100 อาหารผู้ป่วยโรคไต อะไรกินได้-ห้ามกิน พร้อมวิธีสังเกตอาการเบื้องต้น
โรคไตเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ใช่เพียงแค่การกินอาหารรสเค็มอย่างเดียว การดูแลสุขภาพของไตเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะถือเป็นอวัยวะสำคัญที่ช่วยควบคุมความสมดุลของเกลือแร่และน้ำภายในร่างกาย
รู้หรือไม่ว่า คนไทยป่วยเป็น "โรคไตเรื้อรัง" มากกว่า 8 ล้านคน เนื่องจากพฤติกรรมการกินฟาสต์ฟู้ด ขนมขบเคี้ยว และอาหารประเภทเนื้อสัตว์หมักซอสและน้ำจิ้มต่างๆ ซึ่งถือเป็นภัยสุขภาพใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจาก "ไต" เป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย ที่ทำหน้าที่ช่วยกำจัดของเสีย และช่วยความสมดุลของเกลือแร่และน้ำภายในร่างกาย ผู้ที่ประสิทธิภาพของไตทำงานลดลง ก็อาจเกิดโรคไตลักษณะต่างๆ ตามมาได้ เช่นโรคไตเรื้อรัง, โรคไตวาย, โรคไตวายเฉียบพลัน เป็นต้น
ไทยรัฐออนไลน์ ได้รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับโรคไตมาฝากกัน เพื่อให้ทุกคนได้ใช้เป็นแนวทางในการดูแลรักษาไตเบื้องต้น โดยเฉพาะเรื่องโภชนาการและอาหารการกิน อะไรควรกิน-ควรหลีกเลี่ยง เพื่อไม่ให้เสื่อมก่อนเวลาอันควร
สาเหตุโรคไตเกิดจากอะไร เพราะ "กินเค็ม" ใช่หรือไม่?
หลายคนอาจเข้าใจว่าโรคไตเกิดจากการรับประทานอาหารรสเค็ม แต่จริงๆ แล้ว โรคไตเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะจากพันธุกรรมและพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ก็ยังเกิดจากผลข้างเคียงของโรคต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อไตได้อีกด้วย รวมถึงการกินยาที่มีผลให้ไตทำงานหนัก เช่น ยาแก้ปวด หรือยาสมุนไพรบางชนิด ติดต่อกันนานจนเกินไป โดยสามารถสรุปสาเหตุของการเกิดโรคไตในเบื้องต้นได้ดังนี้
- พันธุกรรมตั้งแต่กำเนิด หรือค่อยๆ แสดงอาการในภายหลัง
- อายุมากกว่า 60 ปี การทำงานของไตจะเริ่มลดลง
- มีไตบกพร่อง เนื่องจากการคั่งของโซเดียมในร่างกาย
- ได้รับผลกระทบจากโรคอื่นๆเช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะโรคเกาต์ โรคถุงน้ำในไต เป็นต้น
- บริโภคโซเดียมในปริมาณมากเกินไป ทำให้ไตทำงานหนักในการขับออกมาทางปัสสาวะ
- กินอาหารรสจัด ไม่ใช่แค่เค็มจัด แต่ยังรวมถึงเผ็ดจัด หวานจัด
- ใช้ยาผิดประเภท ทำให้มีการสะสมในไต และไตต้องทำงานอย่างหนัก
- ไม่ออกกำลังกาย
- มีภาวะความเครียด
- ดื่มน้ำน้อย
เช็กอาการโรคไตเสื่อม เป็นอย่างไร?
หากเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับไตถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากไตเป็นอวัยวะที่ซ่อมแซมตัวเองไม่ได้ ส่วนใหญ่ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตในระยะแรก มักไม่มีสัญญาณเตือนมากนัก ผู้ป่วยจำนวนมากจึงมักจะรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคไตเมื่อมีอาการหนักแล้ว ดังนั้น การสังเกตอาการโรคไตถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะช่วยให้เราประเมินความปิดปกติต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเองได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม สำหรับอาการโรคไต ที่มักปรากฏกับร่างกายมีดังนี้
- รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- มักจะปวดหลังและบั้นเอวอยู่บ่อยๆ
- มีอาการปวดศีรษะ จนถึงคลื่นไส้และอาเจียน
- มีอาการเบื่ออาหาร
- ปัสสาวะผิดปกติ
- ตัวบวม
วิธีรักษาโรคไตทางการแพทย์ในปัจจุบัน
การรักษาโรคไตในปัจจุบัน จะเป็นการรักษาตามอาการ ได้แก่ การรับประทานยาตามแพทย์สั่ง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารและโภชนาการ รวมถึงงดสูบบุหรี่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงยาบางประเภท ไม่ซื้อยามารับประทานเอง แต่สำหรับผู้ป่วยโรคไตที่อาการหนัก อาจต้องใช้วิธีอื่นๆ ในการรักษา เช่น บำบัดทดแทนไต ฟอกเลือด ฟอกไต ไปจนถึงปลูกถ่ายไตใหม่ ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยและประเมินของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
คนเป็นโรคไต กินอะไรได้บ้าง?
การควบคุมอาหารให้ถูกต้องและเหมาะสม ตั้งแต่ระยะแรกของโรค ถือเป็นสิ่งสำคัญมากๆ สำหรับผู้ป่วยโรคไต เพราะจะสามารถช่วยชะลอความเสื่อมของไตได้ สำหรับอาหารที่เหมาะสำหรับผู้เป็นโรคไตในแต่ละระยะก็อาจมีความแตกต่างกัน บางชนิดห้ามกิน บางชนิดกินได้ แต่ต้องลดปริมาณลง หรือบางครั้งอาจต้องปรับเปลี่ยนวิธีการปรุงอาหารจากการทอด มาเป็นการนึ่ง, อบ, ย่าง เพื่อลดปริมาณไขมัน โดยขอยกตัวอย่างอาหารที่คนเป็นโรคไตสามารถรับประทานได้ ดังต่อไปนี้
- ปลาทู
- ปลาช่อน
- ปลานิล
- ปลาทะเล
- ปลาดุก
- เนื้อไก่
- เนื้อหมู
- เนื้อปู
- เนื้อกุ้ง
- ไข่ขาว
- กะหล่ำปลี
- พริกหยวก
- ถั่วลันเตา
- หอมหัวใหญ่
- ดอกกะหล่ำ
- กระเทียม
- ถั่วเหลือง
- ถั่วงอก
- น้ำมันรำข้าว
- น้ำมันถั่วเหลือง
- น้ำมันมะกอก
- น้ำมันดอกทานตะวัน
- ผักลวก
- วุ้นเส้น
- แกงจืดวุ้นเส้น
- ผัดวุ้นเส้น
- เส้นเซี่ยงไฮ้
- นมพร่องมันเนย
- แป้งถั่วเขียว
- อกไก่ไม่มีหนัง
หมายเหตุ : โรคไตในแต่ระยะ อาจสามารถรับประทานอาหารบางชนิดได้แตกต่างกัน จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ
คนเป็นโรคไต ห้ามกินอะไร?
อาหารที่คนเป็นโรคไตควรจะควบคุมการบริโภคมีหลายชนิดด้วยกัน เพราะหากรับประทานเข้าไปจำนวนมาก ก็อาจกระตุ้นให้ไตทำงานหนักเพิ่มขึ้น และเป็นสาเหตุให้ไตเสื่อมระยะอื่นๆ ตามมา โดยเฉพาะอาหารที่มี "โซเดียม" ปริมาณมาก เพราะหากได้รับในปริมาณที่เกินกว่าร่างกายต้องการ ก็จะทำให้ไตไม่สามารถขับออกมาได้ จึงสะสมไว้ในเลือด ทำให้ความดันโลหิตสูง และนำไปสู่โรคอื่นๆ โดยอาจกลายเป็นผู้ป่วยภาวะไตเสื่อมในที่สุด
ดังนั้น ผู้เป็นโรคไตจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูง, ฟอสฟอรัสสูง, โพแทสเซียมสูง, คอเลสเตอรอลสูง, ไขมันอิ่มตัวสูง, อาหารหมักดอง, อาหารที่มีส่วนผสมของเนยและครีม, เนื้อสัตว์ปรุงรส หรือเนื้อสัตว์แปรรูป ยกตัวอย่างอาหารต่อไปนี้ ที่ไม่ควรบริโภคมากจนเกินไป
- เครื่องปรุงรส
- ซอสพริก
- ซอสมะเขือเทศ
- ผงชูรส
- น้ำจิ้มสุกี้
- อาหารแปรรูป
- เนื้อสัตว์แปรรูป
- เบคอน
- แฮม
- ผักกาดดอง
- ผลไม้กระป๋อง
- อาหารกระป๋อง
- อาหารหมักดอง
- อาหารกึ่งสำเร็จรูป
- บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
- ข้าวต้มสำเร็จรูป
- ซุปก้อน
- ซุปชนิดซอง
- น้ำปลา
- ซีอิ๊วขาว
- กะปิ
- ไข่เค็ม
- ไข่แดง
- ไข่ปลา
- ปลาเค็ม
- ปลาร้า
- ปลาส้ม
- หนังหมู
- กุนเชียง
- หมูหย็อง
- แหนม
- ไส้กรอก
- เป็ดพะโล้
- ปลากระป๋อง
- เครื่องในสัตว์
- เนื้อสัตว์ติดมัน
- เนื้อสัตว์แดดเดียว
- ปลาหมึก
- หอยนางรม
- ขาหมู
- เค้ก
- พิซซ่า
- ขนมอบที่เติมผงฟู
- โดนัท
- คุกกี้
- มันฝรั่งทอดกรอบ
- ปลาเส้น
- ขนมกรุบกรอบ
- ผักชี
- บีทรูท
- บรอกโคลี
- มันเทศ
- หัวปลี
- คะน้า
- มะเขือเทศ
- ฟักทอง
- กุ้งแห้ง
- เมล็ดถั่ว
- ผักกาดดอง
- หัวปลี
- แครอท
- หน่อไม้ฝรั่ง
- ผักโขม
- ผักคะน้า
- กล้วย
- ฝรั่ง
- ลูกพรุน
- น้ำอัดลม
- น้ำผลไม้บรรจุกล่องที่ใส่สารกันบูด
- เบียร์
สุดท้ายนี้ อย่าลืมวิธีดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคไตซึ่งเบื้องต้นทุกคนสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงดื่มน้ำให้เพียงพอ ลดการรับประทานเนื้อแดง อาหารรสจัด หรืออาหารที่มีไขมันสูง พยายามควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม และอย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการกินยาแก้ปวด หรือแก้อักเสบด้วยตัวเองเป็นเวลานานๆ หากมีอาการผิดปกติก็ควรรีบพบแพทย์ทันที
อ้างอิงข้อมูล :ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่,โรงพยาบาลเพชรเวช
อ่านเพิ่มเติม
คุณกำลังดู: 100 อาหารผู้ป่วยโรคไต อะไรกินได้-ห้ามกิน พร้อมวิธีสังเกตอาการเบื้องต้น
หมวดหมู่: สุขภาพ