AMG GLC 63 จะมาถึงในช่วงปลายปี 2023 สำหรับ AMG ทั้งสองรุ่น จะใช้เครื่องยนต์เบนซินสี่สูบแบบเดียวกับ C 43 และ C 63 รุ่นล่าสุด

Mercedes-AMG GLC 63 รุ่นใหม่ยังอยู่ในระหว่างการทดสอบในขั้นตอนสุดท้าย มันมาพร้อมประสิทธิภาพของยานยนต์ AMG เหมือนเดิม กระจังหน้า Panamerica ความสูงลดลง เบรกที่หนาขึ้น ล้อแบบสปอร์ต และกันชนที่มีแอโรไดนามิกมากขึ้น new AMG GLC 43 รุ่นใหม่ มาพร้อมระบบ Mild-Hybrid 48V ใช้เครื่องยนต์ M139I 2.0 ลิตร แบบเดียวกับที่เปิดตัวใน SL 43 AMG ปี 2023 ซึ่งเป็นขุมพลังของ C 43 AMG ปี 2023 เครื่องยนต์ M139 รุ่นปรับปรุงใหม่ เป็นเครื่องยนต์ที่ผลิตจำนวนมากเครื่องแรกของโลกทีติดตั้งเทอร์โบชาร์จเจอร์ไอเสียแบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ Mercedes-AMG พัฒนามาจาก Mercedes-AMG Petronas F1 Team

Mercedes-AMG รวมมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่แกนเทอร์โบชาร์จเจอร์ ระหว่างเทอร์ไบน์และคอมเพรสเซอร์ที่ด้านไอดี มอเตอร์เริ่มทำงานก่อนที่การไหลของก๊าซไอเสียจะพร้อมเข้าควบคุม และ ทำงานที่ความเร็วสูงถึง 175,000 รอบต่อนาที ทำให้มีอัตราการไหลของอากาศที่สูงมาก ช่วยเพิ่มการตอบสนองของเครื่องยนต์ ตั้งแต่รอบเดินเบาและตลอดช่วงรอบเครื่องยนต์

มอเตอร์ไฟฟ้าของเทอร์โบชาร์จเจอร์ไอเสียได้รับพลังงานจากระบบไฟฟ้าออนบอร์ด 48 โวลต์ ซึ่งป้อนให้กับเครื่องกำเนิดสตาร์ตเตอร์เจเนอเรเตอร์ ที่ขับเคลื่อนด้วยสายพาน (RSG)ใน AMG C 43 AMG ปี 2023 ข้อมูลจำเพาะของเครื่องยนต์ M139l ให้กำลัง 402 แรงม้าที่ 6,750 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร (369 ปอนด์-ฟุต) ที่ 5,000 รอบต่อนาที ระบบ RSG ช่วยเพิ่มกำลังอีก 13 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT MCT 9G 9 สปีด ระบบ AMG Performance 4MATIC AWD มีการเฉลี่ยแรงบิด หน้า-หลัง ในอัตราส่วน 31:69 เพื่อส่งกำลังขับเคลื่อนไปยังล้อ

GLC 63 AMG เจเนอเรชันใหม่ ใช้เครื่องยนต์ M139l 2.0 ลิตรพร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด เช่นเดียวกับ C 63 SE Performance AMG รุ่นปี 2023 671 แรงม้า มีแนวโน้มที่จะมีระบบช่วยเหลือไฟฟ้าที่แตกต่างกันสามระบบ สำหรับเครื่องยนต์ : เทอร์โบชาร์จเจอร์แบบใช้ไฟฟ้าซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าของ GLC 43 AMG อย่างมาก เครื่องกำเนิดไฟฟ้าสตาร์ตเตอร์เจเนอเรเตอร์ แบบขับเคลื่อนด้วยสายพาน ที่สตาร์ตเครื่องยนต์สันดาป และจ่ายไฟให้กับส่วนประกอบเสริม (ระบบปรับอากาศ ไฟหน้า และอื่นๆ) มอเตอร์เสริมแรงที่สามารถขับเคลื่อนล้อหน้า หากรถต้องการการยึดเกาะมากขึ้น

ใน C 63 SE Performance AMG ปี 2023 เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 469 แรงม้าที่ 6,750 รอบต่อนาที แรงบิด 545 นิวตันเมตร (402 ปอนด์-ฟุต) ที่ 5,000-5,500 รอบต่อนาที มอเตอร์ไฟฟ้าที่รวมเข้ากับระบบส่งกำลังสองระดับ เปลี่ยนเกียร์ด้วยไฟฟ้าและเฟืองท้าย LSD ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ในชุดขับเคลื่อนไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด (EDU) ที่เพลาหลัง มอเตอร์มีกำลัง 201 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร (236 ปอนด์-ฟุต) เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.8 วินาที (โดยประมาณ) ในขณะที่ความเร็วสูงสุด 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (จำกัดความเร็วด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์)

ระบบส่งกำลัง AMG SPEEDSHIFT MCT 9G 9 สปีด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AMG Performance 4MATIC+ มีความ เป็นไปได้ที่จะขับ AMG GLC63 ในโหมด EV โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวที่ความเร็วสูงสุดถึง 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พลังงานไฟฟ้า มาจากชุดแบตเตอรี่ขนาดเล็ก 6.1 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่หนัก 76 กิโลกรัม ติดตั้งอยู่ด้านหลังเหนือเพลาล้อหลัง ระยะทางไฟฟ้าที่คาดไว้อย่างเป็นทางการคือเพียง 13 กิโลเมตร

AMG GLC63 รุ่นที่ร้อนแรงที่สุดอาจมาถึงในช่วงปลายปี 2023 หรือต้นปี 2024.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

คุณกำลังดู: ใหม่หมดหัวจดท้าย เข้าไทยกลางปีนี้ MERCEDES-BENZ THE NEW GLC 2023

หมวดหมู่: รถยนต์

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด