ไตวายเฉียบพลัน อันตรายกว่าที่คิด สาเหตุจากอะไร ป้องกันได้หรือไม่
ไตวายเฉียบพลัน โรคร้ายที่หลายคนอาจมองข้าม ส่งผลร้ายอันตรายกว่าที่คิด มีสาเหตุจากอะไร ป้องกันได้หรือไม่ ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐออนไลน์รวมข้อมูลให้ดังนี้
ไตวายเฉียบพลัน โรคร้ายที่ นายพงษ์ศักดิ์ โสภักดี หรือโป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม ดาราตลกชื่อดังล้มป่วยกะทันหันและมีอาการน่าเป็นห่วง ทำให้หลายคนเกิดความสนใจและสงสัยว่าโรคนี้มีสาเหตุจากอะไร และป้องกันได้หรือไม่
ไตวายเฉียบพลัน คืออะไร
ภาวะไตวายเฉียบพลัน เกิดจากไตสูญเสียความสามารถในการกรองของเสียและขับน้ำส่วนเกินออกจากระบบทางเดินปัสสาวะอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยมักมีอาการปัสสาวะผิดปกติ ปัสสาวะออกน้อยลง โดยมีสาเหตุดังต่อไปนี้
- ภาวะช็อกจากอาการหัวใจล้มเหลวติดเชื้อในกระแสเลือด
- ร่างกายสูญเสียน้ำในปริมาณมาก เช่น การตกเลือด ท้องเสีย หรืออาเจียนอย่างรุนแรง
- การเป็นโรคไตอักเสบเฉียบพลัน
- รับประทานยานอกเหนือจากที่แพทย์สั่ง ซึ่งมีผลเสียต่อไต เช่น ยาชุดแก้ปวด ยาสมุนไพร
- การรับประทานอาหารบางชนิดมากเกินไป เช่น น้ำมะเฟือง ผักปวยเล้ง ตะลิงปลิงแครนเบอร์รี
สำหรับอาการของภาวะไตวายเฉียบพลันจะมีลักษณะดังนี้
- ปัสสาวะออกน้อย
- มีอาการคั่งของน้ำ ซึ่งจะมีการบวมเท้า ข้อเท้า และขา
- หายใจเหนื่อย
- อ่อนเพลีย
- สับสน
- คลื่นไส้อาเจียน
- อ่อนแรง
- ใจสั่น ชัก หมดสติ
ภาวะไตวายเฉียบพลันอาจก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนและอาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งโรคแทรกซ้อนของภาวะไตวายเฉียบพลัน ได้แก่
- เมื่อไตวายจะมีการคั่งของน้ำ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมปอด ผู้ป่วยจะหายใจหอบ เหนื่อย
- แน่นหน้าอกเนื่องจากเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
- กล้ามเนื้ออ่อนแรงเนื่องจากเกลือแร่เสียสมดุล
- ไตวายเรื้อรัง
- เสียชีวิต
การรักษาภาวะไตวายเฉียบพลัน
สำหรับการรักษาภาวะไตวายเฉียบพลันมีหลายวิธีด้วยกัน ขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของผู้ป่วย
วิธีที่ 1: แพทย์จะทำการรักษาโดยการหาสาเหตุและรีบทำการรักษาที่ต้นเหตุ เพื่อให้ไตสามารถกลับมาทำงานได้เป็นปกติโดยเร็ว และป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น การหยุดยาที่เป็นสาเหตุ แก้ไขภาวะช็อกและการให้สารน้ำในรายที่มีการขาดสารน้ำ
วิธีที่ 2: แพทย์จะทำการรักษาแบบประคับประคองและรักษาโรคแทรกซ้อน ได้แก่ การควบคุมปริมาณน้ำเข้าออกร่างกายให้สมดุล หลีกเลี่ยงยาที่มีพิษต่อไต รวมทั้งปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับการทำงานของไตที่ลดลง แก้ไขสมดุลกรดด่าง ภาวะเกลือแร่ที่ผิดปกติในร่างกาย เป็นต้น
วิธีที่ 3: การให้สารอาหาร พลังงานและปริมาณโปรตีนให้เหมาะสม
วิธีที่ 4: เป็นวิธีสุดท้าย คือ การบำบัดทดแทนไตตามข้อบ่งชี้ เช่น ภาวะที่มีโปแตสเซียมในเลือดสูง ซึ่งหากหาสาเหตุและแก้ปัญหาได้ส่วนใหญ่จะกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ แต่ถ้าได้รับการรักษาล่าช้าก็จะทำให้กลายเป็นภาวะไตวายเรื้อรังได้
หลังจากที่รักษาภาวะไตวายเฉียบพลันจนมีอาการดีขึ้นแล้ว ผู้ป่วยจะต้องปรับการใช้ชีวิตของตนเองใหม่เพื่อลดการทำงานของไต นั่นคือ
- เลือกอาหารที่มีเกลือโปแตสเซียมต่ำ เช่น แอปเปิล ดอกกะหล่ำ องุ่นสตรอว์เบอร์รี ส่วนอาหารที่มีเกลือโปแตสเซียมสูง ได้แก่ กล้วย ส้ม มะเขือเทศ มันฝรั่ง
- งดอาหารเค็ม
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีฟอสฟอรัสสูง เช่น ธัญพืชถั่ว
นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาและสมุนไพร หากต้องใช้ยาควรปรึกษาแพทย์ ควรตรวจสุขภาพประจำปี หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ หากมีอาการน่าสงสัยให้รีบมาพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจและรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นให้หายเป็นปกติ
ไตวายเฉียบพลัน ป้องกันได้ไหม
สำหรับผู้ที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคไตก็อย่าเพิ่งชะล่าใจ ควรป้องกันด้วยการดูแลตนเองตั้งแต่วันนี้ที่ยังมีสุขภาพแข็งแรงดี ไม่ได้ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง ด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้
- ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 6-8 แก้ว
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงสารเคมี ยา ยาสมุนไพร และยาบำรุงต่างๆ ซึ่งควรรับประทานภายใต้การดูแลของแพทย์
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
- ควบคุมระดับน้ำตาล ความดันโลหิต และไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำทุกปี หากพบความผิดปกติจะได้รักษาได้ทันท่วงที
ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการดูแลตัวเองง่ายๆ ที่ช่วยป้องกันการเกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน รวมถึงการป่วยโรคเรื้อรังอื่นๆ ได้ด้วย
อ้างอิงข้อมูล: โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
คุณกำลังดู: ไตวายเฉียบพลัน อันตรายกว่าที่คิด สาเหตุจากอะไร ป้องกันได้หรือไม่
หมวดหมู่: สุขภาพ