บทสรุปหักมุม ‘แซมบ้า’ ในบอลโลก ฝันที่ต้องรออีก 4 ปี
บทสรุปหักมุม 'แซมบ้า' ในบอลโลก ฝันที่ต้องรออีก 4 ปี นับเป็นตอนจบที่มาเร็วกว่าหลายคนคาดไว้สำหรับเส้นทางของ บราซิล อดีตแชมป์โลก 5 สมัย ในศึก ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ เมื่อทีมเต็งหนึ่งของทัวร์นาเม...
บทสรุปหักมุม ‘แซมบ้า’ ในบอลโลก ฝันที่ต้องรออีก 4 ปี
นับเป็นตอนจบที่มาเร็วกว่าหลายคนคาดไว้สำหรับเส้นทางของ บราซิล อดีตแชมป์โลก 5 สมัย ในศึก ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ เมื่อทีมเต็งหนึ่งของทัวร์นาเมนต์พลิกตกรอบก่อนรองชนะเลิศหลังพ่ายให้ โครเอเชีย ในการดวลจุดโทษ 2-4 หลังเสมอในเวลา 120 นาที 1-1
อันที่จริง ทุกอย่างทำท่าจะไปได้สวยในมุมของแซมบ้า เมื่อ เนย์มาร์ สตาร์ดังของทีม ทำประตูให้ทีมขึ้นนำในช่วงต่อเวลาพิเศษ อีกทั้งยังทำสถิติยิงประตูให้ทีมชาติบราซิล 77 ลูก เทียบเท่าสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ตำนาน เปเล่ ทำไว้
แต่แข้งตาหมากรุกก็ไว้ลายรองแชมป์หนที่แล้ว อาศัยความเก๋าและความมุ่งมั่นเอาตัวรอดไปได้ด้วยการตีเสมอช่วงท้ายเกม ก่อนโชว์หัวจิตหัวใจที่แข็งแกร่งดวลจุดโทษชนะ ทำสถิติชนะรวดในการดวลจุดโทษถึง 4 ครั้งติดต่อกันในฟุตบอลโลก 2 หนหลังสุด
หนึ่งในคำถามคาใจแฟนบอลและสื่อหลายๆ สำนักคือ ถ้าคนที่ออกมาเตะลูกโทษให้บราซิลคนแรกเป็นเนย์มาร์หรือใครคนอื่น ไม่ใช่ โรดรีโก้ กองหน้าวัยเพียง 21 ปีจากรีล มาดริด สถานการณ์จะต่างออกไปหรือไม่?
โรดรีโก้เพิ่งติดทีมชาติ 10 กว่านัด และลงเล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่หนแรกในชีวิต การแบกรับแรงกดดันจากการเป็นตัวเปิดคนแรกนั้นไม่ง่ายเลยสักนิด ยิ่งต้องดวลกับ โดมินิก วิลาโควิช นายทวารโครแอตที่ทำสถิติสวยหรู เซฟ 3 จุดโทษเขี่ยญี่ปุ่นตกรอบในนัดก่อน ยิ่งน่าจะเครียดมากเข้าไปอีก และลูกยิงของเขาก็โดนลิวาโควิชเซฟไว้ได้จริงๆ
ประเด็นเรื่องการดวลจุดโทษนั้น ถึงจะมีโชคเข้ามาเกี่ยวเกินครึ่ง แต่ลำดับการยิงก็ถือว่าสำคัญ โดยเฉพาะคนแรกซึ่งควรจะเป็นคนที่ยิงเข้าชัวร์ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทีม
ติเต้ กุนซือแซมบ้า บอกว่า เนย์มาร์ถูกวางตัวเป็นคนยิงคนที่ 5 ซึ่งทีมมองว่าจะเป็นตัวตัดสินแพ้ชนะ และคนที่จะทำหน้าที่นั้นควรเป็นคนที่จิตใจแข็งแกร่ง พร้อมแบกรับแรงกดดันมหาศาล
อย่างไรก็ตาม เยอร์เก้น คลินส์มันน์ ตำนานแข้งชาวเยอรมันในฐานะนักวิจารณ์ เห็นต่างออกไป โดยบอกว่าถ้าเป็นตนจะวางตัวเนย์มาร์เป็นคนยิงคนแรกเพื่อสร้างโมเมนตัมให้ทีม
แม้ว่าติเต้จะมีเหตุผลของตัวเอง แต่ก็เหตุการณ์จริงก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความคิดของเขาอาจจะไม่เหมาะในสถานการณ์นี้ เพราะนอกจากทีมจะแพ้แล้ว เนย์มาร์ยังไม่มีโอกาสออกมายิงด้วยซ้ำไป
นับเป็นบทสรุปที่ย้ำแผลเก่าสำหรับเนย์มาร์อย่างมาก เพราะย้อนไปในศึก ฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งบราซิลเป็นเจ้าภาพ เนย์มาร์เวลานั้นคือ “โกลเด้นบอย” ของทีม เป็นความหวังของคนทั้งประเทศในการพาทีมแซมบ้าชูถ้วยแชมป์โลก แต่โชคร้ายเขาได้รับบาดเจ็บที่หลังจนไม่สามารถลงสนามได้ สุดท้ายบราซิลพ่ายเยอรมนียับเยิน 1-7 ในรอบตัดเชือก และมาแพ้เนเธอร์แลนด์ในรอบชิงอันดับ 3 ไปอีก
ขณะที่ 4 ปีที่แล้ว ในฟุตบอลโลกที่รัสเซีย บราซิลก็ผิดหวังตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายเช่นกันโดยพ่ายให้กับเบลเยียมซึ่งกำลังพีคสุดสุดในเวลานั้น
มาบอลโลกหนนี้ ฟอร์มโดยรวมของแซมบ้าถือว่าดูดีกว่าทีมอื่นๆ ในทัวร์นาเมนต์ ทั้งเกมรุกและรับ โดยเฉพาะเกมรับซึ่ง อลิสซอน เบ็คเกอร์ นายทวารของทีม ไม่ต้องออกแรงเซฟแม้แต่ครั้งเดียวในรอบแรก ส่วนเกมรุก อาจไม่ดุดันทุกนัด แต่ก็ดีพอที่จะคว้าชัยชนะหรือเอาตัวรอดมาได้ ก่อนจะมาโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในเกมถล่มเกาหลีใต้ 4-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
แต่พอเจอความเขี้ยว ความเก๋าของแข้งตาหมากรุกเข้าไป แม้แต่แซมบ้าก็ไปไม่รอด
ทิม วิคเคอรี่ กูรูลูกหนังละตินบอกว่า การตกรอบครั้งนี้สะเทือนความรู้สึกของชาวบราซิเลียนทุกคน เปรียบเปรยเหมือนคนในครอบครัวเสียชีวิต และคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะทำใจได้
ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งเปเล่ ตำนานลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของประเทศกำลังป่วยหนัก เข้าสู่การรักษาช่วงสุดท้ายของชีวิตหลังสู้กับมะเร็งมานาน แต่ก็ยังฮึดสู้ชมการแข่งขันและให้กำลังใจนักเตะรุ่นหลานจากโรงพยาบาล
การตกรอบของบราซิลจึงเป็นบทสรุปที่แสนเศร้า และเป็นเป้าหมายที่ต้องยืดเยื้อออกไปอีก 4 ปี ซึ่งสำหรับบางคนอาจยาวนานเกินกว่าจะรอคอยแล้ว…
คุณกำลังดู: บทสรุปหักมุม ‘แซมบ้า’ ในบอลโลก ฝันที่ต้องรออีก 4 ปี
หมวดหมู่: ฟุตบอลต่างประเทศ