"จุ๊บแจง วิมลพันธ์" เปิดหมดใจ แต่งงานในวัย 54 แฟนเก่าวันนั้นสู่คู่ชีวิตวันนี้
จุ๊บแจง วิมลพันธ์ ออกมาเปิดใจ ไม่คิดว่าจะได้แต่งงานในวัย 54 กะรัต
สร้างความฮือฮาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับนักแสดงรุ่นใหญ่ จุ๊บแจง วิมลพันธ์ ที่เพิ่งจะควงแขนแฟนหนุ่ม บอมบ์ อัศจรรย์ เข้าสู่ประตูวิวาห์ไปเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ท่ามกลางความยินดีจากคนรอบข้างและแฟนๆ อย่างล้นหลาม
ล่าสุด จุ๊บแจง วิมลพันธ์ ได้ออกมาเปิดใจกับทีมข่าวบันเทิง sanook.com ถึงจุดเริ่มต้นของความรักครั้งนี้ ซึ่งทำให้เธอขึ้นแท่นเป็นไอดอลสาวที่ถึงแม้จะมีอายุ 54 ปีแล้ว แต่ก็ได้เจอรักแท้ จนตัดสินใจใช้ชีวิตคู่กันในที่สุด
เพิ่งเข้าพิธีวิวาห์ไป ?
"ค่ะ จริงๆ แล้วยังไม่ได้ฉลองสมรสนะคะ
แต่ได้พระราชทานน้ำพระพุทธมนต์จาก สมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 24
เม.ย. ตอนแรกว่าจะฉลองตั้งแต่ ส.ค แต่ด้วยฤกษ์ที่ยังไม่ได้
ก็เลยกะว่าจะเป็นปลายปี ไม่ พ.ย ก็ ธ.ค. เดี๋ยวยังไงจะแจ้งอีกที"
"ก็ดีค่ะ พอเราเหมือนทำอะไรให้กับคุณแม่ด้วย และการที่เราจะเลือกคู่ชีวิต ก็คบหาดูใจกันมาสักพักหนึ่ง พอคิดว่ามันน่าจะไปรอดก็โอเค"
"อย่างคนเก่า ก็ดูแลกันมา 20 ปี พอปีที่ 21 จะแต่ง มันไม่ได้อยู่ที่ช้าหรือเร็ว ถ้าเราพร้อมก็จะได้ลองใช้ชีวิตดูว่าเป็นยังไง"
"ถ้าถามพี่ พี่ว่ามันก็โอเค มีการปรับตัวบ้างเล็กน้อย อย่างแฟนคนเก่าเขาก็มาอยู่กับครอบครัวเราใช่ไหมคะ พอวันหนึ่งที่เขาออกไป เราก็ยังอยู่กับครอบครัวเราเหมือนเดิม แต่ตอนนี้เหมือนเราแต่งงานแล้ว ก็ต้องออกไปอยู่ข้างนอก เราเป็นคนติดแม่ ติดครอบครัว และครอบครัวเราก็เป็นครอบครัวใหญ่ จะมีความรู้สึกว่าได้คุยกับคนนู้นคนนี้มันไม่เบื่อ แต่พอออกมาอยู่ข้างนอก 2 คน บางทีมีความรู้สึกว่ามันเหงา ก็เลยยังจะมีไปๆ กลับๆ บ้านแม่ บ้านเรา อาทิตย์หนึ่งอย่างน้อยต้อง 2-3 ครั้ง เพราะเราติดแม่ ติดครอบครัวไง"
"แต่ก็พยายามปรับตัวนะ ปรับหลายอย่าง ตอนแรกๆ ยังคิดว่า จะไหวหรือเปล่า เพราะตัวเราเองนี่แหละที่จะเป็นปัญหา มันเงียบ มันเหงา ส่วนตัวแฟนเขาทำงานเขียนบท เขียนหนังสือ กำกับ เขาจะอยู่ในห้องทำงานเขา บางทีก็นอนในห้องทำงาน จะลงมาข้างล่างตอนมาหาอะไรทาน หรือเครียด คิดไม่ออก ก็มาเล่นกับน้องหมาบ้าง มันเลยทำให้เรารู้สึกว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่ (หัวเราะ) คือมันเงียบจริงๆ เพราะเราเคยอยู่แต่กับครอบครัวใหญ่ อันนี้คือปัญหาชีวิตเรา แต่ก็ค่อยๆ ปรับตัว มันก็ดีนะ ทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง เพราะด้วยความที่เราเป็นนักแสดง เช้าขึ้นมาก็ต้องอยู่สตู เจอคนเยอะแยะ พอได้มาอยู่บ้านก็ทำให้มีสมาธิ ได้ทำอะไรกับตัวเองเยอะมาก ก็ดีนะ มันเป็นการรีเช็กตัวเองด้วย"
แสดงว่าความขี้เหงาของเราปรับยากสุด ?
