5 เหตุผลที่ ฟุตบอลโลกครั้งต่อๆ ไปจะเป็นเหมือนนิยายที่มีพระเอกชื่อ "คีเลียน เอ็มบัปเป้"
5 เหตุผลที่ ฟุตบอลโลก ครั้งต่อ ๆ ไปจะเป็นเหมือนนิยายที่มีพระเอกชื่อ คีเลียน เอ็มบัปเป้ - OPINION
ผ่านไปอย่างสมบูรณ์แบบชนิดที่จบสวยงามยิ่งกว่านิยายเล่มใด ๆ บนโลกใบนี้สำหรับ ฟุตบอลโลก 2022 ที่ทีมชาติเมสซี เอ้ย! ทีมชาติอาร์เจนตินา ผงาดคว้าแชมป์มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเฉือนเอาชนะ ฝรั่งเศส ในการดวลจุดโทษชี้ขาด ส่งให้ ลิโอเนล เมสซี ขึ้นไปยืนเป็นหนึ่งในนักเตะอันดับหนึ่งตลอดกาลของโลกใบนี้ได้อย่างไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว ณ ปัจจุบัน
แน่นอนตอนนี้สปอร์ตไลท์ทุกดวงล้วนจับไปที่
เมสซี
แต่หากย้อนไปมองในมุมของผู้แพ้พวกเขาก็เพิ่งจะสถาปนายอดนักเตะอย่าง
คิเลียน เอ็มบัปเป้
ขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดการเป็นอันดับหนึ่งของวงการฟุตบอลยุคใหม่ได้อย่างเต็มตัว
และนี่คือเหตุผลว่าทำไม "ฟุตบอลโลก" ครั้งต่อ ๆ
ไปจะเป็นนิยายบทใหม่ที่มี "ประธานเป้" เป็นพระเอกของเรื่อง
ไม่มี เมสซี ขวางทางอีกแล้ว
ต้องยอมรับจริง ๆ ว่า ฟุตบอลโลก 2022 ที่เพิ่งจะจบลงไปนี้ ฝรั่งเศส ควรจะป้องกันแชมป์ได้แบบไม่ยากเย็นหลังจากปี 2018 พวกเขามาเหนือคว้าแชมป์ไปได้แบบชิล ๆ แต่กระนั้น... ปีนี้กลับมีก้างชิ้นโตอย่าง ลิโอเนล เมสซี ในวัย 35 ปีมาขวางทางไว้ชนิดที่ตอกย้ำชัดว่ายุคนี้ยังเป็นยุคของเขาอยู่ อย่างไรก็ตามแม้สตาร์ระดับพระกาฬอย่าง เมสซี จะยืนยันว่ายังไม่เลิกเล่นทีมชาติ แต่ก็บอกอีกว่าฟุตบอลโลกครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของเขา นั่นหมายความว่าอย่างน้อย เอ็มบัปเป้ ก็จะไร้คู่แข่งคนสำคัญแน่นอนแล้วหนึ่งราย ส่วนฝั่งตำนานของ โปรตุเกส นั้น... ดูเหมือนจะไม่ใช่คู่แข่งตั้งแต่ปีไปเสียแล้ว
ฝีเท้าที่ไม่ต้องรอการพิสูจน์
อย่างที่ทราบกันดีว่า เอ็มบัปเป้
คือแข้งมหัศจรรย์คนต่อไปของวงการฟุตบอลที่ฉายแววมาตั้งแต่ยังเป็นดาวรุ่งจนมาถึงปัจจุบัน
ทั้งที่อายุเพียง 23
ปีแต่กลับถูกยกให้เป็นระดับท็อปของโลกไปเป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งความเก่งกาจของเขาไม่ได้มาจากพูดลอย ๆ
แต่เจ้าตัวก็พิสูจน์มานักต่อนักทั้งในสโมสรและทีมชาติแล้วว่าเขาคือหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลก
มีทั้งความเร็วเหมือนอ็องรี ความคล่องตัวเหมือนซีดาน
แถมยังจบได้อย่างเฉียบคมเหมือนเบนเซมา
สามารถสร้างความแตกต่างได้ทุกครั้งที่มีโอกาส ดังเช่นในฟุตบอลโลก 2022
ที่เพิ่งจบไปนี้
สถิติอันยอดเยี่ยมเหนือตำนาน
นอกจากฝีเท้าอันยอดเยี่ยม เอ็มบัปเป้
ยังทำผลงานได้อย่างไร้ที่ติไม่แพ้กันดูได้จากสถิติมากมายที่เจ้าตัวทำไว้ขณะที่อายุเพียง
23 ปีทั้งการเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่เข้าชิงฟุตบอลโลกถึงสองสมัย
ยิงไปแล้ว 12 ประตูเทียบเท่า เปเล ตามหลังดาวยิงสูงสุดตลอดกาลอย่าง
มิโรสลาฟ โคลเซ อยู่ 4 ลูกเท่านั้น
