5 รถคู่ชีพน่ามอง ซื้อมือสองในงบสามแสน ชี้จุดดี-จุดด้อย

ส่องรถมือสองงบไม่เกิน 3 แสน ไม่ซ่อมเยอะ

5 รถคู่ชีพน่ามอง ซื้อมือสองในงบสามแสน ชี้จุดดี-จุดด้อย

5 รถคู่ชีพน่ามอง ซื้อมือสองในงบสามแสน ชี้จุดดี-จุดด้อย

หลังจากที่ผมเคยเขียนถึงรถบิ๊กซีดานน่าเล่นมือสองในงบสามแสนที่เหมาะเอาไว้ระลึกถึงยุค 90s น้าฉ่าง อาคม รวมสุวรรณ แห่ง Thairath Online ปิ๊งไอเดียอยากให้ผมเขียนถึงรถยนต์ในงบประมาณประหยัดที่น่ามองสำหรับคนหาเช้ากินค่ำ สามารถซื้อรถใช้ได้แค่คันเดียวดูบ้าง แน่นอนว่ารถยุค 90s หรือ 2000 ต้นๆ นั้นราคาจับต้องได้ง่ายมากแล้วในสมัยนี้ (ถ้าไม่นับพวกตัวดังๆ เป็นตำนานที่นับวันยิ่งแก่ยิ่งแพง) แต่เมื่อคุณไม่ได้รวย และคุณมีรถได้แค่คันเดียว การอยู่กินกับรถอายุ 20 ขวบก็เหมือนกับมีแฟนอายุ 40 ปลายๆ บางวันก็เป็นม้าคึก แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจอด หรือในอีกกรณีรถบางคันถึงแม้จะเก่า แต่ได้ชื่อว่าทนสุดบาทา อย่าง Soluna Vios รุ่นที่จำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2002 ก็เป็นรถที่เหมาะมากถ้าคุณมีงบแสนบาทบวกลบ และต้องการรถที่ทน ประหยัดค่าบำรุงรักษา

แต่โจทย์ที่น้าฉ่างแกให้ผมมาคือ เรามีงบประมาณ 3 แสนบาท รวมค่าซ่อมแบบ ซ่อมพอให้อยู่ได้สัก 3-4 ปี ไม่นับรายการโอเวอร์ฮอลแบบใหญ่ๆ ด้วยงบประมาณระดับนี้ ถือว่าคุณนั้นแม้ไม่รวย แต่มีโอกาสจับต้องรถที่มีเทคโนโลยีใหม่ขึ้นระดับหนึ่ง นอกจากนี้โจทย์ภาคบังคับจากน้าฉ่างคือ ให้ผมเลือกมาแค่ 5 คัน เพราะถ้าให้ผมเลือกตามใจ บทความนี้จะยาว 40 หน้า และคนอ่านจะพาลด่าเอา ดังนั้นอย่าเข้าใจผมผิด หากผมไม่เขียนถึงรถที่คุณใช้อยู่แล้วกันนะครับ

วิธีที่ผมเลือกรถให้ท่านผู้อ่านรุ่นน้องหลายท่านตลอดเวลาที่ผ่านมา เมื่อพวกเขาต้องการรถคู่ชีพ (Workhorse) ผมมักพยายามแนะนำว่า อย่าเพิ่งเล่นรถคันใหญ่ๆ ปีเก่าแต่มีของหรูเยอะ หรือรถ SUV เพราะรถใหญ่โตของเล่นเยอะ มันจะมากับค่าบำรุงรักษาที่แพงกว่าโดยอัตโนมัติ ยางขนาดโต ราคาสูงกว่า น้ำหนักตัวรถที่เยอะ ทำให้ต้องใช้เครื่องพลังสูงขึ้น และกินน้ำมันมากขึ้น ภาษีประจำปีและค่าบำรุงรักษา รถใหญ่มักจะแพงกว่าถ้าเราเอารถค่ายเดียวกัน อายุไล่เลี่ยกันมาเทียบ โปรดเชื่อผมว่า คู่ชีวิตสู้งานสำหรับคนทำงานเชิ้ตขาวอย่างพวกท่าน ไม่มีอะไรดีไปกว่ารถญี่ปุ่นคันเล็กตัวเบาเกียร์อัตโนมัติอายุอย่าเกิน 15 ปีเลยถ้าเงินคือสิ่งที่คุณอยากเซฟ แต่ในความเซฟนั้นก็มีจุดที่เราสามารถบิด เบี่ยง หรือเล่นตามความพอใจของตัวเองอยู่ได้บ้าง และนี่คือรถที่ผมคัดมาให้คุณอ่านครับ เราโฟกัสที่รถเก๋งก่อน

Honda Jazz (GE) รถเล็กที่พยายามเป็นให้คุณทุกอย่าง

นี่คือรถธรรมดาที่ไม่ธรรมดา อันเกิดจากความต้องการของ Honda ในการสร้างรถที่มีรูปทรงเปรี้ยวปุ๊กลุก ทุกเพศทุกวัยถ้าไม่แก่เกินไปต้องขับได้ นำมาบวกกับความเชี่ยวชาญของทางค่ายในการออกแบบรถให้เป็นมิตรกับผู้ใช้ ถ้าคุณคิดไม่ออกว่าจะซื้อรถอะไรดี Jazz (GE) เป็นรถที่คุณสามารถซื้อไว้ก่อนได้โดยไม่ต้องมาคิดเสียดายภายหลัง และถึงเวลาขายต่อก็ปล่อยออกได้ง่าย มีคนถามหาอยากได้อยู่ตลอด ในงบสามแสน คุณสามารถเล่นรถก่อนไมเนอร์เชนจ์รุ่น SV ตัวท้อปล้อ 16 นิ้วได้สบาย และมีลุ้นกับรุ่นไมเนอร์เชนจ์บ้าง แต่ Jazz บอดี้นี้จะมีรุ่นประกอบจากญี่ปุ่นนำเข้าที่ออปชันเยอะกว่า และงานประกอบเนี๊ยบกว่า ทว่ารถเหล่านี้คนแย่งกันซื้อเยอะ ราคาจึงอาจทะลุงบของเราไป

ความเจ๋งของ Jazz เริ่มตั้งแต่ประตูบานโตราวประตูบ้านไม่ว่าจะด้านหน้าหรือหลัง ทำให้ผู้สูงอายุหรือคนตัวไซส์ XXXL สามารถเข้าออกได้ง่าย หลังคาสูงโปร่ง มีเนื้อที่เหนือศีรษะบานเบอะ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเบาะหลังแสนกล Magic Seats ที่ยกส่วนรองนั่งขึ้นง่ายๆ ด้วยมือสาวๆ วัยรุ่น วางต้นไม้หรือจอทีวีพลาสม่าใหญ่ๆ เข้าไปได้ หรือจะพับพนักพิงลง ก็สามารถบรรทุกลังขนาดมหึมา 8-9 ลังได้สบาย Jazz จึงเป็นทางเลือกที่แม่ค้าออนไลน์วัยรุ่น ตลอดจนผู้ที่ต้องขนของจำนวนมาก แต่ไม่อยากใช้รถใหญ่ เลือกเป็นอันดับต้นๆ

เครื่องยนต์ L15 1.5 ลิตร 120 แรงม้า มีทั้งเกียร์ธรรมดาอัตราทดค่อนข้างจัดจ้าน และเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ทนทาน ซ่อมง่ายใช้สบาย Jazz เดิมๆ อาจจะไม่ใช่รถที่กระแทกคันเร่งแล้วพ่อผัวร้องไห้ แต่เรี่ยวแรงมันพอให้คุณวิ่งขึ้นดอยอ่างขางแบบลากรอบหน่อยแต่ไปได้แน่นอน ออกวิ่งทางไกล ยามเร่งแซงก็ไม่ต้องลุ้นมาก และยังสามารถประหยัดได้ 15 กิโลเมตรต่อลิตรยามเดินทางไกล ขอแค่พยายามอย่าไปเกิน 110 และเครื่องยนต์อยู่ในสภาพดี หลายคนได้ตัวเลขดีกว่านี้ด้วย นอกจากนี้สำหรับคนที่ใช้รถคันเดียวแล้วชอบซิ่ง ชอบเอาไปขับในสนามกับเพื่อนๆ ในวันหยุด Jazz GE มีรูปแบบช่วงล่างเราสู้ ทนงานหนักกว่า Jazz GD รุ่นเก่า เกียร์อัตโนมัติ ก็ทนกว่ารุ่นเก่าและใหม่ มีช่วงล่างซิ่ง เบรก แต่ง และช่างเครื่องช่างจูนมากมายหลายสิบเจ้าที่พร้อมจะพา Jazz คุณไปแตะ 150-200 แรงม้า โดยที่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ แต่ระวังจะหลุดคอนเซปต์เรื่องเซฟเงิน เพราะ Honda คือรถที่ดูดเงินคุณด้วยของแต่งได้ง่ายมาก

