"จูด เบลลิงแฮม" ปรากฏการณ์ครั้งใหม่ของวงการฟุตบอล - [OPINION]
การเติบโตอย่างรวดเร็วของ จูด เบลลิงแฮม
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทั้ง
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ ทีมชาติอังกฤษ
และตอนนี้เป็นที่ต้องการตัวของบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป
ในซัมเมอร์นี้ดูจะเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจสำหรับ เบลลิงแฮม
โดยมีรายงานระบุว่า เรอัล มาดริด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล
พร้อมที่จะเปิดศึกนอกสนามเพื่อแย่งชิงลายเซ็นเขาไปครอบครอง
แม้จะต้องจ่ายค่าตัวราว 110 ล้านปอนด์ก็ตาม
ดาวเตะวัย 19 ปี
เป็นหนึ่งในนักเตะทีมชาติอังกฤษที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นที่สุดในศึกฟุตบอลโลก
2022 และตอนนี้ค่าตัว 25 ล้านปอนด์ ที่ ดอร์ทมุนด์ จ่ายให้กับ
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ เมื่อปี 2020 นั้น
กำลังเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
กีเยม บาลาเก กูรูฟุตบอลชาวสเปน
เล่าว่า "ในตอนนั้น เขาไม่ต้องการย้ายออกจาก เบอร์มิงแฮม ซิตี้
เขาร้องไห้ออกมา แต่ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจออกจากที่ที่ตัวเองคุ้นเคย
และพัฒนาเป็นชายหนุ่มที่เป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว"
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายคนไม่รู้มาก่อนคือ ในวัยเด็ก เบลลิงแฮม
ไม่สนใจฟุตบอลเลย โดย ฟิล วูลดริดจ์ โค้ชคนแรกเล่าว่า
"ทันทีที่คุณวางลูกฟุตบอลไว้ข้างหน้าเขา เขาก็ไม่สนใจมันจริงๆ
มันต้องใช้เวลาสักระยะสำหรับเขาที่จะเข้าสู่วงการฟุตบอล
ไม่ใช่แค่ชั่วข้ามคืน เราต้องใช้เวลาหลายเดือน"
หลังจากได้สัมผัสกับฟุตบอลเต็มตัว เบลลิงแฮม
ก็รู้สึกชื่นชอบมันอย่างมาก
และไม่มีใครหยุดความคลั่งไคล้ของเขาได้อีกแล้ว
ซึ่งเจ้าตัวเคยบอกกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนระดับประถมและคุณครูว่า
วันหนึ่งจะก้าวขึ้นมาเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ
ไมค์ ด็อดส์ อดีคโค้ชเยาวชนของ
เบอร์มิงแฮม ซึ่งปัจจุบันเป็นโค้ชทีมชุดใหญ่ของ ซันเดอร์แลนด์ เล่าถึง
เบลลิงแฮม ว่า
"เขาเป็นคนที่ทำให้การเรียนรู้เรื่องการเป็นโค้ชของผมดีขึ้น
เพราะถ้าเขาไม่มีความสุขกับเซสชัน
ถ้าเขาไม่พอใจกับเส้นทางการพัฒนาของเขา
เขาจะเป็นคนแรกที่แจ้งให้ผมทราบถึงความคิดของเขา"
"เขาเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมมาก คุณรู้ไหม เขาเป็นแบบอย่างที่ดี
เขามีความเห็นอกเห็นใจผู้คนรอบข้างอย่างสมบูรณ์แบบจากมุมมองของมนุษย์
ผมไม่มีคำพูดมากพอที่จะยกย่องเขาได้อีกแล้ว"
เบลลิงแฮม เข้าสู่ทีมเยาวชนของ เบอร์มิงแฮม ในวัย 7 ปี
ก่อนจะก้าวมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2019/20 ในวัย 17 ปี
และถึงแม้จะเป็นเพียงปีเดียว
แต่เจ้าตัวก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทีมรอดตกชั้นได้สำเร็จ
ก่อนจะย้ายไปยัง ดอร์ทมุนด์
ราฟาเอล โฮนิกสไตน์
ผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลชาวเยอรมันกล่าวว่า "ทุกครั้งที่คุณคิดว่า
คุณได้เห็น จูด เบลลิงแฮม ที่สมบูรณ์แบบ
เขาก็จะทำอย่างอื่นนอกเหนือจากที่คุณคิด เขาทำบางอย่างที่แตกต่างออกไป
และเพิ่มคุณภาพการเล่นของตัวเองเสมอ"
"เขาเป็นปรากฏการณ์อย่างแท้จริง และบางครั้งผมยังคิดเลยว่า
เขาเล่นฟุตบอลเหมือนคนในช่วงอายุ 26 หรือ 27 ปี เลยด้วยซ้ำ"
นับตั้งแต่ย้ายมาเล่นกับ ดอร์ทมุนด์ เบลลิงแฮม ไม่เคยยิงได้เกิน 10
ลูกเลย แต่ในปีนี้ เขาทำสำเร็จแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การยิงใส่
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก
เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา จนทำให้ โอเวน ฮาร์กรีฟส์ อดีตมิดฟิลด์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่รับบทกูรูยกย่องว่า
เป็นนักเตะที่ดีที่สุดในสนาม
ฮาร์กรีฟส์ กล่าวว่า
"เขาเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในสนามทั้ง 2 เกมที่พบกัน
เมื่อเทียบกับผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกบางคน และเขายังอายุเพียง 19
ปีเท่านั้น จากนั้นวิธีการที่เขาเดินไปข้างสนาม เข้ามาทักทายผมและ
ริโอ เฟอร์ดินานด์ เขาทำมันด้วยความมั่นใจ
ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่พิเศษจริงๆ"
สำหรับใครก็ตามที่ยังไม่รู้ว่า เบลลิงแฮม มีพรสวรรค์เพียงใด แน่นอนว่า
ทุกคนคงได้รู้จักเขาหลังจากการเห็นฟอร์มการเล่นให้กับ อังกฤษ
ในฟุตบอลโลกครั้งแรก
ซึ่งแม้แต่เพื่อนร่วมทีมก็ยังอดยกย่องเจ้าตัวไม่ได้
ฟิล โฟเดน กองกลาง แมนฯ ซิตี้ กล่าวว่า
"ผมไม่ต้องการยกย่องเขามากเกินไปเพราะเขายังเด็กอยู่
แต่เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีพรสวรรค์มากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา
เขาไม่มีจุดอ่อน ผมคิดว่าเขาจะเป็นกองกลางที่ดีที่สุดในโลก"
เบลลิงแฮม
ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปในช่วงซัมเมอร์นี้
และเห็นได้ชัดว่า ค่าตัวที่ ดอร์ทมุนด์ ตั้งไว้
คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด
คุณกำลังดู: "จูด เบลลิงแฮม" ปรากฏการณ์ครั้งใหม่ของวงการฟุตบอล - [OPINION]
หมวดหมู่: ฟุตบอลต่างประเทศ