แถมสถิติส่วนตัว ณ เวลานี้เจ้าตัวยิงประตูรวมไปแล้วถึง 225 ลูกกับอีก
111 แอสซิสต์ขณะที่ตำนานอย่าง เมสซี ในวัย 23 ปีทำได้เพียง 108
ประตูกับ 82 แอสซิสต์เท่านั้น
ซึ่งแน่นอนว่าหากเจ้าตัวยังคงฝีเท้าแบบนี้ไว้ได้ต่อไปเรื่อย ๆ
ไม่เจ็บไม่ป่วยไม่ออกนอกลู่นอกทาง
ก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะผงาดทำลายทุกสถิติที่เหล่าตำนานเคยทำเอาไว้ในอดีตแน่นอน
ทีมตราไก่เพียบพร้อม
คงไม่ต้องพูดอะไรกันมากสำหรับทีมชาติฝรั่งเศส
ที่พวกเขาเป็นตัวเต็งแทบทุกครั้งในการแข่งขันฟุตบอลโลกตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
ด้วยขุมกำลังที่เรียกได้ว่าเป็นระดับท็อปซึ่งเกือบทั้งทีมก็ค้าแข้งอยู่ในทีมชั้นนำของโลกมาโดยตลอด
แม้ว่าตัวเก่งในยุคปัจจุบันหลายคนจะโรยราไปตามวัยทั้ง ฮูโก ยอริส
คาริม เบนเซมา อ็องตวน กรีซมันน์ พอล ป็อกบา เอ็นโกโล ก็องเต้
หรือแม้แต่ ราฟาเอล วาราน แต่พวกเขาก็มีผลผลิตรุ่นใหม่ ๆ
ออกมาทดแทนได้ไม่เคยขาดซึ่งในอนาคตแข้งอย่าง คริสตอฟ เอ็นคุนคู
ออเรเลียน ชูอาเมนี เอดูอาร์โด้ คามาวินก้า วิลเลียม ซาลิบา มุสซา
ดิยาบี้
ดาวรุ่งเหล่านี้ก็จ่อรอคิวพร้อมจะผงาดอยู่แล้วเมื่อเวลามาถึง
คู่แข่งเบอร์หนึ่งไม่อยู่ในการแข่งขัน
อันที่จริงคู่แข้งของ คิเลียน เอ็มบัปเป้
ไม่ควรจะต้องมาเป็น ลิโอเนล เมสซี
เพราะทั้งคู่แทบจะเป็นนักเตะคนละเจเนเรชั่นไปแล้ว
และแน่นอนคู่แข่งแย่งชิงเบอร์หนึ่งของยุคใหม่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
เออร์ลิง ฮาแลนด์ หัวหอกจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้
คนนี้แหละที่น่าจะสมน้ำสมเนื้อที่สุด
แต่... หากพูดถึงฟุตบอลโลก ฮาแลนด์
แทบไม่อยู่ในโผผู้ท้าชิงเสียด้วยซ้ำด้วยการที่ชาติบ้านเกิดอย่าง
นอร์เวย์
ไม่ใช่ชาติที่มีองค์ประกอบเหมาะสมกับฟุตบอลรายการนี้เท่าใดนัก
แม้ปัจจุบันจะมีแข้งดังอย่าง เออร์ลิง ฮาแลนด์ หรือ มาร์ติน โอเดการ์ด
แต่นั่นก็ดูจะยังไม่เพียงพอเพราะคนอื่น ๆ แทบจะโนเนมทั้งหมด
โดยหนล่าสุดที่พวกเขาเข้ามาเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายคือ ฟร้องค์ 98
ในยุคของ ทอเร อังเดร โฟล โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ รอนนี จอห์นเซน
ที่ทะลุเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายก่อนไปแพ้ให้กับ อิตาลี 1-0
ซึ่งดูจากขุมกำลังชุดนั่นยังดูดีกว่าปัจจุบันเสียอีก ทำให้ดูเหมือนว่าคู่แข่งจริงๆ ในฟุตบอลโลกครั้งต่อๆ ไปจะมีแค่ วินิซิอุส จากบราซิล จามาล มูเซียลา จากเยอรมนี ฟิล โฟเด้น บูกาโย ซาก้า ของอังกฤษ และคู่หู เปดรี้ กาบี จากสเปนเท่านั้นที่ดูจะสามารถเทียบชั้นกับ "ท่านประธานเป้" ได้ในอนาคต
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ 5 เหตุผลที่ ฟุตบอลโลกครั้งต่อๆ ไปจะเป็นเหมือนนิยายที่มีพระเอกชื่อ "คีเลียน เอ็มบัปเป้"
คุณกำลังดู: 5 เหตุผลที่ ฟุตบอลโลกครั้งต่อๆ ไปจะเป็นเหมือนนิยายที่มีพระเอกชื่อ "คีเลียน เอ็มบัปเป้"
หมวดหมู่: ฟุตบอลต่างประเทศ