ใช้ "ถุงยางอนามัย" ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ทำไมยังท้องได้?
บางครั้งที่เรามั่นใจว่า “ป้องกันทุกครั้ง” ก็อาจเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นได้
การคุมกำเนิดแบบที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุด และเป็นหนึ่งในวิธีที่ป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากที่สุด คงหนีไม่พ้นการใช้ “ถุงยางอนามัย” เพราะนอกจากจะมีผลข้างเคียงน้อย ใช้สะดวก และมีให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปแล้ว การใช้ถุงยางอนามัยยังหนึ่งในความรับผิดชอบของผู้ชายที่ในประเทศไทยเคยมีการรณรงค์กันอย่างเปิดเผยว่า “ยืดอก พกถุง” เพื่อให้ชายไทยพกถุงยางติดตัว และอย่าเขินอายที่จะไปซื้อไปหามาใช้
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่น่าเสียดายว่า ในบางกลุ่มยังมีค่านิยมในการไม่ใช่ถุงยางอนามัย เพราะประมาทว่าไม่หลั่งในจะทำให้ไม่ท้อง แต่โอกาสที่อสุจิจะเล็ดลอดออกมาระหว่างมีเพศสัมพันธ์นั้นก็มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ได้ เฉกเช่นเดียวกับการใช้ถุงยางอนามัย ที่ถึงแม้ว่าจะโฆษณากันมากมายว่าช่วยลดโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ แต่ก็ขอให้ทราบเอาไว้ว่า ถุงยางอนามัย ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100%
>> รู้ไว้ไม่ป่อง 6 วิธีคุมกำเนิดและข้อดี-ข้อเสีย
ใช้ถุงยางอนามัย มีโอกาสตั้งครรภ์หรือไม่?
ถุงยางอนามัยส่วนใหญ่ผลิตจากยางธรรมขาติ โพลียูรีเทน หรือลำไส้ลูกแกะ ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมใช้แบบที่ทำจากยางธรรมขาติ โพลียูรีเทนมากกว่า หากใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี โอกาสในการตั้งครรภ์ค่อนข้างต่ำ อยู่ที่ราว 2% เท่านั้น แต่หากเป็นการใช้ถุงยางอนามัยที่ไม่ถูกต้อง จะเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ได้มากถึง 18% เลยทีเดียว
ใช้ถุงยางอนามัย อาจเสี่ยงตั้งครรภ์ หากคุณ...
- ใช้ถุงยางอนามัยที่ไม่เหมาะสมกับขนาดอวัยวะเพศของคุณ เล็กไป
ใหญ่ไป
- ถุงยางอนามัยฉีกขาด หรือมีรอยรั่ว
จากการดึงถุงยางออกมาจากห่อโดยไม่ระมัดระวัง หรือถุงยางอนามัยชำรุด
เก็บไว้นาน หรือเก็บในที่ๆ เสี่ยงต่อการถูกทำให้เป็นรอย
- ไม่สวมถุงยางอนามัยตลอดการมีเพศสัมพันธ์ ตั้งแต่ต้นจนจบ
และทุกครั้งที่มีการสอดใส่
โดยอาจเผลอใส่ถุงยางอนามัยหลังจากมีการสอดใส่ไปแล้ว
หรือถอดถุงยางอนามัยก่อน ทุกครั้งที่มีการสอดใส่
น้ำอสุจิสามารถไหลออกมาพร้อมน้ำหล่อลื่นได้ทุกเมื่อ
- ถุงยางอนามัยหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์
หรือในช่วงของการสอดเข้า-สอดออก
- เก็บถุงยางอนามัยเอาไว้ในที่ๆ ร้อน ชื้น โดนแสงแดด รวมไปถึงการเก็บถุงยางอนามัยเอาไว้ในกระเป๋าสตางค์ ความร้อน และการถูกกดทับ อาจทำให้ถุงยางอนามัยขาด หรือเสื่อมสภาพได้
ดังนั้นขอให้คุณผู้ชาย (หรือคุณผู้หญิงที่เตรียมถุงยางอนามัยเอาไว้ในยามฉุกเฉิน) เก็บรักษาถุงยางอนามัยให้ดี อย่าเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ที่เล็ก และมีการเสียดสี กดทับตลอดเวลา เลือกขนาดของถุงยางอนามัยที่เหมาะสมกับขนาดของอวัยวะเพศ และใช้ถุงยางอนามัยตั้งแต่ก่อนสอดใส่ ไปจนถึงเสร็จกิจ ไม่มีเหตุถถุงยางอนามัยหลุดขณะมีเพศสัมพันธ์ หากพบว่ามีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นในข้อใดข้อหนึ่ง ฝ่ายหญิงสามารถกินยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินได้ (แต่ไม่ควรทานบ่อย) และอาจทานยาคุมกำเนิด (แบบปกติ) ควบคู่ไปกับการใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยก็ได้
>> กินยาคุมกำเนิดแล้ว ทำไมยังท้องได้?
คุณกำลังดู: ใช้ "ถุงยางอนามัย" ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ทำไมยังท้องได้?
หมวดหมู่: สุขภาพ