จุดอ่อนของ Jazz คือ มันให้คุณทุกอย่างด้านการใช้งาน แต่มันไม่ใช่รถนิสัยสุภาพเรียบร้อยแบบต้นห้องท่านขุน ช่วงล่างเดิมๆ ไม่นุ่ม แต่เกาะถนนสมเหตุผล เสียงรบกวนจากภายนอกดังตามสไตล์ Honda แม้แต่เสียงเครื่องยนต์เวลาเร่งก็ดังและสะท้านเข้ามาในห้องโดยสารค่อนข้างเยอะ มันมีนะครับรถที่ปีใหม่กว่า ราคาถูกกว่าและมีนิสัยสุภาพสงบกว่า Jazz แต่ท้ายสุด ถ้าหากคุณมองว่ารถมีไว้ใช้งาน คุณเน้นความอเนกประสงค์ภายใต้งบจำกัด บวกความทนทาน หาช่างซ่อมง่าย แต่งง่าย ขายต่อก็ง่าย มีรถน้อยมากที่จะทำเรื่องเหล่านี้ได้ดีกว่า Jazz GE..ผมจะบอกว่า น้าเต้ย นิธิ ท้วมประถม นักรีวิวรถชื่อดังแห่ง AutolifeThailand ก็ใช้รถรุ่นนี้ในช่วงเวลาสร้างตัว จนทุกวันนี้เขาก็ยังเก็บรถคันนี้ไว้เป็นรถใช้งานหลัก

Suzuki Swift (AZG) รถเล็กยอดประหยัดแต่ทรงสวยขับสนุก

ความประหยัด ไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกับความจืดชืดน่าเบื่อ Swift AZG (หรือที่วงการบ้านเราเรียกติดปากว่า Swift Eco) คือรถที่พิสูจน์สิ่งเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี รูปทรงของรถถูกใจวัยรุ่นทุกเพศด้วยสไตล์ที่ผสมผสานระหว่างญี่ปุ่นกับยุโรป อันเกิดจากการที่ Suzuki บริษัทแม่ ส่งทีมออกแบบไปใช้ชีวิตแบบระยะยาวที่อิตาลี ซึ่งเป็นเมืองแห่งสำนักออกแบบรถชื่อดัง Swift โฉมนี้จึงมีการออกแบบที่กล้าได้กล้าเสีย

Swift เป็นรถที่น้ำหนักเบา เบากว่า Jazz GE ประมาณ 100 กิโลกรัม เมื่อบวกกับเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 91 แรงม้า ทำให้อัตราเร่งอยู่ในจุดที่พอพึ่งพาได้บนทางเรียบ เอาเป็นว่าถ้าคุณเคยขับรถยุค 90s เครื่อง 1.5 ลิตรเกียร์ออโต้มาแล้ว Swift 1.2 ลิตรก็พอสู้ได้เพียงแต่เวลาขึ้นทางชันมากๆ คุณต้องแข็งใจใช้รอบสูงกดคันเร่งไป ใช้จังหวะส่งแบบอย่าเอะอะยกคันเร่ง ถึงไม่ปลิวขึ้นเขาแบบรถใหญ่ก็ไปถึงได้อยู่ จุดเด่นของ Swift ยังมีเรื่องความคล่องตัว พวงมาลัยไว ขับในเมืองคล่องมือเป็นบ้า ตัวรถสั้นหาที่จอดง่าย อีกทั้งยังประหยัดน้ำมันสไตล์รถเล็ก กับตัวเลข 18 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับการเดินทางไกลแบบใจเย็น หรือ 14-15 กิโลเมตรต่อลิตรในเมือง รถพี่สาวผมใช้มา 10 ปี ก็ยังทำตัวเลขนี้ได้ตลอดสำหรับการขับจากชานเมืองเข้าไปโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