"ใช่ๆ คือทุกอย่างโอเค เพียงแต่เรารู้สึกว่าแรกๆ เราเหงามาก แปลกๆ
เบื่อๆ เมื่อก่อนก็จะพยายามไปไหนกับเพื่อน ไปหาเพื่อน
พอวันหนึ่งมันจะรู้สึกว่าไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา
เราเลยเริ่มปรับที่ตัวเรา นิ่งอยู่กับที่ และเราก็มองรอบๆ ว่า
เราควรจะทำอะไร พอหลังๆ ก็ปรับได้นะ"
"เราเคยพูดกับแม่ และทางแฟน ว่าเรามีปัญหาตรงนี้ แต่ถ้าเราจะไปอยู่กับแม่ตลอด มันก็ไม่โอเค เราใช้ชีวิตคู่แล้วเนอะ"
คบหาดูใจกันมานานหรือยัง ?
"อย่างที่รู้เนอะ เป็นแฟนกันมาตั้งแต่ป๊อบปี้เลิฟ ตั้งแต่แรกๆ
เข้าวงการ เราเคยไปเล่นหนังของพ่อเขา เราก็ชอบๆ กัน
จนวันหนึ่งได้เลิกรากันไป ไม่ได้เจอกัน จนวนกลับมาเล่นละครด้วยกัน
เขาก็เป็นนักแสดง แต่ต่างคนก็ต่างมีแฟน
เราก็คิดว่าคงจะไม่ได้กลับมาเป็นแฟนกัน"
"จนวันหนึ่งเราเลิกกับแฟน และเราไปเจอเขาที่งานเปิดตัวหนังเรื่องหนึ่ง ก็มีโอกาสได้เจอกัน เขายังถามเลยว่าเราเป็นยังไงบ้าง ซึ่งตอนนั้นเรามีปัญหาชีวิต เราก็บอกว่าดีขึ้นแล้ว เขาก็ขอเบอร์เพื่อมีงาน แล้วเขาก็หายไปก่อนนะ หายไปสักพัก และจ่กนั้นก็เริ่มไลน์มาบ่อย โทรมาคุยบ่อย เราก็บอกไม่ได้นะ เพราะพี่มีแฟนแล้ว มีครอบครัวแล้ว เขาก็เลยบอกว่า เขาเลิกกับแม่ของลูกเขา ตั้งแต่ลูกเขา 2 ขวบ"
"เราไม่รู้ว่าถ้าเรามาคบกัน นิสัยใจคอจะเป็นยังไง เพราะเราห่างกันไปตั้งนานแล้ว พอมาปรับจูนกันใหม่ ถ้าคบได้ก็คบ คบไม่ได้ก็เป็นพี่น้องกันในวงการ พอดีว่าจากที่เขาเคยเที่ยว เคยอยู่กับเพื่อน ไปปาร์ตี้เฮฮา เขาก็เปลี่ยนไปเยอะ อยู่กับบ้าน ไม่ชอบไปไหน ชอบไปเดินแค่ซุปเปอร์มาเก็ต เข้าวัด เปลี่ยนไปมาก เราก็โอเค"
"เราคบกันมาได้สัก 3-4 ปี ก็ถึงตัดสินใจแต่งงาน หลังจากที่เราเลิกกับแฟนคนเก่าได้ประมาณ 1 ปี ก็มาเจอคนนี้ค่ะ"
เห็นบอกว่า ถ้ามีลูกได้ ก็อยากจะมี ?
