บริติช เคานซิล ผนึก กระทรวง อว. เดินหน้ายุทธศาสตร์ความร่วมมือไทย – สหราชอาณาจักร
บริติช เคานซิล ร่วมกับ กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม เดินหน้าสานต่อความร่วมมือ ไทย – สหราชอาณาจักร
ผ่านโครงการ ‘Thai-UK World-class University Consortium’
ในการพัฒนาและส่งเสริมทางด้านการศึกษาในระดับอุดมศึกษาผ่านการสร้างเครือข่ายในระดับนานาชาติและปฏิรูปแนวทางการบริหารการเรียนการสอนเชิงวิชาการ
และวิจัยขั้นสูง ตลอดจนพัฒนาสถาบันอย่างเต็มรูปแบบ
เพื่อยกระดับการศึกษานำไปสู่การผลิตบัณทิตคุณภาพสูงที่ถือเป็นกลไกลสําคัญในการขับเคลื่อนความมั่นคงของประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม
โดยในปี 2567 มีจำนวนมหาวิทยาลัยในประเทศไทยเข้าร่วมทั้งสิ้น 7
มหาวิทยาลัย ใน 15 สาขาวิชา ได้แก่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยมหิดล
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยนเรศวร
พร้อมวางเป้าหมายเร่งเครื่องผลักดัน
เสริมสร้างขีดความสามารถให้สถาบันอุดมศึกษาไทยเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
และมุ่งสู่ Ranking 100
อันดับมหาวิทยาลัยโลกในอนาคตอันใกล้นี้ต่อไป
มร.แดนนี ไวท์เฮด ผู้อำนวยการ บริติช เคานซิล ประเทศไทย
กล่าวว่าโครงการ Thai-UK World-class University Consortium
จะดึงเอาสุดยอดความรู้และความเชี่ยวชาญของไทยและสหราชอาณาจักร
ทั้งในมุมของนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักการศึกษาและมหาวิทยาลัย
เพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยไทยและสหราชอาณาจักรเพื่อรับมือกับปัญหาและความท้าทายที่ทั่วโลกต้องเผชิญ
ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การเกษตรแบบยั่งยืน
สันติภาพและความปลอดภัย รวมไปถึงด้านสุขภาพและสาธารณสุข
ความร่วมมือเหล่านี้จะช่วยผลักดันการพัฒนาทางเศรฐกิจ
รวมไปถึงสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจระหว่างกันของคนไทยและสหราชอาณาจักร
ทั้งนี้ความสำเร็จตลอดระยะเวลา 3 ปีของโครงการ สะท้อนผ่าน 23
โครงการความร่วมมือระหว่าง 7 มหาวิทยาลัยไทยและ 14
มหาวิทยาลัยสหราชอาณาจักร ด้วยการสนับสนุนจากบริติช เคานซิลและกระทรวง
อว
โดยโครงการความร่วมมือเหล่านี้เริ่มส่งผลให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว
อาทิ โครงการระหว่างคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี
อ.ดร.พญ.นัตวรรณ อุทุมพฤกษ์พร ร่วมกับ University College London
จัดการศึกษาระดับหลังปริญญาด้านการแพทย์เฉพาะทางด้านการได้ยิน
และการทรงตัวได้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย
ส่งผลให้ไทยได้เป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมของภูมิภาค
เป็นการดึงดูดแพทย์จากประเทศอื่น ๆ เข้ามาเรียนที่จุฬา ฯ
นอกจากนั้นความร่วมมือนี้ได้นำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมในการรักษาผู้ป่วยขั้นสูงในด้านการได้ยินและการทรงตัว
รวมทั้งการดูแลตรวจคัดกรองด้วยตนเองผ่าน Mobile Application
โดยปัจจุบันได้เปิดให้ดาวน์โหลดได้ฟรีสำหรับทุกคน
นายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี
ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนและพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และหัวหน้ากลุ่มภารกิจบริหารยุทธศาสตร์
กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า
“การพัฒนาและส่งเสริมอุดมศึกษาถือเป็นกลไกลสําคัญในการขับเคลื่อนความมั่นคงของประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งในปี 2567
ทางอว.มีความพร้อมเดินหน้าปฏิรูปอุดมศึกษาอย่างเต็มรูปแบบ
เพื่อเตรียมความพร้อมและตอบสนองต่อการพัฒนาประเทศได้อย่างเต็มศักยภาพ
โดยความร่วมมือกับทางบริติช เคานซิล
ซึ่งเป็นองค์กรนานาชาติในการส่งเสริมการศึกษาผ่าน
โครงการความร่วมมือระดับอุดมศึกษาระหว่างประเทศไทยและสหราช-อาณาจักร
(TH-UK World-class University Consortium)
ถือเป็นส่วนหนึ่งบทบาทสำคัญของอว.ในการสนับสนุนและเปิดโอกาสให้สถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยผ่านการจับคู่กับมหาวิทยาลัยในสหราชอณาจักร
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทั้งในด้านระบบการเรียนการสอน
ระบบบริหารมหาวิทยาลัยจากความเชี่ยวชาญของสหราชอาณาจักร
ตลอดจนพัฒนางานวิจัยขั้นสูงที่มีความสอดคล้องกับความต้องการของโลกที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันและมีความเชื่อมโยงในระดับสากล
อาทิ ด้าน EV-AI Soft Power
รวมถึงทางการแพทย์เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้
สมรรถนะในเชิงการแข่งขันของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยให้ทัดเทียมมหาวิทยาลัยชั้นนำในระดับนานาชาติ
นำไปสู่การผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพสูง
เพื่อเป็นบุคลากรชั้นแนวหน้าที่พร้อมขับเคลื่อนและสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนให้แก่ประเทศชาติในอนาคตต่อไป”
ด้าน รศ.ดร.รัฐชาติ มงคลนาวิน
ประธานคณะทำงานส่งเสริมและยกระดับสถาบันอุดมศึกษาให้มีคุณภาพและมาตรฐานในระดับสากล
กล่าวเสริมว่า “ความร่วมมือไทย – สหราชอาณาจักร
ผ่านโครงการดังกล่าวนอกจากจะเป็นการจับคู่ความร่วมมือและสนับสนุนการทำงานในรูปแบบเครือข่ายของสถาบันอุดมศึกษาไทยกับนานาชาติแล้ว
ยังสอดคล้องกับทิศทางแนวนโยบายด้านการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย
(Re-inventing University)
ในการพัฒนาปรับปรุงระบบนิเวศของสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยแบบองค์รวมทั้งในด้านการปฏิรูประบบบริหารจัดการ
ปรับเปลี่ยนหลักสูตรและการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นการสร้างความเป็นเลิศให้กับมหาวิทยาลัยที่สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
เพื่อเสริมสร้างศักยภาพสถาบันอุดมศึกษาสู่เวทีการแข่งขันในระดับนานาชาติ
โดยได้มีการจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาเพื่อปฏิรูประบบอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาประเทศและพัฒนาความเป็นเลิศตามความเชี่ยวชาญของแต่ละมหาวิทยาลัย
โดยได้จัดแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่
1.กลุ่มพัฒนาการวิจัยขั้นสูงสู่ระดับนานาชาติ
2.กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์
3.กลุ่มพัฒนาชุมชนท้องถิ่นเพื่อการเข้าถึงการร่วมมือ
4.กลุ่มพัฒนาด้านหลักศาสนาเพื่อเสริมสร้างจริยธรรมและปัญญา
5.กลุ่มผลิตและพัฒนาทักษะเฉพาะด้านเพื่อผลิตบุคลากรวิชาชีพและสาขาเฉพาะทาง”
ส่วนในการพัฒนาการเรียนการสอนผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.ภัทรียา กิจเจริญ
รองคณบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร
คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ซึ่งได้ดำเนินโครงการร่วมกับ University of Reading มาเป็นเวลากว่า 3
ปี ได้เล่าถึงความสำเร็จในการพัฒนาหลักสูตรนานาชาติสองปริญญา (Double
Degree) ด้านการออกแบบและพัฒนาสังคม (Society Design Development
Programme) มุ่งผลิตผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agents)
ที่จะได้มีโอกาสได้ความรู้และวุฒิการศึกษาจากทั้งมหาวิทยาลัยมหิดลและ
University of Reading ของสหราชอาณาจักร
โดยศาสตราจารย์ ดร.ศุภจิตรา ชัชวาลย์จากคณะวิทยาศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งได้ดำเนินงานความร่วมมือร่วมกับ The
University of Liverpool
ได้กล่าวเสริมถึงประโยชน์ในการเข้าร่วมโครงการ ฯ
ว่าได้ช่วยให้เกิดการพัฒนางานวิจัยร่วมกันระหว่างนักวิจัยและคณาจารย์จากทั้งสองมหาวิทยาลัย
โดยเป็นการใช้ความชำนาญของบุคลากรทั้งสองฝ่ายในการทำโจทย์วิจัยที่มีความสนใจร่วมกัน
ทำให้ได้ผลงานวิจัยที่มีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น
นอกจากนั้นการพัฒนาด้านการวิจัยดังกล่าวมีนิสิตเข้าร่วมในโครงการผ่านหลักสูตรปริญญาเอกสองปริญญา
Dual PhD Programme
ทำให้เกิดการพัฒนานักวิจัยรุ่นใหม่ร่วมด้วยในโครงการดังกล่าว
ซึ่งจะเป็นกำลังคนรุ่นใหม่ในด้านการวิจัยที่เกี่ยวข้องในอนาคต
โดยนักวิจัยรุ่นใหม่ของไทยในหลักสูตรได้เริ่มมีการส่งผลงานตีพิมพ์ร่วมกันกับนักวิจัยของสหราชอาณาจักรด้วย
โดยในปีนี้ 2567 นี้โครงการได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว โดยบริติช
เคานซิลและกระทรวง อว ยังคงผสานความร่วมมือกับ 7
สถาบันอุดมศึกษาของไทย ใน 15 สาขาวิชา ได้แก่ 1.
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 7 สาขา (สาขาวิชาสถาปัตยกรรม
สาขาวิศวกรรมเคมี สาขาวิทยาศาตร์ชีวภาพ สาขาแพทย์ศาสตร์ 2 โครงการ
สาขาภูมิศาสตร์ สาขาพัฒนศาสตร์) 2. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จำนวน 1
สาขา (สาขาวิชาเกษตรศาสตร์และป่าไม้) 3.มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จำนวน 1
สาขา (วิชาแพทยศาสตร์) 4. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
จำนวน 1 สาขา (สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ) 5. มหาวิทยาลัยมหิดล จำนวน
3 สาขา (สาขาวิชาวิทยาศาตร์ชีวภาพ สาขาแพทย์ศาสตร์ และสาขาพัฒนศาสตร์)
6. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวน 1 สาขา (สาขาวิชาพัฒนาศาสตร์) 7.
มหาวิทยาลัยนเรศวร จำนวน 1 สาขา (สาขาวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์)
คุณกำลังดู: บริติช เคานซิล ผนึก กระทรวง อว. เดินหน้ายุทธศาสตร์ความร่วมมือไทย – สหราชอาณาจักร
หมวดหมู่: วัยรุ่น