ถึงจะเป็นรถเล็ก แต่การตกแต่งและอุปกรณ์ดูแล้วเกือบสู้รถ 1.5-1.6 ลิตรเจ้าอื่นได้ Suzuki มีความชำนาญนักในการสร้างสิ่งของต้นทุนต่ำให้ออกมาแล้วดูน่าใช้ ไม่กระจอก รุ่นท็อป GLX และรุ่นรอง GL มีกุญแจแบบ Smart Key/Smart Entry สตาร์ตรถแบบกดปุ่ม และมีแอร์ออโต้กับล้อ 16 นิ้วในรุ่น GLX ในภายหลัง รุ่นไมเนอร์เชนจ์จะมีเวอร์ชันพิเศษที่เพิ่ม Paddle Shift และ Cruise Control เลยด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามจุดอ่อนของ Swift คือเบาะหลังที่มีขนาดเล็ก พื้นที่แคบเพราะเน้นการใช้งานแบบขับสองคน ไม่เหมาะที่จะให้ผู้สูงอายุนั่งข้างหลัง (แม่ผมตัวเล็กๆ นั่งยังไม่ชอบเลย) เนื้อที่เก็บสัมภาระแคบ ดังนั้นมันคือรถเล็กที่คุณไม่อาจจะยัดของราวโดราเอม่อนได้แบบ Honda Jazz แต่โชคดีว่าคนนั่งหน้าสามารถนั่งได้สบาย หลังคาโปร่ง ทัศนะวิสัยด้านหน้าดี

จุดอ่อนอีกสองประการคือ หนึ่ง เกียร์ CVT มีอาการเย่อตามสไตล์ CVT ยุคแรก และรถลอตแรกหลายคันเกียร์พังตั้งแต่ยังไม่พ้น 50,000 กิโลเมตร ดังนั้นหากคิดจะซื้อรถปี 2012-2013 ควรสืบมาด้วยว่าได้รับการเคลมเกียร์หรือยัง หากเคลมเกียร์มา คุณจะได้เกียร์เวอร์ชันใหม่ที่หอนดังแต่พังช้ากว่าเยอะ และสอง เมื่อบรรทุกคนด้านหลัง ช่วงล่างจะกระแทกตึงตังเวลาขึ้นคอสะพาน บรรเทาได้ด้วยโช้คอัพ Aftermarket เช่น Monroe OESpectrum (4 กระบอก 9 พันบาทบวกลบ) นอกจากนี้แม้การเก็บเสียงรอบคันจะถือว่าดีสำหรับรถราคาประหยัด แต่ Swift มักมีอาการเสียงดังคล้ายใครลืมขันนอตช่วงล่าง ซึ่งดังมาจากตัวรองคาลิเปอร์เบรกหน้า และมันจะดังโคร่งคร่างเมื่อผ่านไป 10,000 กิโลเมตร ข่าวดีคือเปลี่ยนใหม่ก็ไม่ได้แพงมากนัก ส่วนอื่นๆ ของรถ ราคาอะไหล่ไม่แพง จัดเป็นรถเซฟเงินที่ไม่ค่อยมีเรื่องจุกจิก แม้รถจะเก่า แต่วันนี้คุณเอาออกมาขับก็ยังดูวัยรุ่นอยู่

Toyota Corolla Altis (E140) ทางสายกลางของรถขนาดกลางที่ยอดเยี่ยมในความทน

ไม่เหมือนรถสองคันที่ผ่านมา นี่คือรถที่ดูสุดแสนจะจริงจังกับชีวิต เหมือนคนที่ชีวิตมีแต่ความจริงไม่อิงนิยาย หน้าตาเหมือนมันกำลังเครียดกับการผ่อนบ้าน แต่แม้โลกจะไม่มอง Altis E140 ว่าน่ารัก ตัวมันเองกลับเป็นรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อแบกโลกทั้งใบไว้กับตัวเองได้แล้วไม่พัง อย่าไปฟังคนที่ชอบดูถูกในความเป็นรถแท็กซี่เลือกใช้ เพราะไม่มีอะไรดีเท่ากับการที่มีคนขับจำนวนหลายพันคนยืนยันให้คุณได้ว่านี่คือรถที่ถูกสร้างมาเพื่อทนทุกอย่าง การแบกน้ำหนักเกินจากเด็กมัธยม 8 คนโดดเรียนไปเที่ยวพารากอน การจูนแก๊สแบบเน้นประหยัดจนเครื่องเร่งไม่ออกและร้อน การใช้งานสมบุกสมบันราวรถซอมบี้ ไม่มีใครในเซกเมนต์นี้ที่สร้างรถโดยคิดถึงเรื่องเหล่านี้มากเท่า Toyota

