13 ชุดประจำชาติสวย ๆ จากทั่วโลก
พาไปชมชุดประจำชาติอันสวยงามจาก 13 แห่งทั่วโลก ความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร
ปฏิเสธไม่ได้ว่าแฟชั่นเครื่องแต่งกายนั้นสามารถบ่งบอกถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของแต่ละประเทศได้เป็นอย่างดี และหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกก็ยังส่งต่อเอกลักษณ์เหล่านี้จากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงทุกวันนี้ เสื้อผ้าแสดงถึงความสามารถแห่งงานฝีมือ การปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศ สถานะทางสังคม และความเชื่อทางศาสนา ในปัจจุบันนี้ก็ยังสามารถพบเห็นได้ว่าผู้คนในบางประเทศนิยมใส่ชุดประจำชาติในชีวิตประจำวัน แต่บางประเทศก็ใส่แค่ในโอกาสสำคัญ ๆ เท่านั้น และนี่คือ 13 ชุดประจำชาติที่น่าสนใจจากทั่วโลก
โก (Gho) กับ กีร่า (Kira) ภูฏาน
จะกล่าวขานว่าเป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะทุกวันนี้คนภูฏานก็ยังนิยมใส่ชุดประจำชาติกันในชีวิตประจำวัน ว่ากันว่าชุดที่พวกสวมใส่กันนั้นมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 400 ปี โดยชุดของผู้ชายจะเรียกว่า โก มีลักษณะเป็นเสื้อตัวยาวคลุมถึงเข่าแล้วคาดด้วยเข็มขัดผ้าที่เอว ส่วน กีร่า ชุดของผู้หญิงจะเป็นผ้าถุงยาวถึงข้อเท้า และเสื้อแขนยาว หากอยู่ในโอกาศพิเศษมักจะมีผ้าคลุมไหล่พาดทับอีกชั้นทั้งชายและหญิง
ฮันบก (Hanbok) เกาหลีใต้
ชุดประจำชาติสีสันสดใสนี้ประกอบไปด้วยกระโปรงยาวเอวสูงกับเสื้อคลุม
คนเกาหลีมักจะใส่เฉพาะในโอกาสที่เป็นทางการเท่านั้น
กล่าวกันว่าฮันบกมีต้นกำเนิดในสมัยอาณาจักรโกคูรยอ (37
ปีก่อนคริสตศักราชถึง ค.ศ. 668)
และรูปแบบก็ยังเหมือนเดิมมาจนถึงทุกวันนี้ทั้งรูปทรงและสีสัน
ซึ่งที่มาของความสดใสนี้ก็ได้จากความเชื่อเรื่ององค์ประกอบทั้งห้าของหยินและหยาง
นอกจากนั้นสีของฮันบกยังบ่งบอกถึงชนชั้นได้อีกด้วย เช่น
สามัญชนจะใส่สีขาว เมื่อปี 1996 รัฐบาลเกาหลีใต้ได้กำหนดให้วันที่ 21
ตุลาคมของทุกปีเป็นวันฮันบก
อ่าวหญ่าย (Áo Dài) เวียดนาม
ชุดประจำชาติของเวียดนามมีชื่อที่แปลตรง ๆ ว่า “เสื้อตัวยาว”
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างาม
ผู้หญิงเวียดนามมักจะใส่เสื้อแขนยาวรัดรูปนี้คู่กับกางเกงขายาวจับคู่กับหมวกทรงกรวยที่เรียกกันว่า
นอนลา (Nonla) คำว่า “áodài” เดิมใช้ในศตวรรษที่ 18
ในสมัยราชวงศ์เหงียนเมื่อมีการกำหนดเครื่องแต่งกายที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวจามปาจากอาณาจักรอินโดจีน
(ในปัจจุบันนี้คือเวียดนามตอนใต้)
เมื่อเข้าสู่ในช่วงการปกครองภายใต้ฝรั่งเศสเครื่องแต่งกายได้รับการออกแบบเป็นชุดสมัยใหม่ที่มีกลิ่นอายตะวันตกแทรกอยู่
ในปัจจุบันนี้ยังสามารถพบเห็นสตรีเวียดนามใส่ชุดอ่าวหญ่ายได้ทั่วไปทั้งในชีวิตประจำวันและโอกาสพิเศษต่าง
ๆ
เดียร์นเดิล (Dirndl) เยอรมนี
เดียร์นเดิลประกอบด้วยเสื้อท่อนบนแบบรัดรูปกระโปรงเอวสูงและผ้ากันเปื้อน
ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายของชาวนาในภูมิภาคอัลไพน์ทางตอนใต้ของเยอรมนี
ออสเตรีย ลิกเตนสไตน์ สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี ระหว่างศตวรรษที่ 16
ถึง 18 มักทำจากผ้าฝ้าย กำมะหยี่ ผ้าลินิน หรือผ้าไหม
แม้ว่าจะเริ่มต้นจากการเป็นชุดของชาวนา
แต่ก็กลายเป็นแฟชั่นในหมู่ชนชั้นสูงในช่วงศตวรรษที่ 18
แต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สูญเสียความนิยมไป
แต่ตอนนี้กลับฟื้นคืนชีพอีกครั้งโดยเฉพาะในเทศกาลดั้งเดิมของเยอรมันเช่น
Oktoberfest
เลเดอร์โฮเซน (Lederhosen) เยอรมนี
กางเกงหนังยาวถึงเข่าของผู้ชายเยอรมนี
ครั้งหนึ่งก็เคยเป็นชุดของคนงานในอดีตทั่วทั้งยุโรปกลาง
โดยเฉพาะในแคว้นบาวาเรียและภูมิภาคทิโรล
เนื่องจากมีความทนทานมากกว่ากางเกงผ้าธรรมดาเพราะทำจากหนังกวาง
ปัจจุบันนี้ชายชาวเยอรมันบางคนก็ยังสวมใส่กางเกงนี้ในการทำงานกลางแจ้ง
ทำสวน เดินป่า หรือแต่งกายตามงานเทศกาลและลานเบียร์ต่าง ๆ
ดาชิกิ (Dashiki) แอฟริกา
ผู้คนในแอฟริกาตะวันตก โดยเฉพาะไนจีเรีย เคนยา แทนซาเนีย และโซมาเลีย
นิยมนำผ้าฝ้ายพิมพ์ลายสีสันสดใสนี้มักจะนำมาทำเป็นเสื้อตัวหลวม คอวี
สำหรับผู้ชายและทำเป็นเดรสยาวสำหรับผู้หญิง
อาจจะเรียกได้ว่าเป็นชุดประจำชาติที่ Unisex
ไม่ว่าเพศไหนก็ใส่ได้ตามสไตล์ที่ชอบ ชื่อของมันเป็นคำยืมมาจากจาก
Hausa dan ciki ซึ่งมีความหมายตามตัวอักษรว่า "เสื้อเชิ้ต" หรือ
“เสื้อผ้าชั้นใน"
เคบายา (Kebaya) อินโดนีเซีย
เป็นเสื้อของชาวท้องถิ่นในประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซียที่มักจะสวมใส่คู่กับผ้าโสร่ง
และอาจจะพบได้ประปรายในสิงคโปร์ บรูไน และฟิลิปปินส์
มักทำจากผ้าลูกไม้ไนลอนโปร่ง ๆ หรือผ้าฝ้ายที่มีลวดลายดอกไม้
แล้วกลัดด้วยเข็มกลัด
เคบายาได้รับอิทธิพลจากองค์ประกอบของยุโรปบางส่วนเนื่องจากประเทศในแถบนี้ตกเป็นอาณานิคมของโปรตุเกสและดัตช์มาก่อนในอดีต
ทุกวันนี้จะเห็นได้ว่าบรรดาสายการบินของประเทศเหล่านี้นำเคบายามาประยุกต์ใหม่เป็นเครื่องแบบของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน
คิลต์ (Kilt) สกอตแลนด์
กระโปรงจีบรอบและมีความยาวเท่าเข่านี้มีต้นกำเนิดในที่ราบสูงสกอตแลนด์และได้รับการบันทึกครั้งแรกในศตวรรษที่
16 ในรูปแบบผ้าตาหมากรุก
ชายชาวสกอตมักจะสวมใส่กระโปรงนี้ในงานเลี้ยงรื่นเริงต่าง ๆ
และมักจะสวมคู่กับถุงเท้ายาวทำด้วยผ้าขนสัตว์ รองเท้าหนัง และสปอร์แรน
(กระเป๋าห้อยเอว) ความพิเศษนั้นอยู่ลายสกอตต่าง ๆ
ซึ่งแสดงถึงสีของเผ่าที่ผู้สวมใส่อยู่
หมวกเฟซ (Fez) โมร็อกโก
เฟซคือหมวกสีแดงทรงกระบอก และมีพู่ห้อยอยู่ด้านบน
ว่ากันว่าหมวกนี้ได้ชื่อมาจากเมืองเฟซในโมร็อกโก
ครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ต่อต้านการล่าอาณานิคมของฝรั่งเศส
จากนั้นก็แพร่หลายไปยังประเทศมุสลิมหลายประเทศในอาณาจักรออตโตมัน
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสะดวกต่อการสวมใส่เวลาที่ผู้ชายก้มหัวลงละหมาด