"ใช่ ตอนแรกอยาก ปรึกษานะกับโรงพยาบาลคลินิกเกี่ยวกับด้านนี้เลย
และก็ปรึกษากับน้องๆ ที่เคยทำ Gift หลายๆ คน
เพราะถ้าเราแก่แล้วท้องไม่ได้ ก็จะให้หลานเราอุ้มบุญให้
คิดแบบนี้เลยนะ คือทำการผสมและนำไปฝัง
แต่พอมานึกถึงตอนนี้ก็คืออายุเรามันมากแล้ว เอาแบบนี้ดีกว่า พอเราแก่ๆ
ก็พากันไปเที่ยว พากันไปเข้าวัด คอยดูแลกันยามแก่เฒ่าดีกว่า
เพราะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งมันก็ โอ้โห... สาหัสเหมือนกันเนอะ"
แสดงว่าพับโปรเจกต์การมีลูกไปเลยใช่ไหม ?
"ถ้ามาธรรมชาติก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติค่ะ แต่ตอนแรกอะคิด
เพราะเขาดูแลลูกเขาดีมาก จนเรามีความรู้สึกว่าถ้าเรามีลูกกับเขา
เขาก็คงดูแลลูกเราดี ถ้าเกิดเราเป็นอะไรไป เขาก็ต้องดูแลลูกเราได้
เราคิดแบบนี้ไง เลยทำให้อยากมีสักคนหนึ่ง
อีกอย่างเราเป็นคนชอบเด็กไง"
"แต่พอถึงเวลาตรงนี้ เราก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะ ถ้ามีก็มี ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร ก็อยู่กัน 2 คน ตายายไป"
อะไรที่ทำให้เราคิดว่า คนนี้แหละใช่
อยากจะใช้ชีวิตคู่ด้วยจริงๆ ?
"สิ่งแรกก็คือเขาดูแลเราดี ดูแลครอบครัวเราดี
มันไม่ใช่ปัจจัยเรื่องที่ต้องมาให้ของเรา หรือให้อะไรเรา
เราเคยผิดหวังเรื่องความรัก เหมือนมีคนมาฮีลใจเราอะ
มาเติมเต็มตรงที่เราโหยหา มาดูแล มาเทคแคร์ มาช่วยเราคิด
ช่วยเราแก้ปัญหา สามารถดูแลเราได้
อย่างตอนเราเกิดอุบัติเหตุใช่ไหมคะตอนถ่ายละคร เขาก็ไปขับรถให้เรา
ไปส่ง ไปรอ ตอนเราเท้าแพลงก็มานวดให้"
"คือสิ่งเรานี้ เราไม่คิดว่าเขาจะทำให้ไง แต่เขาก็มีโมเมนต์แบบนี้ อย่างเวลาเราเครียดหรือมีปัญหาเรื่องงาน เขาก็จะทำให้เราหัวเราะได้ อยู่ด้วยแล้วมันมีโมเมนต์ที่ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน คอยซัพพอร์ตความรู้สึก และดูกัน คนเราจะหวังอะไรมากมายเนอะ ก็คิดว่าอายุเราอยู่กันได้ไม่กี่ปีหรอก เดี๋ยวมันก็ต้องมีอะไรที่ทำให้จากกัน ตรงนี้มันเป็นความสุข มีโมเมนต์ที่ดี ก็เก็บเกี่ยวความสุขตรงนี้ให้มากที่สุดให้ดีที่สุดค่ะ"
ช่วงที่เลิกกับแฟนคนเก่า
เราเคยคิดไหมว่าชีวิตนี้ต้องอยู่คนเดียวดีกว่า ?