คนหลายวัยสามารถไปกันได้กับ Altis ขนาดมันไม่โตจนขับลำบาก แต่วันที่คุณมีภรรยา หรือเริ่มมีเจ้าตัวเล็ก ก็ยังใช้มันเป็นรถหลักได้ เครื่องยนต์มีให้เลือกสามความจุ พิกัด 1.6 ลิตร พอสำหรับการวิ่งรอบประเทศ ไปจนถึง 2.0 ลิตร ที่ถือว่าแรงเข้าขั้นในยุคของมัน เครื่องยนต์ในรุ่นก่อนไมเนอร์เชนจ์ กับรุ่นติดตั้ง CNG จากโรงงานเป็นบล็อก ZZ ที่มีนิสัยกระปรี้กระเปร่ารอบต่ำ กดไม่ต้องลึกก็พุ่ง เซฟน้ำมันแบบสมเหตุสมผล ทนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ แต่ Altis E140 รุ่นแรกๆ ที่ขายราวปี 2008-2010 นั้น ช่วงล่างจะเซตมาออกแนวแข็ง แต่พวงมาลัยจะเนือยช้า เป็นรถใช้งานได้ แต่ขับไม่คล่องมือ และไม่นุ่มนวลนัก

รถไมเนอร์เชนจ์หลังปี 2010 เป็นต้นมา ได้ช่วงล่างและพวงมาลัยที่ลงตัวขับคล่องขึ้น นุ่มขึ้นแต่ยังวิ่งทางไกล 120 แบบสบายอารมณ์ได้ อีกทั้งยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์ตระกูล ZR DUAL-VVTi ซึ่งในรถ 1.8 และ 2.0 ลิตร นั้นจะมีเกียร์ CVT พร้อมโหมด +/- ซึ่งนอกจากจะประหยัดเชื้อเพลิงกว่าเครื่อง/เกียร์รุ่นเดิมแล้ว อัตราเร่งช่วงแซงรถบรรทุกยังไวขึ้น แต่ในงบประมาณสามแสนรวมซ่อมนั้น โอกาสที่คุณจะได้ 2.0 V ตัวท็อป 147 แรงม้า ภายในสวยๆ พวงมาลัยสปอร์ตออปชันครบๆ นั้นน่าจะยากมาก คุณจึงต้องเลือกเอาว่าจะไปกับรุ่น 1.8 ตัวท็อปก่อนไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งมีระบบ VSC ช่วยการทรงตัว หรือ 1.8G ไมเนอร์เชนจ์ซึ่งวิ่งดีขึ้น ประหยัดขึ้นแต่โดนถอด VSC ออก

ถ้าเป็นไปได้ให้เช็กประวัติรถอย่างละเอียด โดยเฉพาะรุ่น 1.6 ทั้งหลาย และรุ่น 1.8E มักถูกใช้เป็นรถองค์กรหรือรถเช่ามาก่อน สภาพรถอาจจะไม่ดี ผิดกับพวกรถ 1.8 รุ่นบนๆ หรือ 2.0G/2.0V ซึ่งถ้าไม่เจอพวกเท้าผีขยี้จนเยิน ก็มักจะเป็นคนที่เล่นรถ ดูแลรถเป็น ใช้แล้วรักษาจริงจัง Altis อาจไม่ใช่รถที่มีเสน่ห์แบบ Civic รวมถึงราคาขายต่อก็ไม่แข็งเท่า แต่เมื่อจุดประสงค์หลักคือความทนทานกับการใช้งาน คุณภาพวัสดุอาจไม่ต่าง แต่ในหลายจุดที่เกี่ยวข้องกับความทนทานจะต่าง นี่คือความน่าสนของรถที่ตอนขายคนไม่ค่อยเฮซื้อ แต่พอเป็นมือสอง คุณได้รถคันไม่เล็ก เรี่ยวแรงดี ติดแก๊สใช้ทน คนซ่อมเป็นทั่วเมือง ซึ่งบางทีรถใช้งาน Workhorse มีได้เท่านี้ก็ดีถมแล้ว