กิโมโน (Kimono) ญี่ปุ่น
กิโมโนมีต้นกำเนิดในสมัยเฮอัน (ประมาณ ค.ศ. 794 ถึง ค.ศ. 1192)
ชุดกิโมโนเป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติที่เก่าแก่ที่สุดชุดหนึ่งที่ยังคงใช้อยู่ถึงทุกวันนี้
เริ่มแรกเป็นที่นิยมในหมู่สตรีชั้นสูงเท่านั้น แต่ในช่วงสมัยเอโดะ
ต้นทศวรรษ 1600
กิโมโนได้รับความนิยมอย่างมากและกลายเป็นเครื่องแต่งกายหลักในการแสดงคาบูกิ
แต่พอเข้าสู่ช่วงยุคเมจิ (ค.ศ.1868-1912)
เมื่อรัฐบาลมีคำสั่งให้ประชาชนต้องสวมเสื้อผ้าแบบตะวันตกเพื่อให้ทันสมัย
ชุดกิโมโนก็หายไปอย่างช้าๆ
วันนี้ส่วนใหญ่สวมใส่ในงานพิธีเช่นงานแต่งงานหรืองานศพ
และมักจะเป็นมรดกตกทอดของครอบครัวที่มอบให้กับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว
บูนาด (Bunad) นอร์เวย์
เป็นเครื่องแต่งกายพื้นเมืองที่ทำด้วยผ้าขนสัตว์
ประดับด้วยหัวเข็มขัดโลหะและกระดุม
มีการออกแบบแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคมากกว่า 200 รูปแบบเลยทีเดียว
หนึ่งในแบบที่มีชื่อเสียงที่สุดมาจากนอร์ดแลนด์
แต่โดยพื้นฐานแล้วบูนาดจะเป็นชุดเดรสสีน้ำเงินที่มีลายดอกไม้ปักที่กระโปรงและด้านบนสวมด้วยผ้าคลุมไหล่
ส่วนผู้ชายมักสวมถุงน่องสีน้ำเงินเข้มเสื้อกั๊กผ้าและเสื้อเชิ้ตคอปก
มักสวมใส่สำหรับงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน วันเกิด
และการเต้นรำพื้นบ้าน ตลอดจนพิธีทางศาสนา
กี่เพ้า (Cheongsam) จีน
ชุดเดรสผ้าไหมรัดรูป คอสูง และมีรอยแหวกด้านข้าง
มีต้นกำเนิดในราชวงศ์ชิง ช่วงต้นทศวรรษ 1600
และเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่สาวสังคมในเซี่ยงไฮ้ ตั้งแต่ปี 1920
ถึงปี 1940
แม้ว่าความนิยมของกี่เพ้าในเซี่ยงไฮ้จะลดลงในช่วงการปฏิวัติคอมมิวนิสต์
แต่รูปแบบดังกล่าวก็แพร่กระจายไปยังไต้หวันและฮ่องกง
นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980
ชุดกี่เพ้าได้รับความนิยมอีกครั้งในประเทศจีนในการแสดงโชว์ความงาม
สวมใส่โดยเจ้าสาวในงานแต่งงาน และใส่ในงานเทศกาลสำคัญเช่น
วันตรุษจีนหรือไม่ก็งานเฉลิมฉลองกับครอบครัว
Gákti แลปแลนด์
gákti เป็นเสื้อคลุมหลวม ๆ ที่ทำจากหนังกวางเรนเดียร์และขนสัตว์ เป็นชุดประจำชนเผ่า Sámi ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองในพื้นที่ทางตอนเหนือของนอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ และรัสเซียในเขตดินแดนภูมิศาสตร์ซัปมี (Sápmi) โดยปกติแล้วจะมีสีสันสดใสพร้อมด้วยลายปักที่โดดเด่น gákti ของผู้หญิงจะประกอบด้วยชุดเดรสผ้าคลุมไหล่และรองเท้าบู๊ตที่ทำจากขนกวางเรนเดียร์หรือหนัง และประดับด้วยเครื่องประดับเงินอย่างสวยงาม โดยปกติแล้วเสื้อผ้าจะทำด้วยสีน้ำเงินเข้มที่สื่อถึงมหาสมุทร แต่ก็ยังมีความแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคและสถานภาพการสมรสอีกด้วย
คุณกำลังดู: 13 ชุดประจำชาติสวย ๆ จากทั่วโลก
หมวดหมู่: เที่ยวต่างประเทศ