"ใช่ ถูก คิดว่าไม่มีแล้ว จบแล้ว ต้องอยู่คนเดียวแล้ว แต่ก็มีกลับมา
ก็โอเค ถือว่าเราก็ยังโชคดี ตอนแรกยังคิดว่า ก็คงดูแลแม่
ดูแลน้องไปจนแก่เฒ่า ไม่คิดว่า ผู้หญิงอายุ 50 Up
แล้วยังต้องมาแต่งงาน ทุกคนก็งง"
"เราเลยรู้สึกว่า ความรักมันเป็นอะไรที่ออกแบบไม่ได้จริงๆ นะ ไม่ว่าอายุ เพศ หรือจะกี่ปี ถ้ามันคลิกลงตัว ทุกคนมีความรักได้"
มันทำให้เราเชื่อในพรหมลิขิตไหม เพราะเคยเลิกกันไปแล้ว
แต่ก็มีโอกาสกลับมารักกันใหม่ ?
"ใช่ค่ะ แต่เขาก็พูดนะว่า ครอบครัวหรือชีวิตคู่มันเลือกไม่ได้
มันเหมือนซื้อหวย บางทีถ้าได้คนดีก็ดี ถ้าได้คนไม่ดีก็ไม่ดี
เราก็เลยมีความรู้สึกว่า พรหมลิขิตได้จัดสรรมาให้เราแล้ว เคยคบกัน
และไม่ได้อยู่ด้วยกันมาพักหนึ่ง
ตอนนี้ก็ได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในบั้นปลายชีวิต"
ช่วงที่จัดพิธีแต่งงาน มีกระแสวิจารณ์ในด้านไม่ดีบ้างไหม
?
"ไม่นะ ไม่มีค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะโอเค อยากให้มีคนมาดูแล มาฮีลใจเรา
แต่เราก็อาย เขิน เพราะเราอายุเยอะแล้วที่จะต้องมาจัดงานแต่งงาน
เราไม่ใช่เด็กอายุ 20-30 นะที่เริ่มสร้างครอบครัว
เหมือนเราอายุมากแล้ว แต่อีกมุมด้วยความที่เรามีอายุมากแล้ว
พอได้มาใช้ชีวิตด้วยกันก็เลยไม่มีปัญหาอะไร"
เราถือว่าเป็นไอดอลของสาวๆ วัยเลข 5 ที่ได้แต่งงาน
เจอคนที่ใช่ ?
"ใช่ค่ะ อย่างที่บอก อยากให้ทุกคนที่อาจจะผิดหวังเรื่องความรัก
หรือคิดว่าไม่มีความรักแล้ว ก็ดูจุ๊บแจงเป็นตัวอย่างแล้วกัน
เพราะบางทีเนื้อคู่เร่ยังไม่เกิด (หัวเราะ) อาจจะเป็นรถไฟขบวนสุดท้าย
40-50-60 เขายังแต่งงานกันได้เลย ดูจุ๊บแจงเป็นตัวอย่าง 54 เกือบ 60
แล้วนะคะ ยังแต่งงานได้ ทุกคนมีโอกาส ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม เปิดใจ
เปิดโอกาสให้กับตัวเอง อย่าปิดกั้น ถ้าเกิดคุณไม่ปิดกั้น
ความรักก็จะเข้ามา ไม่ว่าจะในรูปแบบไหนค่ะ"
คุณกำลังดู: "จุ๊บแจง วิมลพันธ์" เปิดหมดใจ แต่งงานในวัย 54 แฟนเก่าวันนั้นสู่คู่ชีวิตวันนี้
หมวดหมู่: ความบันเทิง