จัด “กระเป๋ายา” ให้ลูกไปเข้าค่าย ต้องมียาอะไรบ้าง

จัด “กระเป๋ายา” ให้ลูกไปเข้าค่าย ต้องมียาอะไรบ้าง

กิจกรรม “เข้าค่าย” ถือเป็นกิจกรรมที่เด็กนักเรียนไทยเกือบทุกคนล้วนต้องเข้าร่วมกับทางโรงเรียนตามหลักสูตรการศึกษา แม้ว่าจะไม่ได้เป็นกิจกรรมที่ระบุชัดเจนว่าเป็นการบังคับให้เข้าร่วม แต่ส่วนใหญ่ผู้ปกครองของเด็ก ๆ ก็จะเข้าใจดีว่ายังไงก็ต้องส่งลูกของตัวเองไปอยู่ค่ายตามระยะเวลาที่กำหนดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เว้นแต่ว่าเด็กบางคนที่จะถูกยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งผู้ปกครองก็ต้องติดต่อทางโรงเรียนเพื่อชี้แจงถึงความจำเป็นต่อไป

เด็กวัยเล็กที่สุดที่จะต้องเริ่มไปเข้าค่าย (ค้างคืน/นอกสถานที่) กับทางโรงเรียน คือเด็กวัยประถม ซึ่งก็คือเด็กที่โตในระดับที่สามารถดูแลจัดการตัวเองได้โดยที่ผู้ปกครองไม่ต้องให้ความช่วยเหลืออีกต่อไป ถึงอย่างนั้น เด็ก ๆ ก็ยังเป็นเด็กเล็กมาก ๆ ในสายตาพ่อแม่อยู่ดี อีกทั้งเด็กวัยประมาณ 9-10 ขวบก็น่าจะไม่เคยไปค้างคืนที่อื่นโดยไม่มีพ่อแม่ไปด้วย นั่นทำให้พ่อแม่รู้สึกเป็นห่วงและเป็นกังวลมากเมื่อต้องส่งลูกไปค่าย เพราะไม่รู้ว่าลูกจะอยู่ได้ไหม แต่ในทางกลับกัน การส่งลูกไปค่ายก็เป็นการฝึกให้เด็กมีทักษะในการทำอะไรด้วยตัวเอง การเอาตัวรอด ต้องทำให้เป็น ต้องอยู่ให้ได้ ฝึกให้เด็กเก่งขึ้นในการใช้ชีวิตแบบไม่มีพ่อแม่คอยช่วย ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการใช้ชีวิตของเด็ก ๆ ในอนาคต

แม้ว่าการไปเข้าค่ายกับทางโรงเรียน จะมีครูเป็นผู้ดูแล และมีเจ้าหน้าที่ของทางค่ายช่วยดูแล แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ยังห่วงลูกที่เป็นเด็กตัวเล็ก ๆ อยู่ดี จะอยู่ยังไง จะกินอะไร ถ้าเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาทำยังไง พ่อแม่จึงต้องเตรียมความพร้อมให้ลูกสามารถอยู่ได้อย่างปกติสุขที่สุด และกลับบ้านมาอย่างปลอดภัย

และหนึ่งในสิ่งที่พ่อแม่ต้องเตรียมใส่กระเป๋าให้ลูกนำไปเข้าค่ายด้วยก็คือ “กระเป๋ายา” เผื่อว่าลูกมีอาการป่วยไม่สบายจะได้มียากิน ซึ่งต่อให้ทางค่ายจะมีชุดปฐมพยาบาลเตรียมไว้ให้ มีครูหรือเจ้าหน้าที่คอยดูแล แต่พ่อแม่ก็จะสบายใจกว่าที่ลูกพกยาไปเอง รู้ว่าลูกมียากินบรรเทาอาการป่วยแน่ ๆ แน่นอนว่าพ่อแม่จะต้องสอนลูกก่อนว่ายาอะไรใช้แก้อาการอะไร กินเมื่อไร กินเท่าไร อาการแบบนี้ต้องใช้ยาตัวไหน และกำชับว่ากินตอนที่มีอาการเท่านั้น โดยอาจจะเขียนติดไว้ที่บรรจุภัณฑ์ของยาให้ลูกอ่านตอนหยิบมาใช้กันลูกลืม (แต่ถ้าไม่มั่นใจให้ไปถามครูอีกที) เพื่อให้ลูกหยิบยามากินได้ทันทีที่มีอาการไม่สู้ดี ไม่จำเป็นต้องขอยาจากครูที่อาจดูแลเด็กได้ไม่ทั่วถึง และไม่เป็นภาระให้ครูด้วย