Toyota Camry (ACV40) ไม่เด่นเรื่องประหยัดเงิน แต่บางทีคุณก็อยากฟีลรวยในงบจำกัด

ทำความเข้าใจกันก่อนว่าถึงแม้จะเป็นรถจาก Toyota เช่นเดียวกับ Altis แต่อย่าคาดหวังว่าอะไหล่แต่ละชิ้นจะถูกหรือหาได้ง่ายเท่ากัน เมื่อคุณตัดสินใจซื้อรถคลาสโตขึ้น ก็ต้องพร้อมรับผิดชอบกับค่าบำรุงรักษาตลอดจนค่าเชื้อเพลิง ที่พูดได้ว่าถ้าใช้น้ำมันเหมือนกัน ยังไง Camry ก็กินจุกว่ารถอย่าง Altis อยู่แล้ว แต่คนเรามีความจำเป็นในชีวิตแตกต่างกัน บางคนอาจอยากได้รถที่ขับนุ่มนั่งสบายแบบรถใหญ่ขึ้น หรือบางทีแม้ Honda Jazz จะมีเบาะหลังที่คนสูงอายุนั่งได้ แต่พูดเรื่องความนุ่มนวลของเบาะ การเก็บเสียง ความสบายโดยรวม รถที่ราคาตอนป้ายแดงล้านต้นถึงกลางอย่าง Camry ก็มีจุดได้เปรียบของมัน

ความเป็นรถหลักล้านตอนป้ายแดง ทำให้คุณได้บรรยากาศภายในที่ต่างจากรถเล็ก แม้แต่รุ่น 2.0 G ที่ราคาคบง่ายสุด ก็ยังได้เบาะหนังสีเบจปรับด้วยไฟฟ้า ภายในตกแต่งด้วยลายไม้ หน้าปัดเรืองแสง Optitron กับสีสันยามค่ำคืนที่ปรับได้ มีช่องแอร์เป่าให้คนนั่งหลัง เพราะ Toyota ทราบดีว่าหลายองค์กรนิยมนำ Camry ไปทำรถประจำตำแหน่งให้ระดับผู้จัดการฝ่ายนั่ง การเก็บเสียงลมเสียงใต้ท้องรถ พูดแล้วจะทึ่งว่าตอนมันมาใหม่ๆ นั้นเงียบกว่า Camry ตัวปัจจุบันเสียอีก และถ้าคุณชอบภายในสีดำหล่อๆ ให้มองหารุ่น 2.0 Extremo ก็ได้

หรือถ้าคุณกำเงินสามแสนแล้วยอมเสี่ยงเล่นรถปีเก่า ซึ่งอาจจะรวมค่าซ่อมแล้วงบทะลุนิดหน่อย รุ่น 2.4V จะให้คุณครบทุกอย่างรวมถึงระบบ VSC ล้อ 17 นิ้ว และเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ อย่ากลัวว่าขยับจาก 2.0 เป็น 2.4 ลิตรแล้วจะกินน้ำมันมากขึ้น เพราะในชีวิตจริง แรงบิดที่สูงและเรียกใช้ได้ง่ายบวกกับเกียร์ที่เพิ่มจาก 4 เป็น 5 จังหวะ ทำให้การวิ่งในเมือง ก็กินต่างกันไม่มาก ยิ่งพอออกทางไกล 110-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กลายเป็นรุ่น 2.4 ประหยัดน้ำมันกว่าด้วยซ้ำไป ในงบสามแสน รถรุ่น 2.0 G นั้นหาได้สบายและมีโอกาสได้ปีใหม่กว่า แต่ถ้าเป็น 2.4V คุณอาจได้รถโฉมแรกๆ ราวปี 2008 ส่วน Camry Hybrid นั้น ถ้ากล้าเล่นก็เอาได้ครับ ราคาป้วนเปี้ยนสามแสนแล้ว แรงจัดมาก ประหยัดน้ำมันมาก แต่ระบบไฮบริดรุ่นนี้ต่อให้ใช้อะไหล่มือสองก็ยังมีจุดที่แพงหลายหมื่นอยู่

