8 พฤติกรรมเสี่ยงทำลาย "สมอง"
ลองมาส่องดูตัวเองว่าเผลอทำพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ทุกวันหรือเปล่า
รู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมที่คุณทำจนคุ้นชิน และ กลายเป็นนิสัยติดตัวนั้น บางครั้งกลายเป็นพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำลายสุขภาพสมองในระยะยาว มาดูกันว่าพฤติกรรมสุ่มเสี่ยง ที่ควรหลีกเลี่ยงมีอะไรบ้าง
-
ละเลยการกินอาหารเช้า
อาหารเช้าสำคัญใคร ๆ ก็รู้
แต่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะละเลยการกินอาหารเช้า เพราะรีบเร่งเดินทาง และ
หน้าที่การงานที่รัดตัวจนทำให้ละเลยอาหารเช้าแล้วไปควบรวมเป็นอาหารกลางวันแทน
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วร่างกายที่ขาดอาหารมานานประมาณ 6-7
ชั่วโมงนั้นต้องการอาหารเช้าเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อคุณละเลยอาหารเช้าและปล่อยให้ท้องว่างไปจนถึงเที่ยงวัน
นั่นเท่ากับว่าร่างกายและสมองขาดสารอาหารที่จำเป็นในการหล่อเลี้ยง
ซึ่งจะส่งผลเสียในระยะยาว
-
สูบบุหรี่
รู้กันดีว่า สูบบุหรี่ ไม่ดีต่อสุขภาพ
แต่ก็ยังมีนักสูบหน้าใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี
แม้จะมีการรณรงค์อย่างเข้มข้นมากขึ้น ถ้าอย่างนั้นมาดูงานวิจัยในปี
2012 กันดีกว่าเพื่อจะทำให้หลายคนอยากหันกลับมาเลิกบุหรี่กันบ้าง
ซึ่งงานวิจัยฉบับดังกล่าวนั้นระบุว่า
ชายวัยกลางคนที่สูบบุหรี่ต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานาน
มีโอกาสที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อมมากกว่าคนที่ไม่สูบ หรืองานวิจัยในปี
2015 ก็ระบุตรงกันว่า ผู้ที่สูบบุหรี่นั้นมีโอกาสสูงถึง 30
เปอร์เซนต์ที่จะมีภาวะสมองเสื่อมหากเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่
-
กิน-ดื่มมากจนเกินพอดี
คนเป็นคนช่างกิน แล้วมันผิดตรงไหน คำตอบคือไม่ผิด
ถ้าคุณไม่กินจนเกินความต้องการของร่างกาย
เพราะการบริโภคอาหารเครื่องดื่มจนมากเกินไปไม่ส่งผลดีต่อร่างกาย
ระบบประสาทและสมอง จากผลวิจัยของสถาบันการแพทย์ Mount Sinai
School of Medicine นั้นระบุว่า
การกินดื่มที่มากเกินความต้องการของร่างกายนั้น
ทำให้ฮอร์โมนอินซูลินในร่างกายทำงานผิดปกติ
และอาจเป็นการนำไปสู่โรคอ้วนหรือเบาหวานได้
-
ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน
ในปัจจุบันการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน
ดูจะกลายเป็นนิสัยที่คนในสังคมบอกว่าไม่ผิดปกติ
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วการทำหลายอย่างในเวลาเดียวกันเป็นการเปิดให้เกิดความผิดพลาดสูงมาก
และเหนืออื่นใด มีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดระบุว่า
การทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันเปรียบเสมือนการใส่ยาพิษทีละน้อยให้กับสมองของคุณเอง
จากงานวิจัยนั้นพบว่า คนที่ทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน หรือ
รับข้อมูลจากสังคมดิจิทัลหลายทางในทุกๆวัน จะมีปัญหาในเรื่องของความจำ
เมื่องานนั้นผ่านพ้นไปแล้วจะไม่สามารถจดจำรายละเอียดที่สำคัญได้
ซึ่งจะแตกต่างจากคนที่ทำงานอย่างเดียวให้เสร็จแล้วค่อยทำงานอย่างอื่นต่อ
ซึ่งจะจำในรายละเอียดของงานที่ทำได้ดีกว่า
-
ดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน
งานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด นั้นระบุว่า
การดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวันนั้นทำร้ายสมองของคุณเป็นอย่างยิ่ง
และส่งผลต่อกระบวนการรับรู้ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์
วางแผน หรือ แม้กระทั่งการตัดสินใจ
ดังนั้นการดื่มน้ำที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวันจึงสำคัญมาก
ต่อสุขภาพสมอง
ถ้าดื่มน้ำให้เป็นนิสัยจะทำให้ร่างกายของคุณดีขึ้นอย่างที่คุณคิดไม่ถึงเลยทีเดียว
-
นอนไม่เพียงพอ หรือ พฤติกรรมการนอนที่ไม่เหมาะสม
เรารู้กันอยู่แล้วว่า การนอนที่เพียงพอจะอยู่ที่ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
เพราะร่างกายจะได้พักผ่อนและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ แต่หลายคนก็นอนดึก
หรือ นอนไม่เพียงพอ เพราะต้องอ่านหนังสือ ทำงานดึก
ดังนั้นเราควรจัดตารางการนอนของตนเองให้เหมาะสม
เพื่อที่ร่างกายและสมองจะได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่
จำไว้ว่าเมื่อใดที่คุณนอนน้อยคุณกำลังฆ่าเซลล์สมองของคุณด้วยตัวของคุณเอง
-
ฝืนทำงานแม้ว่าร่างกายเจ็บป่วย
หลายคนบอกว่าชีวิตการทำงานมันต้องไปให้สุด หรือ
บางคนต้องมาทำงานเพราะกลัวว่าเจ้านายจะว่าถ้าลาป่วย
แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำงานขณะที่ร่างกายกำลังเจ็บป่วยนั้น
เท่ากับสมองของคุณต้องทำงานเพิ่มเป็นสองเท่า
เนื่องจากร่างกายของคุณกำลังต่อสู้กับเชื้อโรค และ
ต้องการการพักผ่อนเพื่อเยียวยาให้อาการดีขึ้น
ดังนั้นการฝืนทำงานแม้ว่าร่างกายจะเจ็บป่วย
เท่ากับเป็นการทำร้ายสมองของคุณเองเช่นกัน
-
เซิร์ชกูเกิ้ลจนเป็นนิสัย
ในยุคสมัยที่คิดอะไรไม่ออก หรือ อยากรู้อะไรก็เซิร์จหาในกูเกิ้ล กลายเป็นพฤติกรรมที่ทำร้ายสมองโดยไม่รู้ตัว เพราะในอดีตนั้นความจำของเราจะถูกสร้างจากการท่องจำ ได้เขียน หรือ อ่าน ข้อความนั้นบ่อยๆ และทำให้ข้อมูลเหล่านั้นอยู่ในความทรงจำระยะยาว จนกระทั่งเมื่อโลกนี้เปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัล ที่ทุกอย่างสามารถค้นหาได้จาก กูเกิ้ล ทำให้ความทรงจำหรือการจำนั้นสั้นลง ไม่ว่าจะเป็นการจำคำศัพท์ หรือ ข้อมูลสั้น ๆ หลายคนก็ไม่สามารถจำได้แล้ว ดังนั้นพฤติกรรมที่คิดอะไรไม่ออก ก็เซิร์จกูเกิ้ลจนเป็นนิสัย ก็อาจจะต้องเพลา ๆ ลงบ้าง
คุณกำลังดู: 8 พฤติกรรมเสี่ยงทำลาย "สมอง"
หมวดหมู่: สุขภาพใจ-สมอง