ยาสามัญที่ต้องจัดลงกระเป๋าลูกเวลาลูกไปค่าย มียาอะไรบ้าง

ยาเหล่านี้จัดเป็นยาสามัญประจำบ้าน หรือยาที่ต้องมีในกระเป๋าปฐมพยาบาล นั่นหมายความว่ามีความปลอดภัยที่จะใช้ยา เพียงแต่พ่อแม่ต้องสอนวิธีกิน และกำชับว่าให้กินเฉพาะตอนมีอาการป่วยเท่านั้น จะมากินพร่ำเพรื่อไม่ได้ และควรเป็นยาที่เด็กใช้ประจำอยู่แล้ว เพราะเด็กจะรู้วิธีกิน และพ่อแม่ก็รู้ด้วยว่ายาเหล่านี้ไม่อันตรายกับเด็ก

  • กลุ่มยาแก้ปวด ยาลดไข้ (เด็กผู้หญิงอาจต้องเพิ่มแก้ปวดท้องประจำเดือน ถ้าเด็กมีอาการปวดท้องเป็นปกติ)
  • กลุ่มยาแก้ปวดท้อง (ยาธาตุน้ำขาว ยาธาตุน้ำแดง ยาเม็ดแก้ปวดเกร็ง) ยาลดกรด ยาช่วยย่อยอาหาร ยาบรรเทาอาการท้องเสีย และเกลือแร่ทดแทนการเสียน้ำเมื่อท้องเสีย
  • กลุ่มยากินแก้อาการแพ้ แพ้อากาศ ผื่นคัน จาม น้ำมูกไหล จาม ไอ
  • กลุ่มยาแก้อาการเวียนหัว แก้คลื่นไส้ แก้เมารถ
  • กลุ่มยาหม่อง ยาดม (บรรเทาอาการหวัดคัดจมูก) ยาอมแก้เจ็บคอ
  • กลุ่มยาแก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แก้อาการฟกช้ำ (ยาทาภายนอก)
  • กลุ่มยาทาแก้คัน (คาลาไมน์) ยาทาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย
  • กลุ่มยาช่วยคลายเครียดคลายกังวล (เด็กหลายคนมีอาการนอนไม่หลับเมื่อแปลกที่ ตื่นกลัว อาจจำเป็นต้องใช้ ควรปรึกษาแพทย์)
  • สเปรย์ฉีดกันยุง
  • ชุดอุปกรณ์ทำแผลพกพา พวกยาใส่แผล ปลาสเตอร์ปิดแผล
  • ยาสำหรับคนมีโรคประจำตัว (จำเป็นต้องพกไปอย่างมาก เพราะเป็นยาเฉพาะบุคคล ทางค่ายอาจไม่มีเตรียมไว้ และต้องแจ้งกับทางครูให้ทราบ และควรมีใบสั่งยาแพทย์แนบไปด้วย)
  • สเปรย์แอลกอฮอล์ ในยุคที่ COVID-19 ไม่เคยจากเราไปไหน และสุขอนามัย
  • หน้ากากอนามัย 1 ชุด

คุณกำลังดู: จัด “กระเป๋ายา” ให้ลูกไปเข้าค่าย ต้องมียาอะไรบ้าง

หมวดหมู่: วัยรุ่น

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด