จำเป็นแค่ไหนต้องเช็กระยะทุก 10,000 กม.?
การเช็กระยะรถยนต์ทุก 10,000 กิโลเมตร มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน หรือเป็นเพียงกลยุทธ์สร้างรายได้ของศูนย์บริการเท่านั้น บทความนี้ Sanook Auto จะพาไปหาคำตอบกันครับ
จำเป็นไหมต้องเช็กระยะทุก 10,000 กม.?
การเช็กระยะรถยนต์ทุก 10,000 กิโลเมตร หรือตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตกำหนด เป็นเหมือนการตรวจสุขภาพให้กับรถยนต์ของเรา เพื่อให้มั่นใจว่าทุกส่วนประกอบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันปัญหาใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
สาเหตุที่ต้องเช็กระยะเป็นประจำ
ทำไมต้องเช็กระยะ?
- ป้องกันความเสียหาย - การตรวจเช็กสม่ำเสมอจะช่วยให้เราพบปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมมากขึ้น
- ยืดอายุการใช้งานของรถ - การดูแลรักษารถยนต์ตามระยะทางที่กำหนด จะช่วยให้รถยนต์ของเรามีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
- เพิ่มความปลอดภัย - การตรวจสอบระบบเบรก ระบบช่วงล่าง และส่วนประกอบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย จะช่วยให้มั่นใจได้ว่ารถยนต์ของเราอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
เช็กระยะแต่ละครั้ง เช็กอะไรบ้าง?
รายการเช็กระยะจะแปรผันขึ้นอยู่กับระยะทางของรถที่วิ่งไป แต่โดยมากแล้วรถสันดาปจะมีรายการที่ต้องตรวจเช็กหรือเปลี่ยน ดังนี้
- ระบบเครื่องยนต์ - เช่น ระดับน้ำมันเครื่อง, ไส้กรองน้ำมันเครื่อง, สายพาน
- ระบบส่งกำลัง - เช็กระดับน้ำมันเกียร์, การทำงานของคลัทช์
- ระบบเบรก - ตรวจสอบผ้าเบรก, จานเบรก, น้ำมันเบรก
- ระบบช่วงล่าง - เช็กโช้คอัพ, บูชต่างๆ
- ระบบหล่อเย็น - เช็กระดับน้ำหล่อเย็น, สภาพหม้อน้ำ
- ระบบไฟฟ้า - เช็กไฟหน้า, ไฟท้าย, ไฟเลี้ยว, แบตเตอรี่
- ระบบปรับอากาศ - ตรวจสอบการทำงานของระบบปรับอากาศ
- ล้อและยาง - ตรวจสอบความดันลมยาง, สภาพของดอกยาง, การสึกหรอของยาง
การเช็คระยะรถยนต์ทุก 10,000 กิโลเมตร หรือตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตกำหนด ถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า เพราะจะช่วยให้รถยนต์ของเราอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเสมอ และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมในระยะยาว
คุณกำลังดู: จำเป็นแค่ไหนต้องเช็กระยะทุก 10,000 กม.?
หมวดหมู่: เคล็ดลับยานยนต์