Camry ไม่ใช่รถแบบไร้ที่ติ ถึงแม้ช่วงล่าง เครื่องยนต์กลไกและเกียร์ทนทานกว่า Accord และ Teana ที่อายุเท่าๆ กัน แต่วัสดุภายในกลับเป็นปัญหา รถรุ่นนี้บางคันที่จอดในร่มตลอดชีวิต มักไม่เป็นอะไร แต่กับรถที่ต้องจอดตากแดด แม้จะไม่ทุกวัน ก็พบได้ว่าคอนโซลเยิ้ม เหนียว พบได้ง่ายมาก แต่ในเวลานั้น Toyota ก็เปิดโอกาสให้เจ้าของรถเคลมได้ รถบางคันใช้มา 9 ปีแล้ว ก็ยังสามารถทำเรื่องเคลมได้ จ่ายแค่ค่าแรง เจ้าของรถส่วนมากจึงมักเคลมคอนโซลกันเรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจาก Camry ACV40 บางคันอายุพ้นหลักเคลมได้แล้ว และคอนโซลใหม่ราคา 24,000 บาท จึงควรตรวจสอบให้ดีก่อนซื้อ นอกจากนี้ Camry เป็นรถผู้ใหญ่ สไตล์นุ่ม ช่วงล่างและพวงมาลัยจะย้วยแอนด์ยานบ้าง สามารถแก้ได้ด้วยการเปลี่ยนโช้คอัพสปอร์ตขึ้นแล้วจะขับทางไกลมั่นขึ้นเยอะ

Nissan Tiida (C11) ของดีที่คนมองข้าม ราคาน่าเล่น ภายในกว้าง แต่ลองนั่งก่อนซื้อนะ

สำหรับคนที่ไปลอง Honda Jazz แล้วพบว่าบุคลิกของรถวัยรุ่นเกินไปสำหรับคุณ คุณต้องการรถที่คันไม่ใหญ่ แต่ได้นิสัยเรียบร้อยขึ้น เก็บเสียงดีขึ้น จะบอกว่า Nissan Tiida C11 นี่ล่ะครับคือรถที่เข้ามาตอบโจทย์คุณ และที่สำคัญคือพอเป็น Nissan ราคามือสองจึงถูกมาก เรียกได้ว่าคุณโยนเงินมาสองแสนต้นๆ คุณจะได้รถที่ใหม่กว่า Honda ราว 2-4 ปี แถมเป็นรุ่น 1.8 ตัวท็อปไมเนอร์เชนจ์ที่ให้ของเล่นมาค่อนข้างครบเลยล่ะ หรือถ้าคุณเน้นเรื่องการใช้งาน หรือความประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่า รุ่น 1.6G ก็ยิ่งราคาถูกกว่า ให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีกว่าราว 10-15% โดยที่อัตราเร่งเวลาแซงนั้นต้องเอานาฬิกามาจับถึงจะรู้สึกต่าง

Tiida มาถึงไทยในยุคไล่เลี่ยกันกับ Jazz GE โดยโปรโมตรุ่นแฮตช์แบ็กท้ายสั้น ด้วยราคาตัวท็อปที่ทะลุแปดแสนทำให้คนนึกว่า “อะไรกันรถคันเท่า Jazz แต่แพงมากเลย” ซึ่งความจริงคนละเรื่องกันเลยครับ Tiida อยู่ในคลาสที่โตกว่า ข้างนอกดูเล็ก แต่ข้างในดูใหญ่ รุ่นแฮตช์แบ็กจะมาพร้อมกับเบาะหลังที่เลื่อนถอยหลังได้ แล้วยังเอนได้อีกต่างหาก ซึ่งเมื่อถอยไปสุดแล้วคุณจะได้เนื้อที่วางขายาวกว่า Mercedes-Benz S280 W140 เสียอีก นอกจากนี้ยังมีข้อดีคล้าย Jazz คือประตูแต่ละบานโตมาก ทำให้ผู้สูงอายุขึ้นลงได้ง่าย แต่ความต่างคือพอเข้าไปนั่งแล้ว เบาะหลังของ Tiida นั่งสบายกว่าเยอะ ส่วนเบาะหน้า โดยเฉพาะฝั่งคนขับ ผมต้องเตือนให้คุณลองนั่งก่อนซื้อ ลองเอาเท้าคาไว้ที่แป้นเบรกสัก 3-5 นาที ลองปรับจับพวงมาลัยดู เพราะในขณะที่ผมขับรถผมเองมา 14 ปีไม่มีปัญหา ก็มีคนจำนวนมากที่รู้สึกว่านั่งแล้วปวดหลังมาก หรือเวลาขับตอนรถติดเหยียบเบรกคาไว้นานๆ แล้วเมื่อยเท้า ขับไกลๆ แล้วเมื่อยเท้า เพราะตำแหน่งเบาะนั่งสูงคล้ายรถตู้

ในรถลอตก่อนไมเนอร์เชนจ์ ไม่ค่อยมีอุปกรณ์อะไรมากเมื่อมองจากโบรชัวร์ แต่ในรุ่น 1.8G จะมีเบาะหนัง และ Smart Key/Smart Entry มาให้ แล้วทำไมราคารถไม่ถูก? คุณต้องลองสตาร์ตรถแล้วขับไปครับ จะรู้สึกได้ว่าการเก็บเสียงดีกว่า Jazz คนละเรื่อง เสียงลมใต้ท้องของ Tiida นั้นเงียบมาก ลองถอดพรมดูคุณจะพบโฟมซับเสียงหนาเตอะที่พื้นรถ การประกอบแม้จะไม่ได้เนี๊ยบ แต่ให้ความรู้สึกแน่นตึงมือกว่าชัดเจน และในขณะที่ Nissan ยุคก่อนขึ้นชื่อเรื่องสนิม Tiida กลับไม่เป็นสนิมง่าย และยังใช้สีพ่นรถที่คุณภาพดีกว่า Honda กับ Toyota เสียด้วยซ้ำ เนี่ยล่ะครับเขาเอาของดีไปใส่จุดที่คนไม่มอง คนก็เลยไม่มองเขาตอนซื้อ แต่คนที่ใช้อยู่จะทราบดี

ถ้าคุณชอบรุ่น 4 ประตู โชคจะเข้าข้างในเรื่องราคา เพราะค่าตัวมือสองรุ่น 4 ประตู (Tiida Latio) จะถูกกว่า เบาะหลังเอนไม่ได้ แต่การตกแต่งภายในจะดูหรูหรามีคลาส รุ่น 1.6G นั้นในขณะที่รุ่นแฮตช์แบ็กเป็นเบาะผ้ากึ่งหนัง รุ่น Latio จะให้เบาะหนังทั้งตัวสีเบจ ส่วนข้อเสียของรถรุ่นนี้ก็คือ เครื่องยนต์ไม่ประหยัดน้ำมัน กล้าพูดครับเพราะผมใช้มา 14 ปีแล้ว รุ่น 1.6 ประหยัดเวลาวิ่งทางไกล แต่วิ่งในเมืองแพ้ Civic 1.8 ลิตรครับ นอกจากนี้ถ้าคิดจะติดแก๊ส LPG คุณต้องปรับแต่งฝาสูบ ใช้อุปกรณ์ ใช้วาล์วแบบทนแก๊ส ค่าใช้จ่ายมันจะเพิ่มมาหน่อย แต่สำหรับคนที่ไม่เน้นประหยัดค่าเชื้อเพลิง หรือวิ่งรถเดือนละไม่เกิน 1,000 กิโลเมตร Tiida คือรถที่สร้างมาดี ช่วงล่างดีเกินคาด (แต่ไม่นุ่ม) ที่คุณซื้อได้ในราคาถูก ช่วงล่าง เบรก และจุดซ่อมอื่นๆ ไม่ได้แพงอย่างที่คิด แต่สำหรับคนที่ไม่นิยมแก๊ส แถมใช้งานหนัก แนะนำว่าอย่าครับ.

Pan Paitoonpong

คุณกำลังดู: 5 รถคู่ชีพน่ามอง ซื้อมือสองในงบสามแสน ชี้จุดดี-จุดด้อย

หมวดหมู่: รถยนต์

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด